กรณีการร้องเรียนเกี่ยวกับ ฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ปี 2567 ยังคงเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองและกฎหมาย เมื่อ คณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) มีมติให้พิจารณาคดีนี้เพิ่มเติมและเตรียมนำเข้าที่ประชุมอีกครั้งในวันที่ 6 มีนาคม 2568 โดยจะมีการเชิญ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ถกเถียงกันหนักคือ ใครมีอำนาจสอบสวนคดีนี้? ระหว่าง กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) หรือ กกต. ซึ่งนำไปสู่ข้อขัดแย้งด้านอำนาจหน้าที่ที่อาจส่งผลต่อทิศทางของคดี
DSI เดินหน้าสอบ แต่ติดปมกฎหมาย
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 ที่ประชุม กคพ. นำโดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้พิจารณาว่าคดีนี้ควรถูกจัดเป็น คดีพิเศษ หรือไม่ ซึ่งต้องพิจารณาร่วมกับ มาตรา 49 ของ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ. 2560
โดย มาตรา 49 ระบุว่า หากพบว่ามีการกระทำผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง กกต. มีอำนาจเรียกสำนวนการสอบสวนจากหน่วยงานรัฐหรือพนักงานสอบสวนมาดำเนินการเอง ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญว่า DSI ควรเข้าไปดำเนินการเอง หรือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ กกต.
เสียงแตก! กฤษฎีกาฟันธง DSI ไม่มีอำนาจ แต่ผู้ทรงคุณวุฒิบางรายมองต่าง
แหล่งข่าวจากที่ประชุมเปิดเผยว่า นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา มีความเห็นว่า DSI ไม่มีอำนาจในการทำคดีนี้ เพราะเป็นอำนาจของ กกต. ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ และหาก DSI ลงมือสอบสวน อาจเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดีอาญามาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
อย่างไรก็ตาม ผู้ทรงคุณวุฒิบางรายมองว่า DSI ยังคงสามารถดำเนินคดีอาญาได้ หากเป็นกรณีเกี่ยวกับอาชญากรรมทั่วไป ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งโดยตรง ทำให้ที่ประชุมมีข้อถกเถียงว่า DSI ควรจะเข้าไปดำเนินการแค่ในส่วนของคดีอาญาทั่วไป หรือควรปล่อยให้ กกต. รับผิดชอบทั้งหมด
ทำไมต้องรอ กกต. ชี้แจง?
แหล่งข่าวระบุว่า DSI เคยส่งเรื่องไปยัง กกต. แล้วถึง 3 ครั้ง แต่ กกต. ไม่ได้ให้คำตอบ ทำให้ที่ประชุม กคพ. ตัดสินใจเชิญ กกต. มาชี้แจงให้ชัดเจนว่า ทำไมจึงยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ ตามที่ DSI ร้องขอ
ขณะเดียวกัน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสายวิชาการ ในที่ประชุมเสนอให้ เลื่อนการพิจารณาคดีออกไปก่อน เนื่องจากเรื่องนี้ ยังไม่ผ่านการพิจารณาของคณะอนุกรรมการกลั่นกรองด้านอาชญากรรมพิเศษ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ควรปฏิบัติตามระเบียบปกติ
ทางออกของคดีนี้
วันที่ 6 มีนาคม 2568 จะเป็นวันสำคัญที่ กคพ. จะต้องตัดสินใจว่าคดีนี้ควรไปต่อทางไหน ซึ่งมี 3 แนวทางหลักที่เป็นไปได้
- DSI มีอำนาจสอบสวน – หากที่ประชุมเห็นว่า คดีนี้เป็น คดีอาญาทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต และไม่ใช่เรื่องที่อยู่ในขอบเขตของ กกต. โดยตรง DSI อาจดำเนินการสอบสวนต่อไป
- กกต. ต้องเป็นผู้ดำเนินการเอง – หากที่ประชุมเห็นว่า มาตรา 49 ให้สิทธิ์ กกต. แต่เพียงผู้เดียว อำนาจการสอบสวนทั้งหมดต้องถูกส่งไปยัง กกต.
- เลื่อนการพิจารณาออกไป – เพื่อให้ กกต. เข้ามาชี้แจง และผ่านกระบวนการกลั่นกรองอย่างเป็นทางการก่อนตัดสินใจอีกครั้ง