- Original
- Urban Culture
- Writer
- About us
- คุยกับสส
- The Persona
- Brief
- Thai Treasure
- Urban life
- On this day
- News
- Home
- Editir pick
- Good
- Persona
- Persona
- Urban
- Business
- Politics
- Playlist
- Home
- People Voice
- Culture
- นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
- Urban Wealth
- Law
- Update
- I’m Youth Ranger
- Urban History
- Issues
- Check
Subscribe to Updates
Get the latest creative news from FooBar about art, design and business.
Browsing: News
ระยอง – เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2568 เจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภาค 2 ภายใต้การอำนวยการของ นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. และ นายวัฒนชัย ส้มมี ผู้ช่วยเลขาธิการสำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 2 ได้นำกำลังเข้าจับกุม นายสงวน (สงวนนามสกุล) เจ้าของร้านค้ารายหนึ่งในจังหวัดระยอง ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 ที่ จ.1/2568 ลงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 นายสงวน ถูกดำเนินคดีในข้อหาสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำผิด โดยการทำเอกสารใบเสนอราคายางมะตอยถุงสำเร็จรูปราคาเกินจริง เสนอต่อเทศบาลตำบลเนินพระ จนทำให้รัฐได้รับความเสียหายเป็นมูลค่า 58,500 บาท โดยข้อกล่าวหาประกอบด้วย• ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 และมาตรา 91• ร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐ จัดทำเอกสารใบเสนอราคาที่สูงกว่าราคาตลาดทั่วไป และเข้าเป็นคู่สัญญากับเทศบาลตำบลเนินพระ ก่อนการจับกุม เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ภาค 2 ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายสงวน อาศัยอยู่บริเวณ ถนนกรอกยายชา ตำบลเนินพระ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง และมีพฤติการณ์เดินทางไปมาระหว่างจังหวัดระยองและจังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เขาทำสวน เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับข้อมูลแน่ชัด จึงได้วางแผนเข้าตรวจสอบพื้นที่เป้าหมาย จนสามารถพบตัวนายสงวน และทำการจับกุมตัวโดยแสดงหมายจับพร้อมอ่านสิทธิทางกฎหมายให้ผู้ต้องหาทราบ ซึ่ง นายสงวนยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และยังไม่เคยถูกจับกุมตามหมายจับนี้มาก่อน จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา และดำเนินการตาม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ก่อนนำตัวไปลงบันทึกประจำวันที่ สถานีตำรวจภูธรเมืองระยอง และควบคุมตัวส่ง สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 2 เพื่อดำเนินคดีต่อไป “ผู้ถูกกล่าวหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด”
