สังคมไทยชราภาพเต็มตัว
ในปี 2567 ประเทศไทยกลายเป็น “สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์” ประชากรกว่า 20.94% เป็นผู้สูงวัย และมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ
“ตอนนี้ประชากร 5 คน จะมีผู้สูงอายุ 1 คน อีก 10 ปีจะเป็น 1 ใน 4 และหลังจากนั้นอีก 5 ปี จะเป็น 1 ใน 3” — ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน รองประธานคณะที่ปรึกษาติดตามและเร่งรัดการขับเคลื่อนนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. กล่าวเตือนถึงภาพอนาคตของประเทศ
วิกฤตประชากร กระทบโครงสร้างรัฐ
ศ.ดร.กนก วิเคราะห์ว่า โครงสร้างประชากรเช่นนี้จะสร้างภาระหนักให้คนวัยทำงาน เพราะในอีก 10 ปี คน 3 คนต้องดูแลผู้สูงอายุ 1 คน เทียบกับอดีตที่ 6 คนดูแล 1 คน
“เมื่อผู้สูงอายุไม่ได้ทำงาน รายจ่ายย่อมสูงขึ้น ทั้งค่าดำรงชีวิตและค่ารักษาพยาบาล ขณะเดียวกัน เด็กเกิดน้อยลง น้อยกว่าคนตาย ปัญหานี้จะทำให้ระบบบริหารประเทศต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด จะทำแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว”
ทางรอด: ยืดช่วงติดสังคม–ติดบ้าน ลดภาระรัฐ
ทางออกที่ ศ.ดร.กนก เสนอ คือ ยืดอายุช่วงที่ผู้สูงวัยยังพึ่งตัวเองได้ โดยแบ่งเป็น 3 ช่วง:
• 60–69 ปี: ช่วง “ติดสังคม” ยังมีพละกำลัง ไปไหนมาไหนได้
• 70–75 ปี: ช่วง “ติดบ้าน” เริ่มเคลื่อนไหวน้อยลง เริ่มโดดเดี่ยว
• หลัง 80 ปี: เสี่ยงเข้าสู่ภาวะ “ติดเตียง”
“โจทย์ของเราคือ ทำอย่างไรถึงจะยืดระยะเวลาของ 2 ช่วงอายุออกไปให้นานยิ่งขึ้น… ถ้ายืดช่วงติดสังคมได้ถึง 80 จะดีมาก ส่วนติดบ้านให้ยืดเป็น 80–87 ปี หลังจากนั้นจะติดเตียงก็ไม่เป็นไร ซึ่งวิธีการนี้จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายงบประมาณของประเทศในการดูแลผู้สูงอายุได้มาก”
โครงการผู้บริบาลฯ: พลังใหม่ในชุมชน
กระทรวง พม. จึงร่วมกับ สวทช. และหน่วยงานพันธมิตร เปิด “โครงการบริบาลและคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุในชุมชน” ส่งผู้บริบาลฯ ไปดูแลผู้สูงวัยถึงบ้าน พร้อมใช้แอป “นิรันดร์” เป็นระบบรายงานผล–วางแผนดูแลสุขภาพแบบ real-time
จากการนำร่องใน 12 จังหวัด ปีแรกมีผู้สูงอายุได้รับการดูแลกว่า 24,000 คน ปีถัดมาขยายครอบคลุม 76 จังหวัด มีผู้สูงอายุที่ได้รับการดูแลกว่า 342,000 คน และมีแผนเพิ่มผู้บริบาลฯ เป็น 536 คน ในปี 2569
“เราต้องทำให้ผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้น มีคุณภาพชีวิตดี และมีหลักประกันความมั่นคง โดยเข้าถึงสิทธิอย่างเท่าเทียมกัน บนศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์” — ศ.ดร.กนก
ไม่ใช่แค่ดูแล… แต่ลดความเหลื่อมล้ำ
โครงการผู้บริบาลฯ ไม่เพียงดูแลสุขภาพ แต่ยังลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ เพราะหลายครอบครัวต้องมีลูกหลานลาออกจากงานมาดูแลผู้สูงวัย
“ถ้าคนวัยทำงาน 1 แสนคน ต้องลาออกจากงานเดือนละ 3 หมื่น จะทำให้ประเทศเสียหายถึงแสนล้านบาทต่อปี”
ผู้บริบาลฯ ยังมีบทบาทสำคัญในกรณีผู้สูงอายุไม่มีคนดูแล ซึ่งหากปล่อยไว้ จะเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อน ต้นทุนค่ารักษาโรคเรื้อรัง (NCDs) เฉลี่ยเดือนละ 2 หมื่นบาท หรือปีละ 2.4 แสนล้านบาท หากเพิ่มขึ้นอีก 1 ล้านคน จะเป็นภาระงบประมาณมหาศาล
“นิรันดร์” ระบบสมองกลของโครงการ
แอป “นิรันดร์” ที่พัฒนาโดย สวทช. ช่วยให้ผู้บริบาลฯ บันทึกการเยี่ยม ตรวจสุขภาพ วางแผนดูแล และติดตามผลแบบเรียลไทม์
“ข้อมูลที่ผู้บริบาลฯ บันทึก จะถูกวิเคราะห์และแสดงเป็นแผนดูแลเบื้องต้น เช่น ควรเน้นกายภาพบำบัด หรือเฝ้าระวังเรื่องอาหาร ซึ่งนำไปใช้ได้จริงกับแต่ละคน” — ดร.ณัฐนันท์ ทัดพิทักษ์กุล ผู้อำนวยการแผนงาน สวทช.
จากใจผู้สูงวัยในพื้นที่จริง
นายหลงมา ทีปะลา วัย 85 ปี จากสุพรรณบุรี บอกว่า “รู้สึกดีใจ อุ่นใจ ที่มีผู้บริบาลเข้ามาดูแลเหมือนญาติคนหนึ่ง ทุกครั้งที่มา เขาจะช่วยกวาดบ้าน วัดความดัน ถามไถ่ ถ้าตาไม่สบายก็จะพาไปหาหมอ”
⸻
เส้นทางข้างหน้า: ต้องมีผู้บริบาลอีก 2–3 แสนคน
“ผู้บริบาล คือทางออกของประเทศ” — ศ.ดร.กนก ย้ำว่า ประเทศไทยต้องเร่งสร้างบุคลากรผู้บริบาลผู้สูงอายุ เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ของโครงสร้างประชากร
ถ้าเรายืดเวลาที่ผู้สูงอายุยังแข็งแรงได้อีก 10 ปี งบประมาณที่ต้องใช้จะลดลง ระบบเศรษฐกิจจะไม่ล่ม และคุณภาพชีวิตผู้สูงวัยจะไม่ถูกทอดทิ้ง.
⸻
#ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#ผู้สูงอายุ#สังคมชรา#ผู้บริบาล#ระบบนิรันดร์#สวทช#พม#โครงการดีๆของรัฐ

