หลังเมื่อวาน (27 ส.ค. 68) ที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ออกมาปฏิเสธเหตุการณ์ที่ทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิด โดยระบุว่ากัมพูชาไม่ได้ใช้หรือวางทุ่นระเบิดใหม่ และยังคงปฏิบัติตามพันธกรณีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น
เรื่องนี้พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ออกมาตอบโต้โดยไล่เรียงเหตุการณ์ว่าพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา มีผู้เกี่ยวข้องสองฝ่ายคือไทยและกัมพูชา มีเพียงฝ่ายไทยที่เป็นผู้ประสบเหตุมาโดยตลอด โดยเมื่อวันที่ 4 ส.ค.68 บริเวณพื้นที่ภูมะเขือตรวจพบทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งที่เตรียมไว้รอนำไปติดตั้ง และที่ติดตั้งแล้ว บริเวณแนววางกำลังเดิมของฝ่ายกัมพูชา วันที่ 22 ส.ค. 68 พบทหารกัมพูชา 2–3 นายดักซุ่มที่เนิน 350 ใกล้ปราสาทตาควาย ตรวจสอบพบทุ่นระเบิด PMN-2 จำนวน 1 ทุ่น ต่อมาพบเพิ่มอีก 2 ทุ่น รวมเป็น 3 ทุ่น
นอกจากนี้ ยังมีคลิป พร้อมเสียงสนทนาของทหารกัมพูชาที่กำลังเก็บและเคลื่อนย้ายทุ่นระเบิด PMN-2 เพื่อไปวางในพื้นที่ใหม่ คลิปจากโทรศัพท์ที่ทหารกัมพูชาทิ้งไว้ในพื้นที่ภูมะเขือ เมื่อ 19 ส.ค. 68 พบคลิปวิดีโอและภาพถ่ายทหารกัมพูชากำลังถือทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 พร้อมเสียงสาธิตการใช้งาน ก่อนนำไปลักลอบฝังในพื้นที่ชายแดนไทย
ประกอบกับท่าทีในการประชุม GBC เมื่อ 7 ส.ค. 68 ที่กัมพูชาไม่ยอมรับข้อเสนอของไทยในการร่วมกันเก็บกู้ทุ่นระเบิด และล่าสุด ในเวทีการประชุม RBC แม้กัมพูชาจะเริ่มรับข้อเสนอ แต่ก็พยายามยื้อโดยขอให้ไปหารือรายละเอียดกันอีกครั้งในเวที GBC ลักษณะเหมือนเป็นการซื้อเวลา
ส่วนที่กัมพูชาอ้างว่า พื้นที่บางส่วนในเขตแดนของกัมพูชายังมีวัตถุระเบิดตกค้างจากสงครามกลางเมืองในอดีต ก็ไม่เป็นความจริง เพราะหน่วยงาน TMAC ของไทย เคยเก็บกู้ทุ่นระเบิดตกค้างเสร็จสิ้นแล้วเมื่อปี ค.ศ. 2019 รวม 1,300 ลูก และในจำนวนนั้น ไม่พบว่ามีทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ที่มีลักษณะเป็นพลาสติกแข็ง ผิวมันวาวแตกต่างจากทุ่นระเบิดเก่าชัดเจน
นอกจากนี้ยังไม่ให้ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในหลายพื้นที่ใกล้แนวเส้นเขตแดน ถือเป็นข้อพิรุธที่สะท้อนถึงความไม่โปร่งใสของฝ่ายกัมพูชา รวมถึงมีรายงานว่ากัมพูชายังคงครอบครองทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิด PMN-2 และชนิดอื่น ๆ รวมกว่า 3,700 ลูก โดยอ้างว่าเก็บไว้เพื่อการฝึกตามมาตรา 3 ของอนุสัญญาฯ แต่กลับลักลอบนำทุ่น PMN-2 มาวางในเขตอธิปไตยของประเทศไทย
“กองทัพบกจึงขอเรียกร้องให้ทหารกัมพูชา ยึดมั่นในศักดิ์ศรีของการเป็นทหาร คำนึงถึงเกียรติยศขององค์กร การพยายามปฏิเสธในสิ่งที่ได้กระทำลงไปแล้ว ในขณะที่ฝ่ายไทยมีพยานหลักฐานสามารถบ่งชี้ได้อย่างชัดเจน ถือเป็นเรื่องที่น่าละอายอย่างยิ่ง จึงอยากให้ฝ่ายกัมพูชาเคารพในข้อตกลงที่มีระหว่างกัน และยึดมั่นในกฎกติกาสากลอย่างเคร่งครัด ไม่ใช่เพียงแค่คำพูดเท่านั้น แต่ควรแสดงออกผ่านการกระทำด้วย”
#ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #mou43 #WarCrimes #HumanRights #ฮุนเซนอาชญากรสงคราม #hunsenwarcriminal #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #TruthFromThailand #ทุ่นระเบิดผิดสนธิสัญญา #อนุสัญญาออตตาวา