“ชีวิตทักษิณเหมือนอยู่บนเส้นด้าย ทำให้เครียดเพราะไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้นกับตัวเอง” เป็นส่วนหนึ่งจากคำสัมภาษณ์ของ จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ที่ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ The Publisher ผ่านรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ดำเนินรายการโดย สมจิตต์ นวเครือสุนทร โดยถอดรหัสคำปราศรัยของ ทักษิณ ชินวัตร ที่พิษณุโลก เมื่อวันที่ 17 มีนาคม พร้อมวิเคราะห์เกมการเมืองและบทบาททักษิณว่า “ยังทำตัวเป็นคนสองบุคลิก ปากบอกให้สามัคคีแต่กล่าวหาคนเห็นต่างว่าเห่าหอน ไม่ทำตัวเป็นแบบอย่างของความสามัคคีที่ดีซึ่งต้องมีความยุติธรรม แต่ทักษิณกลับไม่ยอมรับโทษ เมื่อไม่มีความยุติธรรม ความสามัคคีย่อมไม่เกิดขึ้น นี่คือสิ่งที่ทักษิณควรจะรู้ดีที่สุด” ถามหาสามัคคี ”ต้องไปติดคุก” ให้เกิดความยุติธรรมก่อน จตุพร ยังตั้งข้อสังเกตถึงคำกล่าวของทักษิณที่ยังคงพาดพิงอ้างถึงพระเมตตาของในหลวงรัชกาลที่ 10 ที่ทำให้เขาได้กลับประเทศไทย แต่กลับไม่เคารพกระบวนการยุติธรรม และสำนึกผิดตามที่ขอพระราชทานอภัยลดโทษกลับอ้างแต่วรรคท้ายที่ว่าจะนำความรู้ความสามารถมารับใช้บ้านเมือง “เขาให้ติดคุกก่อน และบอกว่าจะมาเลี้ยงหลาน แต่ทุกอย่างที่เดินคือการเมือง ถามว่าสอดคล้องกันหรือไม่ เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ประชาชนรู้สึกแต่ทักษิณจะรู้สึกหรือไม่ การไปพบพี่น้องเสื้อแดง ผมมองแววตาคนเสื้อแดงแล้ว ทุกอย่างไม่มีทางเหมือนเดิมอีกแล้ว เพราะพวกเขาต่อสู้ตายเป็นร้อยบาดเจ็บหลายพัน แต่ทักษิณทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามงานที่พิษณุโลกก็ไม่ต่างอะไรกับการจัดอีเวนต์ที่ปราศจากจิตวิญญาณ โกหกกลบคำโกหก กลยุทธ์ถนัดของทักษิณ ในการปราศรัยครั้งล่าสุด มีการพูดถึงการล้างหนี้เครดิตบูโรให้เอกชนซื้อหนี้จากธนาคาร ถามว่าจะหาเอกชนมาจากที่ไหน? เพียงแต่ไปตัดหนี้มาจากธนาคารแล้วก็มาค้ากำไรต่อ “เป็นคำพูดที่เลื่อนลอย ทักษิณต้องไปบอกลูกสาวให้ทำตามนโยบายที่หาเสียงให้ครบก่อนแล้วค่อยคิดทำอย่างอื่น สิ่งที่ทักษิณทำตอนนี้คือการสร้างฝันใหม่เป็นทฤษฎีการเมือง โกหกเพื่อกลบเรื่องโกหกเก่าที่ทำไม่ได้ จึงต้องขายฝันสิ่งใหม่ ให้คนลืมเรื่องเก่าที่เคยรับปากไว้ ขายฝันใหม่ให้คนไทยลืมสิ่งที่แพทองธารประกาศไว้ต่อประชาชนแล้วยังทำไม่ได้” ไม่กินไวน์ด้วย เพราะยังทำลายประเทศ เมื่อถามว่า ทักษิณบอกคำย่อ สทร. ถ้าคนที่ไม่ชอบจะแปลว่า เสือกทุกเรื่อง เหมือนที่เขาเคยให้คำจำกัดความไว้ แต่ถ้าคนที่รักเขาจะแปลว่า “สุดที่รัก” สำหรับจตุพรแปลว่าอะไร? เขาตอบทันทีว่า ก็แปลว่า “เสือกทุกเรื่อง” เหมือนที่ทักษิณให้คำจำกัดความเอาไว้ ส่วนที่มีการชวนไปกินไวน์ก็ขอบอกว่า “ถ้าไม่หยุดกาสิโน พนันออนไลน์ ผลประโยชน์ไทยกัมพูชา ให้ต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปี ระบบเงินตรา แลนด์บริดจ์ซุกที่ 3 แสนไร่ให้ต่างชาติเช่า 99 ปี มันดื่มไวน์ก็ไม่จบเพราะมีเรื่องฉิบหายวายวอดรออยู่ วันนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวเป็นเรื่องของชาติบ้านเมือง การวิจารณ์ระหว่างผมกับทักษิณเป็นเรื่องบ้านเมือง ว่าลูกในฐานะนายกฯ และทักษิณในฐานะ สทร.ยังเดินหน้ากาสิโนทั้งที่ประเทศเราเคยพังเพราะเรื่องนี้มาแล้ว มันจะคุยกันได้อย่างไร มันเป็นเรื่องชาติบ้านเมือง เรื่องส่วนตัวระหว่างผมกับทักษิณจบไปนานแล้ว” ”ทักษิณ“ ชีวิตเหมือนแขวนบนเส้นด้าย…
