นายสมชาย แสวงการ อดีต สว.โพสตเรื่องนี้บนเฟซบุ๊ก โดยบอกว่านายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี ที่ทูลเกล้าฯ พระราชกฤษฎีกายุบสภาโดยไม่มีอำนาจ ทั้งที่มีการทักท้วงจากเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องแล้ว จึงต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย
ทั้งนี้นายสมชายระบุหลังมีข่าวยืนยันตรงกันว่า สำนักองคมนตรี ในฐานะหน่วยงานกลั่นกรองหนังสือ และถวายความเห็นประกอบกราบบังคมทูลเพื่อทรงมีพระบรมราชวินิจฉัย และทรงลงพระปรมาภิไธย ได้ส่งคืนร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภา กลับมาให้สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแล้ว โดยหนังสือนำส่งกลับคืนมาระบุว่า การกราบบังคมทูลร่างพระราชกฤษฎีกา ยุบสภาผู้แทนราษฎร ไม่เป็นไปตามระเบียบการนำเสนอเพื่อขอพระมหากรุณาเนื่องจากเป็นเรื่องที่มีปัญหาข้อขัดแย้งว่ากระทำได้หรือไม่
ประกอบกับเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ทำความเห็นประกอบว่ารัฐบาลรักษาการ ไม่สามารถกราบบังคมทูลร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาฯ ได้ จึงไม่สามารถกราบบังคมทูล เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย และเลขาธิการคณะรัฐมนตรี รายงานให้นายภูมิธรรม ในฐานะผู้กราบบังคมทูลทราบแล้ว
จึงมีความเห็นทางกฎหมายว่า นายภูมิธรรม เวชชยชัย และนายพรหมมินทร์ เลิศสุริยะเดช เลขาธิการนายก ฯ น่าจะมีความผิดตามตามกฎหมายได้แก่ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ละเว้นหรือไม่ละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) โดยเฉพาะที่ว่ามีเจตนาทุจริต เพื่อแสวงหาประโยชน์ หรือทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายหรือไม่
“ผู้กระทำจึงรูู้อยู่แล้วว่าทำไม่ได้ อันถือเป็นการรบกวนบื้องพระยุคลบาท สมควรได้รับการลงโทษอย่างหนักเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไปครับ” นายสมชายระบุตอนท้าย
#ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #พรรคภูมิใจไทย #รัฐบาลเสียงข้างน้อย #พรรคประชาชน #พรรคเพื่อไทย #อนุทินชาญวีรกูล #ประชุมสภาเลือกนายกฯ #นายกฯคนที่32 #กระดานการเมือง #ภูมิธรรมเวชยชัย #ยุบสภา

