นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบรัฐมนตรีที่เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 30 สิงหาคม 2568 ว่าเข้าข่ายมีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 (1) หรือไม่ และขอให้รีบดำเนินการมีมติส่งเรื่องให้ศาลฎีกาและ/หรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาพิพากษาต่อไป
โดยให้เหตุผลว่านายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย รักษาการนายกฯ ให้สัมภาษณ์ “เมื่อถามว่าวันนี้จะหารือเรื่องอำนาจการยุบสภาฯหรือไม่ นายภูมิธรรม ตอบว่า ไม่ต้องหารือถ้าเราจะยุบเราก็ยุบเลย หากใครขัดข้องก็สามารถไปฟ้องได้ไม่มีปัญหาอะไร ไม่ต้องมาถกเถียงในเรื่องที่เราเชื่อว่าไม่มีปัญหา” คำสัมภาษณ์นี้อาจขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และเข้าข่ายอาจฝ่าฝืนมาตรา 234 (1)
นายเรืองไกรขอให้ ป.ป.ช.พิจารณาว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร และ ครม.ทั้งคณะพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2568 และตามรัฐธรรมนูญให้ ครม.อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปภายใต้เงื่อนไขเท่านั้น แต่ในวันที่ 30 สิงหาคม มีการประชุม ครม. และนายภูมิธรรมยันมีอำนาจยุบสภา จึงอาจพิจารณาเพื่อหาเหตุจาก พ.ร.บ.ระเบียบบริหาราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ขยายความว่ารักษาการแทนนายกรัฐมนตรีมีอำนาจในการยุบสภาได้ และน่าเชื่อว่าได้หารือในที่ประชุม ครม. และมีมติให้รักษาการนายกฯ มีอำนาจยุบสภาได้
ดังนั้นหาก ครม.มีมติให้ยุบสภาได้ อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ และเข้าข่ายมีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
#ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #พรรคภูมิใจไทย #ทักษิณชินวัตร #พรรคประชาชน #พรรคเพื่อไทย #อนุทินชาญวีรกูล #ประชุมสภาเลือกนายกฯ #นายกฯคนที่32 #กระดานการเมือง #พรรคร่วมรัฐบาล #ยุบสภา #เรืองไกรยื่นปปช