“อย่ามองว่าเป็นเวทีพิสูจน์ แพทองธาร เพราะเธอไม่มีอะไรให้พิสูจน์” เป็นคำพูดเข้ม ๆ ของ รศ.ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก นักวิชาการด้านกฎหมาย ที่กล่าวไว้ในรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ของ The Publisher ดำเนินรายการโดย สมจิตต์ นวเครือสุนทร เขาไม่เพียงมาวิเคราะห์ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 24 มีนาคมนี้ แต่ยังชำแหละทุกมิติของเกมการเมืองที่เกิดขึ้น พร้อมตั้งคำถามที่ฝ่ายค้านต้องตอบให้ได้ “อย่ามองว่าเป็นเวทีพิสูจน์แพทองธาร เพราะเธอไม่มีอะไรให้พิสูจน์!” ประโยคนี้ถูกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนที่เขาจะขยายความว่า แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ไม่มีอะไรให้ตรวจสอบ เพราะตราบใดที่ยังอยู่ภายใต้เงาของพ่อ ก็ไม่มีอะไรที่เธอจะพิสูจน์ตัวเองได้จริง “ไม่มีใครเห็นเลยว่าแพทองธารมีกระดูกสันหลังและมันสมองอยู่ที่ไหน เธอไม่เคยแสดงความเป็นผู้นำให้เห็นสักครั้ง อย่าหาว่าปรามาสหรือดูถูก แต่แพทองธารไม่มีอะไรต้องพิสูจน์จริง ๆ และคนในสังคมก็เชื่อว่าแพทองธารไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้“ รศ.ดร.เจษฎ์ กล่าว พร้อมแนะให้จับตาบทบาท ลูกน้อง ลิ่วล้อ หรืออาจเป็นถึงขั้นขี้ข้าของคนที่ภักดีต่อทักษิณ ชินวัตร ว่าจะทำหน้าที่กันขนาดไหนในสภาฯ ปชน.ต้องเปลี่ยนเกม หยุดเสียเวลากับการพุ่งเป้าที่ ”ทักษิณ“ เขาอธิบายต่อว่า ในแง่ของเกมการเมือง พรรคประชาชนทำพลาดตั้งแต่ต้นที่ใส่ชื่อทักษิณในญัตติ เพราะมันเปิดช่องให้เพื่อไทยและประธานสภาฯ ใช้เป็นข้ออ้างในการเบรกการอภิปราย ทั้งให้แก้ไขเนื้อหาญัตติ ทั้ง ๆ ที่ตามรัฐธรรมนูญไม่ได้ห้ามการเอ่ยถึงบุคคลภายนอก หากฝ่ายค้านอ่านเกมขาดจริง พวกเขาควรเลี่ยงการกล่าวถึงทักษิณโดยตรง แล้วหันไปใช้ข้อกฎหมายเป็นอาวุธแทน “คุณไม่ต้องพูดถึงทักษิณเลย แต่ให้ถามว่าแพทองธารถูกครอบงำหรือไม่? ครอบงำอย่างไร? ผิดกฎหมายข้อไหน? ทำชาติเสียหายอย่างไร? ” เขาเสนอแนวทางให้ฝ่ายค้านเดินเกมอย่างเฉียบขาด ด้วยการอ้างรัฐธรรมนูญมาตรา 45 ที่กำหนดให้พรรคการเมืองต้องเป็นอิสระ และพ.ร.ป.พรรคการเมือง มาตรา 28 และ 29 ที่ระบุว่า พรรคการเมืองจะให้บุคคลภายนอกครอบงำไม่ได้ “เมื่อทุกอย่างถูกอ้างอิงบนข้อกฎหมาย คนประท้วงก็ประท้วงไม่ได้ ประธานสภาฯ ก็สกัดไม่ได้ เพราะทุกคำพูดคือข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ เกมนี้ไม่ใช่แค่ศึกซักฟอกแพทองธาร แต่มันคือเวทีพิสูจน์พรรคประชาชน ว่าจะเป็นทางเลือกของประชาชนได้จริงหรือไม่?” ฝ่ายค้านต้องตีให้แตกว่าเพื่อไทยบริหารประเทศแบบ ‘ถูกครอบงำ’ รศ.ดร.เจษฎ์ อธิบายว่าหากอภิปรายให้ถูกจุด จะทำให้เพื่อไทยปฏิเสธไม่ได้ ชี้ให้ชัดว่า แพทองธารขาดอิสระทางตรง เพราะเธอไม่เคยคิดอะไรเองได้เลย ส่วน พรรคเพื่อไทยขาดอิสระทางอ้อม เพราะต้องเดินตามคนนอกที่ชี้นำ ทุกอย่างนำไปสู่การบริหารประเทศที่ล้มเหลว “พรรคประชาชนยังต้องทำมากกว่านั้น ต้องตีให้ชัดว่าเพื่อไทยต่างหากที่เป็นภัยต่อสถาบันฯ”…
ปปช.ภาค 4 ร่วมตำรวจ บุกจับอดีตนายก อบต. จังหวัดหนองบัวลำภู บุกรุกที่ดินรัฐกว่า 86 ไร่ อ้างสิทธิ์ถือครองโดยมิชอบ พร้อมดำเนินคดีตามกฎหมายฐานบุกรุกที่ดินของรัฐโดยทุจริต จับคาหนังคาเขา! อดีตนายก อบต. บุกรุกที่ดินรัฐ อ้างสิทธิ์ครอบครองโดยมิชอบ เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2568 สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 4 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สนธิกำลังเข้าจับกุมอดีตนายก อบต. จังหวัดหนองบัวลำภู ฐานบุกรุกและอ้างสิทธิ์ครอบครองที่ดินของรัฐ เป็นพื้นที่กว่า 86 ไร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต ป.