- Urban Culture
- Original
- Writer
- About us
- คุยกับสส
- The Persona
- Brief
- Thai Treasure
- Urban life
- On this day
- News
- Good
- Editir pick
- Home
- Persona
- Persona
- Urban
- Business
- Politics
- Playlist
- People Voice
- Home
- Culture
- นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
- Urban Wealth
- Law
- Update
- I’m Youth Ranger
- Urban History
- Issues
- Check
Subscribe to Updates
Get the latest creative news from FooBar about art, design and business.
Author: Writer Publisher
กรณี “พี่ ส.ส.–น้อง ส.จ.” ตระกูลเดชเดโช รุมทำร้ายผู้รับเหมากลางงานบวช เริ่มสะเทือนถึงตำรวจระดับผู้บังคับการจังหวัด ล่าสุดทนายความผู้เสียหายออกมาแฉผ่าน The Publisher ว่า พล.ต.ต. จารุต ศรุตยาพร ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช มีพฤติกรรมแทรกแซงคดี และ ข่มขู่ผู้เสียหายให้จบคดีที่น้องชาย ส.จ. ไม่โยงถึง ส.ส.ผู้เป็นพี่ชาย ⸻ จุดเริ่มต้น: คดีรุมกระทืบกลางงานบวช คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 หลัง นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และประธาน กมธ.ตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยน้องชาย นายพิชิตชัย เดชเดโช ส.จ.นครศรีฯ และพวกอีกจำนวนหนึ่ง รุมทำร้ายผู้รับเหมากลางงานบวช จนผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ ในช่วงแรกคดีมีท่าทีจะ “เคลียร์” กันนอกศาล โดยพยายามให้ผู้เสียหายถอนแจ้งความ แต่ภายหลังถูก The Publisher เปิดข้อมูลจนได้รับความสนใจในวงกว้าง และตำรวจชั้นผู้ใหญ่สั่งเดินหน้า เพราะว่าเป็นคดีอาญาแผ่นดิน ไม่สามารถยอมความได้ ทำให้ตำรวจในพื้นที่ต้องดำเนินการตามขั้นตอน โดยล่าสุดมีผู้ต้องหา 2 รายแสดงตัวว่าเป็นผู้ลงมือ ขณะที่ พี่ส.ส. และ น้องส.จ. ให้การปฏิเสธ ⸻ ผู้เสียหายถูกข่มขู่ก่อนสอบปากคำ คดีควรเดินหน้าตามครรลองแต่กลับเกิดเหตุการณ์ข่มขู่กลางโรงพัก โดยเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 ก่อนผู้เสียหายจะเข้าสอบปากคำกับพนักงานสอบสวน ได้รับการเชิญตัวไปพูดคุยกับ พล.ต.ต.จารุตฯ ซึ่งทนายความระบุว่า เป็นการพูดจาในลักษณะข่มขู่กดดัน โดยมีคำพูดว่า: “คดีนี้ไม่มีพยานมาให้การ ถ้าผู้การยังอยู่ก็ยังคุ้มครองได้ แต่ถ้าย้ายไป คนอื่นมาอยู่ ไม่รู้จะเป็นยังไง ทำมาหากินดีกว่า คดีที่ถูกสส.ทำร้ายไม่สำคัญ แนะนำให้ดำเนินคดีกับ สจ.น้องชายแทน“ ⸻ ทนายร้องเรียนผู้บัญชาการภาค 8 นางสาวอรัญญา จันทดี ทนายความผู้เสียหาย จึงทำหนังสือร้องเรียนถึง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อขอให้สอบสวนวินัย ผบก.นครศรีฯ และห้ามเข้าแทรกแซงคดี…
