โดยงานรำลึก 33 ปี พฤษภาประชาธรรม หรือ พฤษภาทมิฬ ที่สวนสันติพร อนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นทุกปี โดยปีนี้มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายสมคิด เชื้อคง เป็นตัวแทนของนายกรัฐมนตรี นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมฯ และตัวแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมงานนำพวงมาลาไปวางไว้หน้าอนุสรณ์สถานพฤษภาประชาธรรม และมีพิธีทางศาสนา อุทิศส่วนกุศล และเทศนาธรรม
ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ประธานมูลนิธิพฤษภาประชาธรรม บอกเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 ผ่านไป 33 ปีแล้ว เป็นการรำลึกเหตุการณ์ทางการเมืองว่าไม่ควรเกิดขึ้นอีก และไม่ควรต้องมีวีรชนต้องมาเสียชีวิต ซึ่งก็ไม่มีใครตอบได้เลยว่าเหตุการณ์การนองเลือดจะไม่เกิดขึ้นอีก เพราะที่ผ่านมาเราเรียนรู้ความผิดพลาดน้อยมาก จำได้ว่าหลังเกิดเหตุการณ์เมื่อปี 2535 มีแต่คนพูดว่าจะไม่มีแบบนี้อีกแล้วกองทัพจะไม่มายุ่งกับการเมือง และรัฐประหารจะไม่เกิดขึ้นอีก รวมถึงจะไม่มีเหตุการณ์ขัดแย้งแตกแยกที่จะนำไปถึงการนองเลือด ถึงขณะนี้มีใครกล้าพูดหรือไม่ว่าการรัฐประหาร และการนองเลือด จะไม่เกิดขึ้นอีก
ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ระบุหลังเหตุการณ์ปี 2535 หลายคนคิดว่าการสูญเสียในครั้งนั้นจะเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นมีรัฐธรรมนูญปี 2540 ถึงจะดีที่สุดแต่ก็ถูกฉีก ดังนั้นต้องสร้างความตระหนักให้กับประชาชนว่าประชาธิปไตยเป็นของประชาชน ให้หวงแหนประชาธิปไตยเหมือนหลายๆ ประเทศที่รวมพลังต่อสู้เพื่อปกป้องประชาธิปไตย
ขณะที่ผู้นำฝ่ายค้านฯ ระบุเป็นคนรุ่นผ่านรัฐประหารมา 3 ครั้ง และพบว่าสิ่งที่น่ากลัวกว่าการรัฐประหารคือต้นทุนของประชาธิปไตยที่เราเสียไป คือความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนต่อนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งและระบบรัฐสภา และเมื่อคนส่วนใหญ่เลิกเชื่อมั่นศรัทธาในคำว่าประชาธิปไตย นั่นคือจุดจบของประเทศนี้ จะไม่สามารถปลูกต้นไม้เพื่อประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นมาในประเทศได้อีก #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#พฤษภาทมิฬ#พฤษภาประชาธรรม