ป.ช. ระบุว่า การตรวจสอบพบความผิดปกติในการครอบครองที่ดินของรัฐในพื้นที่หนองบัวลำภู ซึ่งเป็นที่ดินที่ควรจะอยู่ในความดูแลของรัฐเพื่อใช้ประโยชน์สาธารณะ แต่กลับถูกบุคคลอ้างกรรมสิทธิ์โดยมิชอบ ทำให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ เปิดพฤติการณ์ทุจริต อ้างเป็นที่ดินส่วนบุคคล – มีเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ จากการตรวจสอบพบว่า อดีตนายก อบต. รายนี้ได้พยายามออกเอกสารสิทธิ์โดยใช้ช่องโหว่ทางกฎหมาย และมีการนำเสนอข้อมูลที่ไม่เป็นจริงต่อหน่วยงานราชการ โดยพบว่า ที่ดินดังกล่าวมีมูลค่ากว่า 151 ล้านบาท โดยการบุกรุกดังกล่าว เป็นการเปลี่ยนสถานะที่ดินรัฐเป็นที่ดินส่วนบุคคลเพื่อหาประโยชน์โดยมิชอบ ซึ่งในการตรวจสอบพื้นที่จริง เจ้าหน้าที่พบการปลูกพืชเชิงพาณิชย์และมีหลักฐานการครอบครองที่ผิดกฎหมาย ป.ป.ช. ลั่น! ต้องดำเนินคดีถึงที่สุด – ไม่ให้ที่ดินรัฐตกอยู่ในมือผู้มีอำนาจ สำนักงาน ป.ป.ช. ยืนยันว่า การจับกุมครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น และจะมีการขยายผลสืบสวนไปยัง บุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบุกรุกที่ดินของรัฐในลักษณะเดียวกัน โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบเส้นทางการได้มาของที่ดิน และจะดำเนินคดีอาญากับทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ยืนยันไม่ปล่อยให้ผู้มีอำนาจใช้ช่องโหว่กฎหมายฮุบที่ดินของรัฐเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว และเตือนว่า ทุกกรณีการบุกรุกจะถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้น #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #ที่ดินรัฐต้องเป็นของประชาชน #ปปชจัดการเด็ดขาด #หยุดโกงชาติ
สำนักงานศาลปกครองออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2568 ยืนยันว่ามี ผู้สมัครสอบคัดเลือกตุลาการศาลปกครองชั้นต้นลักลอบนำเอกสารเข้าสอบ ณ ศูนย์ประชุมธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ศาลปกครอง ชี้ว่าเอกสารดังกล่าวเป็นเพียงตัวบทกฎหมายทั่วไป ไม่ใช่แนวคำวินิจฉัยหรือคำตอบข้อสอบ แถลงการณ์ระบุว่า ระบบการออกข้อสอบของศาลปกครองมีมาตรการรักษาความปลอดภัยสูง ข้อสอบจะถูกจัดทำในวันสอบ ผู้ออกข้อสอบและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ถูกตัดการสื่อสารทุกช่องทางจนกว่าการสอบจะเสร็จสิ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อสอบรั่วไหล แฟนเพจดังแฉ! พ.ต.อ. ถูกจับได้คาห้องสอบ โพยเพียบ ก่อนหน้านี้ แฟนเพจ “บิ๊กเกรียน” ได้เผยแพร่คลิปและข้อความอ้างว่า ผู้สมัครสอบที่ถูกจับได้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ “พ.ต.อ.” และถูกเจ้าหน้าที่คุมสอบตรวจพบโพยในห้องสอบ ซึ่งกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะประเด็น “หากมีตุลาการที่โกงข้อสอบตั้งแต่ต้น จะยังน่าเชื่อถือได้หรือไม่?” ข่าวนี้สร้างแรงสั่นสะเทือนในวงการกฎหมาย เนื่องจาก ตำแหน่งตุลาการศาลปกครองเป็นหนึ่งในตำแหน่งสำคัญสูงสุดของกระบวนการยุติธรรม การที่มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงถูกกล่าวหาว่าโกงสอบ ทำให้ประชาชนตั้งคำถามถึงความโปร่งใสของกระบวนการคัดเลือกบุคลากรในศาลปกครอง โซเชียลเดือด! เรียกร้องให้เปิดชื่อ – ดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด หลังข่าวแพร่กระจาย ชาวเน็ตจำนวนมากเรียกร้องให้ ศาลปกครองเปิดเผยรายชื่อผู้กระทำผิด และดำเนินคดีให้ถึงที่สุด โดยแสดงความคิดเห็นว่า• “ถ้าตุลาการยังโกงตั้งแต่สอบ ประเทศนี้จะเหลืออะไรให้เชื่อถือ?”