เกมเดิมพันที่ต้องวัดใจรัฐบาลใหม่
เป็นประเด็นร้อนแรงในทางการเมืองและเศรษฐกิจ จนชาวบ้านร้านตลาดพูดกันให้เซ็งแซ่ เมื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกฯ ส่งสัญญาณฟื้นคืนชีพโครงการ “คนละครึ่ง” ที่เคยเป็นมาตรการฮิตในอดีต ด้วยเหตุผลว่าเป็น “Quick Win” ช่วยปลุกเศรษฐกิจให้ตื่นจากภาวะซบเซาได้ทันทีทันใด แต่ภายใต้ความหวือหวาของการประกาศนี้ มีทั้งโอกาสและความเสี่ยงที่รัฐบาลใหม่ต้องเผชิญ
จงใจปัง หรือแค่ย้อนรอยความสำเร็จ?
การตัดสินใจขุดฟื้นนโยบายเก่าที่ประสบความสำเร็จแบบนี้ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ เพราะ “คนละครึ่ง” คือสูตรสำเร็จที่พิสูจน์แล้วว่า “โดนใจประชาชน” และกระตุ้นการบริโภคได้จริง ต่างจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลเพื่อไทยที่ไปไม่ถึงไหน สุดท้ายก็คว่ำไม่เป็นท่า
การที่รัฐบาลใหม่หยิบยกมาใช้ก็เหมือนกับการหยิบไพ่เด็ดในมือ หวังเรียกคะแนนนิยมและสร้างผลงานได้เร็วที่สุด โดยเฉพาะในช่วงเวลาจำกัด 4 เดือนแรกของการทำงาน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าอานิสงค์นี้จะส่งผลไปถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไป
แต่คำถามคือ…นี่คือการ “ต่อยอด” หรือแค่ “ย่ำอยู่กับที่”? รัฐบาลเคลมว่าจะปรับปรุงให้ดีกว่าเดิม แต่จะดีกว่าเดิมแค่ไหน? หรือเป็นเพียงการนำสูตรเดิมมาขายซ้ำในชื่อเดิม?
เหรียญสองด้าน
ด้านที่ 1: แสงสว่างปลายอุโมงค์ โครงการคนละครึ่งมีพลังมหาศาลในการช่วยพยุงร้านค้ารายย่อยและคนหาเช้ากินค่ำให้รอดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจได้จริง เมื่อประชาชนมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ร้านค้าก็มีรายได้ เงินก็หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ นี่คือจุดแข็งที่ไม่อาจปฏิเสธได้
ด้านที่ 2: ระเบิดเวลาทางการคลัง เบื้องหลังความสำเร็จคือ “ค่าใช้จ่ายมหาศาล” ที่รัฐต้องจ่าย การอัดฉีดเงินจำนวนมากเข้าสู่ระบบในคราวเดียว อาจทำให้รัฐบาลต้องแบกรับหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นเหมือนระเบิดเวลาที่อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินของประเทศในระยะยาว
และที่น่ากลัวไม่แพ้กันคือ “ภาวะเงินเฟ้อ” เมื่อทุกคนมีเงินใช้จ่ายมากขึ้น อาจทำให้ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย รวมถึงประชาชนเสพติดกับนโยบายลด แลก แจก แถม ที่ต่อไปต้องมีนโยบายแบบนี้ และเป็นภาระงบประมาณแผ่นดินไม่มีวันจบสิ้น สุดท้ายกลายเป็นดาบสองคมที่ย้อนกลับมาทำร้ายประชาชนเอง
เดิมพันครั้งใหม่ หรือแค่การตลาดเรียกกระแส?
การกลับมาของ “คนละครึ่ง” จึงไม่ใช่แค่เรื่องของเศรษฐกิจ แต่เป็นเรื่องของการเมืองที่ต้องวัดใจกันว่า รัฐบาลใหม่จะสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ จะสามารถทำให้โครงการนี้สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจเฉพาะหน้าได้จริง และมี “นโยบายที่แก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน” มารองรับ ไม่เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวที่แก้ปัญหาได้แค่ปลายเหตุ หรือหวังปูกระแสความนิยมไปสู่การเลือกตั้ง แต่ทิ้งภาระหนี้ก้อนโตไว้ให้ลูกหลานในอนาคต?
คำตอบคงต้องรอให้โครงการเริ่มต้นขึ้น และดูว่ารัฐบาลจะสามารถแก้โจทย์ที่เคยเป็นปัญหาในอดีตได้สำเร็จหรือไม่
#ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#อนุทินชาญวีรกูล#จัดตั้งรัฐบาล#สิริพงศ์#ภูมิใจไทย#พรรคภูมิใจไทย#พูดแล้วทำ#คนละครึ่ง#กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น#ขับเคลื่อนทันทีหลังแถลงนโยบาย