“โนสนโนแคร์?” แพทองธารนั่งหัวโต๊ะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ท่ามกลางแรงกดดัน “ลาออก” ขณะที่การเมืองกำลังเดือดปะทุ พรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว ประชาชนลงถนน-ยื่นแจ้งความเอาผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119-120 แต่ภาพที่สะพัดออกมาจากฝั่งพรรคเพื่อไทยในช่วงเวลาเดียวกัน กลับเป็นภาพของ “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี นั่งหัวโต๊ะประชุมพิจารณาโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังคลิปสนทนากับฮุน เซน สะเทือนความไว้วางใจคนไทยทั้งประเทศ โลกโซเชียลเดือด คนตั้งคำถาม: ผู้นำแบบนี้…รับผิดชอบพอหรือยัง? ในขณะที่พรรคเพื่อไทยเผยแพร่ภาพและภารกิจนายกฯ คอมเมนต์ใต้โพสต์ลุกเป็นไฟ: “เป็นนายกฯ เหมือนไม่ใช่ผู้นำประเทศ เป็น CEO บริษัทตัวเอง” “ประชาชนเดือด นายกฯนั่งชิลล์ในห้องประชุมเศรษฐกิจ” “อธิปไตยสั่นคลอน แต่ยังไม่เอ่ยคำว่าขอโทษแม้แต่คำเดียว” และส่วนใหญ่เรียกร้องให้รับผิดชอบด้วยการลาออก มีบ้างเหมือนกันที่เข้ามาให้กำลังใจแต่น้อยมากเมื่อเทียบกับคอมเมนต์เกือบ 700 ที่ปรากฏ #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#แพทองธารชินวัตร#รัฐบาลแพทองธาร#แม่ทัพภาคที่2#ชายแดนไทยกัมพูชา#ฮุนเซน#กัมพูชา – – – – – – – – – – – – – – – – – – https://thepublisherth.com
เริ่มจากบรรดา สว.สายทหารอย่าง พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว. ในฐานะประธานกรรมาธิการทหารและความมั่นคงของรัฐ วุฒิสภา พร้อมคณะ สว. แถลงเรียกร้องขอให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง หลังพบพฤติการณ์ของผู้นำรัฐบาล ที่แสดงออกถึงการด้อยความสามารถ ขาดภาวะผู้นำกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุนเซน รวมถึงพฤติกรรมส่อถึงความเป็นคนไม่รักชาติ บัดนี้ความอดทนคนในชาติสิ้นสุดแล้ว พร้อมระบุอาจเข้าข่ายกระทำความผิดรัฐธรรมนูญ และกฎหมายอาญา จึงรวบรวมรายชื่อเพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้ถอดถอนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 ไม่ซื่อสัตย์สุจริต และไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง โดยจะไปยื่นถอดถอนต่อศาลรัฐธรรมนูญ และ ป.ป.ช. ในวันนี้ ขณะที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นักเคลื่อนไหวอีกคน ก็ไปยื่น กกต. เพื่อขอให้ตรวจสอบนางสาวแพทองธาร ว่ามีความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ อันเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) หรือไม่ และเข้าข่ายเป็นเหตุให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (4) หรือไม่ในกรณีเดียวกันนี้ ส่วนที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายสมชาย แสวงการ พร้อมด้วยนายคมสัน โพธิ์คง และนายนิติธร ล้ำเหลือ เข้าแจ้งความดำเนินคดี น.