• “ตำรวจก็โกง ศาลก็โกง แล้วประชาชนจะไปพึ่งใคร?”• “ไม่ใช่แค่ตัดสิทธิ์สอบ แต่ต้องดำเนินคดีอาญาด้วย” อนาคต พ.ต.อ. ผู้ถูกกล่าวหา – เสี่ยงวินัยร้ายแรง! แม้ศาลปกครองยังไม่เปิดเผยรายละเอียดของผู้กระทำผิด แต่หากข้อกล่าวหานี้เป็นจริง ผู้สมัครสอบรายนี้อาจถูกตัดสิทธิ์สอบทันที และหากเป็นตำรวจจริง อาจเผชิญโทษวินัยร้ายแรง ซึ่งอาจรวมถึงการปลดออกจากราชการ ประชาชนจับตา: ศาลปกครองจะจริงจังหรือปล่อยเงียบ? สิ่งที่สังคมรอจับตาคือ ศาลปกครองจะดำเนินการอย่างจริงจังหรือไม่? หรือสุดท้ายเรื่องนี้จะเงียบหาย เพราะผู้เกี่ยวข้องเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐ งานนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องของการทุจริตสอบ แต่เป็นบทพิสูจน์ว่ากระบวนการยุติธรรมของไทยยังสามารถรักษาความยุติธรรมได้จริงหรือไม่
“ไม่ห่วงสักนิด!” – นี่คือคำยืนยันหนักแน่นจาก นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาล ในการให้สัมภาษณ์กับ The Publisher ผ่านรายการ ”เที่ยงเปรี้ยงปร้าง“ ดำเนินรายการโดย ”สมจิตต์ นวเครือสุนทร“ โดยระบุอย่างมั่นใจว่า “แพทองธาร ชินวัตร” นายกฯ จะผ่านศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจได้แน่นอน แม้จะดำรงตำแหน่งเพียง 6 เดือน “ท่านเกิดในครอบครัวนายกฯ โตมาในบ้านนักการเมือง! ครอบครัวมีนายกฯ หลายคน มีประสบการณ์ รู้ทันเกม ไม่ใช่เด็กใหม่ในวงการนี้!” กรอบเวลาอภิปรายยังวุ่น! “รัฐบาลให้สุดแล้ว – ฝ่ายค้านอยากได้มากไป!” ส่วนการเจรจาเรื่อง กรอบเวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยังคงเป็นปมร้อน ฝ่ายค้านต้องการ 30 ชั่วโมง ขณะที่รัฐบาลมองว่ามากเกินไป จึงเสนอ 20 ชั่วโมงสำหรับฝ่ายค้าน + 10 ชั่วโมงสำหรับรัฐบาล ซึ่งสุดท้าย ตัดสินใจเพิ่มให้เป็น 23 ชั่วโมง สำหรับฝ่ายค้าน และ 7 ชั่วโมง สำหรับรัฐบาล “เราถอยให้สุดกระดานแล้ว! 23:7 ชั่วโมงนี้ถือว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด! ฝ่ายค้านได้อภิปรายเต็มที่ ส่วนรัฐบาลก็ยังมีเวลาชี้แจง เพราะต้องรวมเวลาประท้วงเข้าไปด้วย!” “อย่าบิดเบือน” นายกฯ คนอื่นเคยถูกซักฟอกเวลาน้อยกว่านี้ นายวิสุทธิ์ยังโต้กลับข้อกล่าวหาว่า “แพทองธาร” เป็นนายกฯ ที่ได้รับเวลาซักฟอกน้อยที่สุด ว่า “อย่าบิดเบือน!” พร้อมยกตัวอย่างว่า “พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์” เคยถูกอภิปรายแค่วันเดียว! “ผมไม่เข้าใจว่าทำไมฝ่ายค้านหยิบแต่ประเด็นที่เป็นประโยชน์กับตัวเองมาพูด! นายกฯ ที่ถูกอภิปรายแค่วันเดียวมีมาแล้ว สองวันก็มีหลายคน! ถ้าสื่อสงสัย ผมส่งเอกสารจากสภาฯ ให้ดูได้!” ฟันธง! ทักษิณไม่มีสิทธิ์เข้าชี้แจงในสภาฯ อีกหนึ่งประเด็นร้อนคือ ข้อเสนอของวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคประชาชน ที่แนะนำให้ประธานสภาฯ ทำหนังสืออนุญาตให้ “ทักษิณ” มาชี้แจงในสภาฯ โดยวิสุทธิ์ ปฏิเสธเสียงแข็งว่า “เป็นไปไม่ได้!” “รัฐธรรมนูญมาตรา 151 เขียนชัด! อภิปรายได้แค่ ‘นายกฯ และรัฐมนตรี’…
