นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.และรองหัวหน้าพรรคประชาชน โพสต์ชี้แจงการยื่น 3 เงื่อนไขเพื่อยกมือสนับสนุนนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยระบุผู้ที่ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องมีเสียง สส.กึ่งหนึ่งหรือ 247 จาก 492 คน และสถานการณขณะนี้ พรรคภูมิใจไทย ดึงพรรคกล้าธรรมพร้อมงูเห่าได้แล้ว 31 เสียง กลุ่มนายสุชาติ ตันเจริญอีก 18 เสียง เท่ากับฝั่งพรรคเพื่อไทยจาก 259-31-18 = 210 เสียง ฝั่งพรรคภูมิใจไทย 69+20+1+1+31+18 = 140 เสียง
หากพรรคประชาชนตัดสินใจงดออกเสียง ไม่ร่วมตัดสินใจ ประเทศจะไม่มีทางได้นายกรัฐมนตรี เพราะเสียงไม่ถึง 247 เสียง และเมื่อพรรคประชาชนเสนอ 3 เงื่อนไขคือ เป็นนายกฯ เพื่อนำไปสู่การยุบสภา ทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับด้วย ส.ส.ร. โดยพรรคประชาชนไม่ขอร่วมรัฐบาล ทั้งพรรคเพื่อไทย ภูมิใจไทยต่างรับเงื่อนไข
“พรรคประชาชนต้องตัดสินใจเลือกทางใดทางหนึ่ง มิฉะนั้น บ้านเมืองก็จะถึงทางตัน ติดหล่มรัฐธรรมนูญ 2560”
นายวิโรจน์วิเคราะห์ต่อว่า อีกทางออกคือ พรรคเพื่อไทยเสนอชื่อนายกฯ คนอื่นที่ไม่ใช่นายชัยเกษม นิติสิริ เพื่อดึงเอาเสียงฝั่งพรรคภูมิใจไทยกลับมารวมกันเกิน 246 เสียง ชื่อที่มีน้ำหนักเพียงพอ แถมสามารถดึงเอาเสียงจากพรรคพลังประชารัฐได้อีก มีอยู่เพียงคนเดียวคือ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ซึ่งไม่จำเป็นต้องพึ่งเสียงพรรคประชาชน แต่ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับพรรคประชาชนคือ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกฯ ยุบสภา
ดังนั้นเมื่อพรรคประชาชนต้องตัดสินใจ คือ ถ้าไม่เลือก บ้านเมืองก็ไปไม่ได้ ก็คงต้องพิจารณาว่าทางเลือกไหนก่อให้เกิดผลเสียน้อยที่สุด และคงต้องจำใจเลือกทางนั้น จึงต้องออก TOR มากำกับแนวทาง และยอมรับว่าเผื่อใจไว้ล่วงหน้าว่าโอกาสจะถูกตระบัดสัตย์หักหลังไม่ว่าจะเลือกทางไหนจาก 2 ทาง
“ถ้าจำเป็นต้องเลือก ก็ต้องกล้าหาญที่จะเลือกทางที่บ้านเมืองเสียหายน้อยที่สุด มีกลไกที่รัดกุมที่พอจะบังคับให้คนที่เราเลือกรักษาสัญญาได้มากที่สุด แต่ก็คงต้องทำใจว่า ลิ้นคนเราเวลาที่มันจะตระบัดสัตย์ มันก็พลิกลิ้นได้เสมอ ก็คงต้องเผื่อใจเอาไว้ล่วงหน้า” นายวิโรจน์ยังระบุตอนท้ายไว้ด้วยว่า ณ วินาทีนี้ พรรคประชาชนยังไม่ตัดสินใจเลือกทางไหน
#ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #พรรคภูมิใจไทย #ทักษิณชินวัตร #พรรคประชาชน #พรรคเพื่อไทย #ชัยเกษมนิติสิริ #ประชุมสภาเลือกนายกฯ #ศาลรัฐธรรมนูญ #กระดานการเมือง #พรรคร่วมรัฐบาล