ส.แพทองธาร ตามประมวลกฎหมายอาญา หมวด 3 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร มาตรา 119-128 อีกด้วย #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#แม่ทัพภาคที่2#ชุมนุมหน้าทำเนียบ#แพทองธารชินวัตร#รัฐบาลแพทองธาร#ชายแดนไทยกัมพูชา#ฮุนเซน#กัมพูชา#คลิปเสียงแพทองธาร#คปท#ภูมิใจไทยถอนตัว#คลิปหลุด9นาที#เกมการเมือง#พรรคร่วมแตก#มันจบแล้วอุ๊งอิ๊งค์
19 มิถุนายน 2568 — ศาลฎีกามีคำสั่ง “รับฎีกา” คดีเจอร์นี่ สุนัขลาบราดอร์ที่เสียชีวิตจากการผ่าตัด หลังศาลอุทธรณ์กลับคำจากศาลชั้นต้นให้สัตวแพทย์และโรงพยาบาลสัตว์ไม่ต้องรับผิด วันนี้…ศาลเห็นว่า ยังมีข้อสงสัยสำคัญที่ต้องพิจารณาใหม่ 2 ประเด็นที่ศาลฎีการับพิจารณา: 1. ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าไม่มีการตรวจพิสูจน์ซาก — เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นหรือไม่? 2. การเสียชีวิตของเจอร์นี่เกิดจาก ความประมาทเลินเล่อ ของสัตวแพทย์? ทั้งสัตวแพทย์และโรงพยาบาลสัตว์ต้องรับผิดหรือไม่? หากใช่…จะต้องรับผิดแค่ไหน? ⸻ “วันนี้ตรงกับวันครบรอบ 6 ปีที่เจอร์นี่จากไปพอดี…พวกเราร่วมทำบุญให้น้องเหมือนทุกปี…ข่าวนี้คือของขวัญ และเป็นกำลังใจที่ดีที่สุด ขอบคุณศาลจริง ๆ ทำให้เรามีความหวังกับกระบวนการยุติธรรม เพราะคดีแบบนี้ยากมากที่จะขึ้นมาถึงชั้นศาลฎีกาได้ ถือเป็นชัยชนะอีกขั้นหนึ่ง” — ธิษณา เดือนดาว เจ้าของเจอร์นี่ กล่าวกับ The Publisher เธอรำลึกถึงเจอร์นี่ว่า อาจเป็นแรงบันดาลใจที่ไม่ธรรมดาของเจอร์นี่ทำให้เธอฮึด ลุกขึ้นต่อสู้ สังคมให้ความสนใจกลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์เมื่อ 6 ปีที่แล้ว กระทั่งคดีเดินต่อจนถึงชั้นฎีกา และขอบคุณ The Publisher ที่เผยแพร่เรื่องนี้อีกครั้งจนได้รับความสนใจอย่างล้นหลามจากสังคม ”เราขมขื่นกล้ำกลืนมาเยอะมาก และคิดว่ามีคนที่ขมขื่นไม่ต่างจากเราอีกจำนวนไม่น้อย เพราะเจ้าของเหมือนโดนกระทำย่ำยีแต่ไม่มีแรงสู้กับสัตวแพทย์หรือโรงพยาบาลสัตว์ เวลามีปัญหาสัตวแพทย์อื่น ๆ ก็ไม่กล้าเข้าข้างเรา เพราะเกรงว่าจะโดนตราหน้าทำลายเพื่อนร่วมวิชาชีพ จนต้องมาแอบให้ข้อมูลลับ ๆ“ ⸻ คดีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของ “ธิษณา” และ “เจอร์นี่” แต่คือบทเรียนของทั้งระบบ — ว่า สัตว์เลี้ยงไม่ควรตายฟรี และใบยินยอมไม่ควรกลายเป็นใบปลอดความรับผิดชอบ ร่วมส่งต่อเรื่องนี้… เพื่อเรียกร้องธรรมาภิบาลในการรักษาสัตว์เลี้ยง รอความยุติธรรมเยียวยาหัวใจให้ทุกครอบครัว #เพื่อเจอร์นี่#สัตว์ไม่ใช่ของ#ศาลฎีกา19มิถุนายน#ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์ #MaJourAndFriends#ครบ6ปี#รับฎีกาแล้ว #JusticeForJourney#สัตว์ไม่ใช่ของ