“ถ้าคุณมั่นใจว่าสิ่งที่ทำถูกต้อง คุณต้องกล้าเผชิญหน้ากับการตรวจสอบ” – อดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เปิดใจในรายการของ WATCHDOG กับ รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ถึงศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ พร้อมตั้งคำถามว่า เหตุใดนายกฯ ในระบบรัฐสภาของไทย จึงไม่เห็นความสำคัญของการตรวจสอบจากสภาเท่าที่ควร “ผมแปลกใจมาก เราใช้ระบบรัฐสภามากว่า 50 ปี แต่ทำไมยังไม่เข้าใจว่า นายกฯ ต้องมาสภาทุกสัปดาห์เพื่อตอบกระทู้จากตัวแทนของประชาชน มันคือกลไกสำคัญที่ทำให้คนมีอำนาจไม่ลุแก่อำนาจ เพื่อนชาวอังกฤษบอกกับผมว่า นายกฯ ต้องไปให้ตัวแทนประชาชน ‘จิกหัวด่า’ ทุกสัปดาห์ ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ในไทย กลายเป็นว่านายกฯ มาตอบกระทู้สด กลับกลายเป็นข่าวฮือฮา” อภิปรายฯ ครั้งแรกหลังเลือกตั้ง ฝ่ายค้านต้องพิสูจน์ ไม่ใช่แค่พูดลอย ๆ อดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ชี้ว่า ฝ่ายค้านมีภาระหนักในการพิสูจน์ข้อกล่าวหา เพราะญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจมักเริ่มต้นด้วยข้อกล่าวหารุนแรง เช่น “ไร้ประสิทธิภาพ” หรือ “ขาดภาวะผู้นำ” แต่หากไม่มีข้อมูลและเหตุผลที่ชัดเจน ก็กลายเป็นแค่การกล่าวหาโดยไร้น้ำหนัก “ฝ่ายค้านต้องชี้ให้เห็นว่า นายกฯ บริหารผิดพลาดอย่างไร ล้มเหลวตรงไหน ถ้าจั่วหัวแรง ก็ต้องมีหลักฐานให้หนักแน่นกว่าเดิม ไม่ใช่พูดลอย ๆ เพราะจะทำลายความน่าเชื่อถือของฝ่ายค้านเอง” โดยเฉพาะประเด็นที่ฝ่ายค้านชูว่า นายกฯ อยู่ภายใต้บงการของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ชี้ว่า ฝ่ายค้านต้องมีหลักฐานว่าทักษิณมีบทบาทต่อการตัดสินใจของนายกฯ จริง “การพูดถึงทักษิณอภิปรายได้ แต่ไม่ใช่การอภิปรายทักษิณ ต้องอภิปรายว่านายกฯ ทำผิดอย่างไร ถ้าความผิดนั้นเกี่ยวข้องกับทักษิณ ก็ต้องบรรยายข้อเท็จจริง แต่ไม่ใช่ทำให้ทักษิณกลายเป็นเป้าหมายหลักของการอภิปราย” นายกฯ ต้องตอบเอง ไม่ใช่แค่ ‘อ่านโพย’ อดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ย้ำว่า นายกฯ ควรอยู่ในที่ประชุมตลอดการอภิปราย เพราะหากใช้วิธี “อ่านโพย” หรือให้รัฐมนตรีคนอื่นตอบแทนโดยไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน จะสะท้อนถึงการขาดความสามารถในการรับมือกับการตรวจสอบ “ถ้าคุณเป็นนายกฯ ที่ศึกษาและเอาใจใส่งานของรัฐบาลโดยรวม คุณต้องสามารถตอบข้อซักถามได้ ไม่ใช่แค่อ่านโพย หรือโยนให้คนอื่นพูดแทน” อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่า บางประเด็นอาจให้รัฐมนตรีที่รับผิดชอบโดยตรงเป็นผู้ตอบได้ แต่ต้องอยู่บนหลักเกณฑ์ว่า นายกฯ ไม่สามารถรู้ลึกทุกเรื่อง…
ฝ่ายค้านเดินหน้าซักฟอกรัฐบาล แม้ถูกบีบให้ ถอดชื่อ “ทักษิณ ชินวัตร” ออกจากญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่ยังมุ่งเป้าไปที่ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีโดยตรง พร้อมยืนยันว่า “ไม่มีมวยล้ม” และมีข้อมูลทุจริตที่อาจทำให้ นายกฯ ต้องพ้นจากตำแหน่ง! พร้อมเชิญชวนประชาชนรอดูศึกซักฟอกครั้งนี้ “ข้อมูลเด็ดมีแน่นอน รอฟังได้เลย” เป็นคำยืนยันของ ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน ที่ให้สัมภาษณ์กับ The Publisher