“ตอนนี้อยู่ในภาวะโต้ตอบกันไปมา ยังไม่ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการ แต่ถ้าปล่อยให้บานปลาย มีโอกาสเกิดขึ้นได้ เพราะเคยเกิดมาแล้ว 2 ครั้งในอดีต” รศ.ดร.ปณิธาน เตือนแรงว่าความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์ในอดีตอย่าง กรณีเผาสถานทูตไทยในพนมเปญ เมื่อ 30 มกราคม 2546 และ การเรียกทูตกลับประเทศในปี 2552 จากกรณีแต่งตั้งอดีตนายกฯ ไทยเป็นที่ปรึกษาสมเด็จฮุน เซน ยังคงเป็นรอยแผลฝังใจ และสถานการณ์ในวันนี้ก็กำลังเดินเข้าใกล้เงื่อนไขเดิมทีละก้าว “เราไม่เคยเผาสถานทูตเขา แต่เขาเคยเผาสถานทูตเรา เพราะฉะนั้น…ความทรงจำมันไม่ดีนัก” เมื่อผู้นำระดับสูงปะทะกันโดยตรง โอกาสปะทุในระดับประชาชนก็เกิดขึ้นได้ทันที ———— ผลกระทบเศรษฐกิจเริ่มเห็นชัด…ความเสียหายไม่ใช่เรื่องนามธรรม “การค้า–บริการสาธารณูปโภค–การเชื่อมโยงชายแดน เริ่มมีตัวเลขผลกระทบออกมาแล้ว” แม้บางหน่วยงานยังรอการยืนยัน แต่ รศ.ดร.ปณิธาน ย้ำว่า “ความเสียหายได้เริ่มเกิดขึ้นจริง” โดยเฉพาะฝั่งไทยที่เป็นหนึ่งในคู่ค้ารายใหญ่ของกัมพูชา รองจากจีน สหรัฐ และเวียดนาม หากสถานการณ์ยังคงตึงเครียดเช่นนี้ต่อไป “เป้าหมายปีนี้ที่วางไว้ว่าจะทำมูลค่าการค้าสูงสุดในประวัติศาสตร์ 1.5 หมื่นล้านบาท…เลิกคิดไปได้เลย” ——- สถานการณ์จะยาวนานกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา…ถ้าไม่รีบเปลี่ยนเกม “เคยคิดว่ารอบนี้จะเร็ว แต่วันนี้เริ่มเห็นแล้วว่า…น่าจะยืดเยื้อ” เมื่อเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ในอดีต เช่นการปะทะปี 2501–2502 จากกรณีสันติภาพโลก หรือกรณีปี 2546 ที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนในการคลี่คลาย แต่รอบนี้ “ผู้นำกัมพูชาคือลูกชายของอดีตผู้นำ” ที่ต้องการสร้างอำนาจ และกำลัง “ยกระดับความตึงเครียด” เพื่อสถาปนาความชอบธรรม “เมื่อผู้นำสูงสุดลงมาเล่นเองแบบนี้ สถานการณ์มันก็จะยาว…แม้แต่คนไทยก็อยากให้ตอบโต้กลับแล้วด้วย” ————— กลไกความสัมพันธ์ที่มีอยู่…ใช้ไม่ได้อีกต่อไป “JBC–RBC–GBC มันเป็นกลไกเดิม ๆ ที่วนลูปมา 30 ปี…ถ้าไม่ปรับใหม่ เราก็จะอยู่กับความเจ็บปวดเดิม ๆ ต่อไป” รศ.ดร.ปณิธานเสนอว่าควรใช้โอกาสนี้ “เปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง” เสนอร่างความร่วมมือฉบับใหม่ที่ยืดหยุ่น ทันสมัย และตอบโจทย์ยุคสมัย เพื่อแสดงให้กัมพูชารุ่นใหม่เห็นว่า ไทยไม่ได้คิดแบบบรรพบุรุษที่ยึดกรอบเก่าเท่านั้น “ถ้าเรากล้าเสนอกรอบใหม่ เป็นไปได้เลยว่าสถานการณ์จะหักกลับทันที…หากประชาชนทั้งสองประเทศอาจมองว่านี่คือทางออก” ————- ทีมแก้วิกฤตล่าช้า–ทำงานเชิงรุกไม่ได้ “วันนี้ภาษาชาวบ้านเขาพูดว่า ยังไม่เทกแอคชันเลย…ยังไม่มีคนลงมือทำชัด ๆ” แม้จะมี “ศูนย์ฯ” ที่เพิ่งตั้งขึ้นโดยมีรมช.กลาโหมเป็นหัวหน้าทีม แต่ก็ยังติดขัดด้วยระบบราชการ แถลงรายวันแบบวิธีโควิดซึ่งใช้ไม่ได้กับภาวะการทูต “จริง ๆ มีคณะกรรมการเฉพาะกิจที่ สมช. เคยใช้ ติดตามสถานการณ์รายวันได้รวดเร็ว…ทำไมไม่ใช้ทีมเล็ก ๆ…
6 ปีแห่งการต่อสู้…ศาลรับฎีกาคดีเจอร์นี่แล้ว วันนี้เมื่อ 6 ปีก่อน — เจอร์นี่เดินเข้าห้องผ่าตัด โดยที่ธิษณา เดือนดาว ไม่มีโอกาสร่ำลา และวันนี้… 6 ปีพอดี ศาลฎีกามีคำสั่ง “รับฎีกา” ให้คดีนี้ได้เดินต่อ เพื่อค้นหาความยุติธรรมถึงที่สุด หลังศาลชั้นต้นให้เธอชนะคดี แต่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง เธอพาเจอร์นี่ไปหาหมอด้วยความหวัง แต่เจอร์นี่จากไป — และคำอธิบายที่ได้คือ “ไม่ผิด” 6 ปีที่เธอใช้ทั้งหัวใจ แรงกาย และน้ำตา เพื่อถามสังคมว่า… – “การยินยอมรักษา หมายถึงปล่อยให้ตายด้วยการรักษาอย่างประมาทได้หรือ?” – จริยธรรมสัตวแพทย์-โรงพยาบาลสัตว์ ต้องมีมากกว่านี้หรือเปล่า เมื่อเทียบกับขนาดธุรกิจและผลกำไรจากอุตสาหรรมที่กอบโกยจาก “ความรักสัตว์” และวันนี้ คำถามนี้… จะได้มีคำตอบในศาลสูงสุดของประเทศ 19 มิถุนายน 2562-19 มิถุนายน 2568 จากวันสุดท้ายของเจอร์นี่ สู่วันแรกของ “ความยุติธรรมที่เริ่มเดินทางอีกครั้ง” #เพื่อเจอร์นี่#สัตว์ไม่ใช่ของ#ศาลฎีกา19มิถุนายน#ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์ #MaJourAndFriends#ครบ6ปี#รับฎีกาแล้ว #JusticeForJourney#สัตว์ไม่ใช่ของ
ผบ.ทบ. แสดงจุดยืนยึดมั่นระบอบประชาธิปไตย พร้อมทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ ย้ำเวลานี้ “คนไทยต้องสามัคคี” เป็นการโพสต์ภาพและข้อความที่เป็นทั้งภาษาไทยและอังกฤษระบุว่า วันนี้ (19 มิ.ย.68) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันที่ปรากฏข้อมูลหรือการแสดงความคิดเห็นต่างๆ ที่หลากหลายและส่งผลกระทบต่อสังคมเป็นบริเวณกว้าง พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ในประเทศที่เกิดขึ้นโดยขอให้คนไทยได้เชื่อมั่นในกองทัพบก ที่มีจุดยืนในการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และพร้อมทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างสุดความสามารถ ภายใต้กลไกที่มีอยู่ ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบกได้เน้นย้ำว่า หากพิจารณาอย่างรอบด้านแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในห้วงเวลานี้คือ “คนไทยต้องสามัคคี” ร่วมกันปกป้องอธิปไตยจากผู้ไม่หวังดี โดยยึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#ผบทบ#ชุมนุมหน้าทำเนียบ#แพทองธารชินวัตร#รัฐบาลแพทองธาร#ชายแดนไทยกัมพูชา#ฮุนเซน#คลิปเสียงแพทองธาร#คปท#ยึดมั่นในระบอบปชต#คลิปหลุด9นาที#เกมการเมือง#พรรคร่วมแตก#มันจบแล้วอุ๊งอิ๊งค์
คลิปเสียง 9 นาทีระหว่างนายกรัฐมนตรีหญิงของไทย กับ ฮุน เซน กำลังพารัฐบาลทั้งคณะไถลเข้าสู่ “วิกฤตศรัทธา” เต็มขั้น คำพูดที่ว่า… “แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝั่งตรงข้าม” “ขอให้ลุงเห็นใจหลาน” “อยากได้อะไรเดี๋ยวจัดการให้” ที่ถูกฮุน เซนปล่อยสู่สาธารณะ กลายเป็น “ใบเสร็จเสียงจริง” ที่บั่นทอนทั้งอำนาจทางการเมือง และความชอบธรรมในการเป็นผู้นำประเทศ ⸻ 🛑 ภูมิใจไทย ถอนตัวพ้นรัฐบาล — วิกฤตจากภายใน เริ่มปะทุ ค่ำวันที่ 18 มิถุนายน พรรคภูมิใจไทยออกแถลงการณ์ชัดเจนว่า คณะกรรมการบริหารพรรคมีมติถอนตัวจากรัฐบาล พร้อมให้รัฐมนตรีทุกคนลาออกจากตำแหน่ง มีผลตั้งแต่วันที่ 19 มิถุนายน 2568 “พรรคภูมิใจไทยขอเรียกร้องให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกฯ แสดงความรับผิดชอบต่อการทำให้ประเทศไทย ต้องเสียเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรีของชาติ และกองทัพ” — แถลงการณ์พรรคภูมิใจไทย การลาออกครั้งนี้ ไม่ใช่แค่การ “ทิ้งเรือกลางคลื่น” แต่มันคือการ ชี้ชัดว่า ความผิดพลาดของนายกรัฐมนตรี ไม่สามารถรับได้อีกต่อไป และเป็นเกมที่เรียกว่า “บอลเข้าเท้า” พอดิบพอดี ⸻ จังหวะทอง “ภูมิใจไทย” ชิงถอนตัวก่อนถูก “เขี่ย” หากมองให้ลึกลงไป นี่ไม่ใช่แค่การถอนตัวเพราะหลักการ แต่คือ “จังหวะทอง” ของภูมิใจไทย ที่สามารถ พลิกเกมการเมืองจากผู้เสียเปรียบ มาเป็นผู้กุมเชิง ย้อนกลับไปก่อนเกิดคลิปหลุด พรรคเพื่อไทยประกาศแตกหักทวงเก้าอี้มหาดไทย ส่วนภูมิใจไทยอยู่ในโหมดเตรียมพร้อมเป็นฝ่ายค้าน 48 ชั่วโมงที่เดิมเคยเป็นเวลานับถอยหลังทางอำนาจของภูมิใจไทย พลิกกลับมาเป็นเกมอำนาจที่ชะตาของ “แพทองธาร” และเพื่อไทย แขวนอยู่บนเส้นด้ายแทน ————- มันจบแล้ว “อุ๊งอิ๊งค์” สิ่งที่น.ส.แพทองธารพูด อาจตั้งใจให้ดูนุ่มนวล แต่นี่ไม่ใช่บทสนทนาในห้องส่วนตัว นี่คือการพูดกับผู้นำประเทศที่กำลังมีปัญหาชายแดนกับไทย และเมื่อ คำพูดที่อ่อน กลายเป็น จุดอ่อนของรัฐ การ “ขอความเห็นใจ” กับต่างชาติ การ “ฟาดแม่ทัพ” ฝ่ายตัวเอง มันย่อมเปิดทางให้เกิดคำถามว่า… นายกฯ คนนี้ยืนข้างใคร? มากไปกว่านั้นคือ…
กลุ่มภาคประชาชนเตรียมเดินหน้ากดดันหนักขึ้น หลังกรณีคลิปเสียงหลุดของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ผู้นำกัมพูชาอย่างเป็นกันเอง และมีถ้อยคำที่ถูกมองว่า “ลดทอนอธิปไตยไทย–ฟาดฝ่ายความมั่นคงของตัวเอง” 10.00 น. – ที่สะพานชมัยมรุเชฐ กลุ่ม คปท. และ “กองทัพธรรม” จะจัดกิจกรรมแถลงการณ์ขับไล่นายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า “พฤติกรรมผู้นำหญิงคนนี้คือภัยคุกคามต่อประเทศ” 11.00 น. – ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายสมชาย แสวงการ พร้อมด้วยนายคมสัน โพธิ์คง และนายนิติธร ล้ำเหลือ เตรียมเข้าแจ้งความดำเนินคดี น.ส.แพทองธาร ตามประมวลกฎหมายอาญา หมวด 3 ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร มาตรา 119-128 ทั้ง 10 มาตรามีฐานความผิดและบทลงโทษดังนี้ มาตรา 119 ผู้ใดกระทำการใด ๆ เพื่อให้ราชอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกภาพของรัฐเสื่อมเสียไป ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต ⸻ มาตรา 120 ผู้ใดคบคิดกับบุคคลซึ่งกระทำการเพื่อประโยชน์ของรัฐต่างประเทศ ด้วยความประสงค์ที่จะก่อให้เกิดการดำเนินการรบต่อรัฐ หรือในทางอื่นที่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี ⸻ มาตรา 121 ผู้ใดยุยงหรือชักชวนให้บุคคลซึ่งมีกำลังทหารอยู่ในราชอาณาจักรของไทย ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นทหารของไทย หรือของรัฐอื่น ให้ร่วมกันก่อการรบต่อรัฐไทย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี ⸻ มาตรา 122 ผู้ใดล่วงรู้ว่าจะมีการกระทำความผิดตามมาตรา 119 มาตรา 120 หรือมาตรา 121 แล้วไม่แจ้งความต่อเจ้าพนักงานโดยเร็ว ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ⸻ มาตรา 123 ผู้ใดล่วงรู้ความลับเกี่ยวกับการป้องกันประเทศ แล้วนำความลับนั้นไปเปิดเผยแก่รัฐต่างประเทศ หรือให้บุคคลใดซึ่งไม่ควรทราบ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี ⸻ มาตรา 124 ผู้ใดกระทำการใด ๆ เป็นการอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ โดย (1) ติดต่อ สื่อสาร หรือให้ความร่วมมือแก่รัฐต่างประเทศ หรือ (2) ให้ความช่วยเหลือแก่บุคคลหรือองค์กรที่ปฏิบัติงานให้กับรัฐต่างประเทศ…
วันนี้ (19 มิถุนายน) ตั้งแต่ช่วงเช้า ประชาชนหลายส่วนทยอยเดินทางมารวมตัวบริเวณพื้นที่จัดการชุมนุม บริเวณสะพานชมัยรุเชษฐ์ เพื่อเข้าร่วมกิจกรรมปราศรัยที่จัดต่อเนื่องตลอดทั้งวัน การชุมนุมครั้งนี้มีเป้าหมายสำคัญในการเรียกร้องให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยผู้ชุมนุมระบุว่าเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อกรณี “คลิปเสียงหลุด” ที่กำลังเป็นกระแสในสังคม และสร้างคำถามต่อจริยธรรมและความโปร่งใสของผู้นำประเทศ บรรยากาศการชุมนุมเป็นไปอย่างคึกคัก มีการตั้งเวทีปราศรัยสลับกับกิจกรรมจากกลุ่มเครือข่ายภาคประชาชน ขณะเดียวกัน มีสื่อมวลชนทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้าร่วมสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดกำลังดูแลความเรียบร้อยโดยรอบพื้นที่ เพื่อให้การชุมนุมเป็นไปอย่างสงบเรียบร้อย #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#แม่ทัพภาคที่2#ชุมนุมหน้าทำเนียบ#แพทองธารชินวัตร#กองทัพไทย#รัฐบาลแพทองธาร#ชายแดนไทยกัมพูชา#ฮุนเซน#กัมพูชา#คลิปเสียงแพทองธาร#คปท