ผ่านรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ดำเนินรายการโดย “สมจิตต์ นวเครือสุนทร“ โดยย้ำว่าฝ่ายค้านไม่มีทางล้มญัตติของตัวเอง และ เตรียมข้อมูลสำคัญที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน “เราก็พร้อมถอย เพื่อให้การอภิปรายเกิดขึ้น แต่เราจะเดินหน้าเรียกร้องให้ตรวจสอบว่าการใช้อำนาจของประธานสภาฯ เป็นไปโดยชอบหรือไม่” ศิริกัญญากล่าว พร้อมระบุว่า พรรคฝ่ายค้านเตรียมยื่นร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เนื่องจากเห็นว่ามีการใช้อำนาจโดยมิชอบ เมื่อการเมืองกลายเป็นเกมภาษาประชาชน หลังจากที่ชื่อของ “ทักษิณ” ถูกถอดออกจากญัตติ กลายเป็นกระแสบนโซเชียลว่าควรใช้คำว่าอะไรแทน บ้างเสนอ “ชายคนนั้น” “พี่คนนั้น” “ลุงคนนั้น” หรือแม้แต่ “คนที่คุณก็รู้ว่าใคร” ศิริกัญญากล่าวว่า เป็นเรื่องน่าสนใจที่ประชาชนร่วมกันเล่นเกมคำแทนชื่อของทักษิณ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าประเด็นนี้เป็นที่จับตาของสังคม ท้าพิสูจน์ ไม่มีดีล-ไม่มีมวยล้ม เมื่อถูกถามถึงข้อครหาว่าฝ่ายค้านอาจ “ล้มญัตติอภิปรายเอง เพราะไม่มีข้อมูลเด็ด” ศิริกัญญาปฏิเสธทันที พร้อมยืนยันว่า ฝ่ายค้านรอคอยโอกาสนี้มานานกว่าหนึ่งปี และมีข้อมูลสำคัญที่ยังไม่เคยเปิดเผยมาก่อน “เราไม่ได้พูดถึง ‘ทักษิณ’ ขนาดนั้น แต่เน้นไปที่ นายกรัฐมนตรีที่ปล่อยให้ทักษิณบงการ ทำให้เราสงสัยว่าทำไมรัฐบาลถึงกลัวการอภิปรายครั้งนี้นัก” เมื่อถูกถามว่าการอภิปรายครั้งนี้อาจเป็นแค่ “มวยล้มต้มคนดู” หรือไม่ ศิริกัญญา ยืนยันหนักแน่นว่า ไม่มีทาง! “ดิฉันทำงานหนักมาตลอด สามเดือนที่ผ่านมา ทุ่มเททุกอย่างเพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ถ้ามีมวยล้ม ดิฉันจะเป็นคนแรกที่ออกมาโวยวายพรรคตัวเอง!” รอฟังได้เลย ซักฟอกเดือด ปลายมีนา หรือ ต้นเม.ย.นี้ เมื่อถูกถามว่าการอภิปรายครั้งนี้ จะมีข้อมูลที่ “ปิดเกม” ได้เลยหรือไม่ ศิริกัญญาเปิดเผยว่า ข้อมูลที่มีอาจทำให้ถึงขั้นนายกรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่ง เพียงแต่ กระบวนการโหวตในสภา อาจไม่ได้สะท้อนความจริงทางการเมือง เพราะพรรคร่วมรัฐบาลอาจยังเจรจาผลประโยชน์กันอยู่ “ถึงแม้โหวตในสภาอาจไม่ทำให้นายกฯ หลุดจากตำแหน่งทันที แต่เราจะยื่นเรื่องให้…
สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดรับฟังความคิดเห็นการปรับค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) สำหรับงวดเดือน พ.ค.-ส.ค. 2568 โดยมี 3 แนวทางหลัก ซึ่งอาจส่งผลให้ ค่าไฟพุ่งแตะ 5.16 บาทต่อหน่วย หรือคงที่ที่ 4.15 บาทต่อหน่วย ตามแต่ละกรณี “ปรับขึ้น หรือ คงที่?” – 3 แนวทางค่าไฟที่ประชาชนต้องจับตา กรณีที่ 1: ค่าไฟสูงสุด 5.16 บาท/หน่วย (+24%)• ปรับค่าเอฟที 137.39 สตางค์/หน่วย• ชดเชยต้นทุนคงค้างของ กฟผ. และ รัฐวิสาหกิจด้านพลังงาน คืนทั้งหมด• ค่าไฟเฉลี่ย เพิ่มขึ้นจาก 4.15 → 5.16 บาท/หน่วย กรณีที่ 2: ค่าไฟ 4.95 บาท/หน่วย (+19%)• ปรับค่าเอฟที 116.37 สตางค์/หน่วย• ชดเชยต้นทุนคงค้าง กฟผ. ทั้งหมด แต่ไม่รวมส่วนต่างราคาก๊าซ• ค่าไฟเฉลี่ย เพิ่มขึ้นจาก 4.15 → 4.95 บาท/หน่วย กรณีที่ 3: ตรึงค่าไฟเท่าเดิม 4.15 บาท/หน่วย• ค่าเอฟทีคงที่ 36.72 สตางค์/หน่วย• ทยอยชำระคืนหนี้ กฟผ. แทนการจ่ายทั้งหมดในครั้งเดียว• ประชาชนไม่ต้องแบกรับภาระเพิ่มในทันที ต้นทุนค่าไฟพุ่งเพราะอะไร?ดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการ กกพ. ระบุว่าปัจจัยที่ทำให้ค่าไฟสูงขึ้น มาจาก หนี้ค่าเชื้อเพลิงที่สะสมกว่า 3 ปี จากช่วงพลังงานแพง,ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ,ต้นทุนพลังงานที่ยังสูงขึ้นจากก๊าซ LNG และถ่านหินนำเข้า และฤดูแล้งทำให้พลังงานน้ำผลิตได้น้อยลง ยังไม่มีข้อสรุป ต้องฟังเสียงประชาชนกกพ. เปิดให้ประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการปรับค่าไฟฟ้า ตั้งแต่ 11-24 มีนาคม 2568 ผ่านเว็บไซต์สำนักงาน กกพ. ก่อนสรุปและประกาศอัตราค่าไฟฟ้าอย่างเป็นทางการ ประชาชนสามารถช่วยลดค่าไฟได้ด้วย 5…
กรุงเทพฯ, 11 มีนาคม 2568 – เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ออกแถลงการณ์คัดค้านอย่างหนักแน่นต่อ นโยบายเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ซึ่งรัฐบาลกำลังผลักดัน พร้อมชี้ว่าเป็น “หายนะของประเทศ” ที่จะทำให้สังคมไทยอ่อนแอ และเปิดทางให้ธุรกิจสีเทาเติบโต “กาสิโน-พนันออนไลน์” ถูกมองว่าเป็นการมอมเมาประชาชน ในแถลงการณ์ คปท. ระบุว่า “กาสิโนและพนันออนไลน์” เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลที่สวนทางกับปัญหาปากท้องของประชาชน แทนที่รัฐบาลจะมุ่งเน้นการสร้างงานและยกระดับคุณภาพชีวิต กลับเลือกส่งเสริมธุรกิจพนันที่เอื้อประโยชน์แก่นายทุนและอาจก่อให้เกิดผลกระทบทางสังคมร้ายแรง “แม้แต่เยาวชน นิสิต นักศึกษา และนักการศาสนาต่างๆ ก็ออกมาแสดงความห่วงใยต่อรัฐบาลที่กำลังมอมเมาประชาชนให้หันพึ่งอบายมุข มากกว่าการสร้างอาชีพที่มั่นคงและยั่งยืน” คปท. กล่าวในแถลงการณ์ บทเรียนจากต่างประเทศ: กาสิโนไม่ได้ทำให้ประชาชนรวย แถลงการณ์ยังชี้ให้เห็นว่า ประเทศที่เปิดกาสิโนมักไม่ได้ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ตรงกันข้าม ธุรกิจนี้อาจ สร้างผลกำไรเฉพาะให้กับนายทุน แต่ประชาชนส่วนใหญ่กลับไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ ยิ่งไปกว่านั้น ประเทศที่มี ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันสูง หรือขาดกลไกบังคับใช้กฎหมายที่เข้มแข็ง มักกลายเป็นแหล่งรวมของธุรกิจใต้ดิน เช่น ค้ามนุษย์ มาเฟีย ยาเสพติด และการฟอกเงิน ซึ่งสามารถแฝงตัวเข้ามาใช้ผลประโยชน์จากกาสิโนได้ “รัฐบาลต้องหยุดหายนะที่มองเห็นได้” คปท. เรียกร้องให้รัฐบาลและคณะรัฐมนตรีทบทวนนโยบายดังกล่าว และยุติแผนการเปิดกาสิโนและพนันออนไลน์ทันที เพราะมองว่าเป็น “การนำพาประเทศไปสู่รัฐล้มเหลว” “หากรัฐบาลยังเดินหน้านโยบายนี้ เท่ากับเป็นการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้ห่วงใยประเทศชาติและประชาชนจริงๆ คิดเพียงแต่ผลประโยชน์เฉพาะหน้า ซึ่งมีแต่จะทำให้ประเทศอ่อนแอ” “ถ้ารัฐบาลยังดื้อ คปท. พร้อมลุกขึ้นสู้” แถลงการณ์ยังทิ้งท้ายด้วยคำเตือนว่า หากรัฐบาลยังเดินหน้าโครงการนี้ต่อไป ประชาชนก็ไม่อาจไว้วางใจให้รัฐบาลนี้บริหารประเทศได้อีกต่อไป พร้อมประกาศจุดยืนว่า “หยุดกาสิโน หยุดพนันออนไลน์ หยุดรัฐบาลนอมินี” การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนให้เห็นว่าประชาชนกลุ่มใหญ่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาล และอาจเป็นชนวนสำคัญของกระแสต่อต้านที่กำลังร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในสังคมไทย