• Original
  • Urban Culture
  • Writer
  • About us
  • คุยกับสส
  • The Persona
  • Brief
  • Thai Treasure
  • Urban life
  • On this day
  • News
  • Home
  • Editir pick
  • Good
  • Persona
  • Persona
  • Urban
  • Business
  • Politics
  • Playlist
  • Home
  • People Voice
  • Culture
  • นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
  • Urban Wealth
  • Law
  • Update
  • I’m Youth Ranger
  • Urban History
  • Issues
  • Check

Subscribe to Updates

Get the latest creative news from FooBar about art, design and business.

What's Hot

“จรวดBM-21” สัญญาณบอกเหตุ แม่ทัพกุ้งขอให้มั่นใจไร้รอยต่อ เปลี่ยนตัวแม่ทัพภาคที่ 2

26/09/2025

กัมพูชาโต้ลั่น ! เคลื่อนย้ายกำลังพล-อาวุธ เป็นภาพเก่า ชี้ไม่มีพฤติกรรมยั่วยุ 

26/09/2025

เปิดหลักเกณฑ์ “คนละครึ่ง” 16 ปีขึ้นไป 33 ล้านสิทธิ เริ่มใช้ พ.ย.-ธ.ค.นี้

26/09/2025
Facebook Twitter Instagram
Facebook Twitter Instagram
The PublisherThe Publisher
  • P
    • Persona
    • Politics
    • People Voice
    • Playlist
  • U
    • Update
    • Urban
    • Urban Culture
    • Urban History
    • Urban life
    • Urban Wealth
  • B
    • Business
    • Brief
  • L
    • Law
    • I’m Youth Ranger
  • I
    • Issues
  • C
    • Check
  • About us
The PublisherThe Publisher
You are at:Home»‘ทรัมป์’ กำลังทำอะไร? มองแนวคิด ‘Realpolitik’- เมื่อสหรัฐฯ ต้องรอด ในวันที่รัฐโลกต่างดิ้นรน

‘ทรัมป์’ กำลังทำอะไร? มองแนวคิด ‘Realpolitik’- เมื่อสหรัฐฯ ต้องรอด ในวันที่รัฐโลกต่างดิ้นรน

01/08/20252 Mins Read
Facebook Twitter

การเก็บภาษีนำเข้าที่ประกาศโดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในปี 2025 เป็นนโยบายที่สะท้อนถึงกลยุทธ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาผ่านกรอบแนวคิด Realpolitik ซึ่งเน้นการใช้พลังอำนาจและผลประโยชน์แห่งชาติเป็นตัวกำหนดนโยบายมากกว่าอุดมการณ์หรือความร่วมมือระหว่างประเทศแบบเสรีนิยม บทความนี้จะวิเคราะห์ที่มาของอัตราภาษี 19% โดยเปรียบเทียบกับระบบภาษีของประเทศไทย และสำรวจผลกระทบต่อการเมืองและภูมิรัฐศาสตร์ในบริบทของโลกที่เผชิญกับความท้าทายใหม่จากนโยบายของทรัมป์ โดยเชื่อมโยงกับแนวคิด Realpolitik เพื่อทำความเข้าใจการเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ และปฏิกิริยาของนานาชาติ

การเก็บภาษีของสหรัฐอเมริกา: วัตถุประสงค์และกลยุทธ์ในกรอบ Realpolitik

การกำหนดอัตราภาษีนำเข้า 19% โดยสหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์ไม่ใช่เพียงแค่เครื่องมือทางเศรษฐกิจเพื่อเพิ่มรายได้รัฐบาล ซึ่งคาดการณ์ว่าจะสูงถึง 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี (Bown, 2025) แต่ยังเป็นยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับหลักการ Realpolitik ที่เน้นการรักษาอำนาจและผลประโยชน์สูงสุดของชาติ ทรัมป์ได้ใช้ภาษีนี้เป็นเครื่องมือในการปรับสมดุลการค้า โดยเฉพาะกับประเทศที่มีดุลการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ เช่น ไทย ซึ่งในปี 2024 มีการขาดดุลการค้ากับสหรัฐฯ ประมาณ 46,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (SCB EIC, 2025) อัตราภาษี 19% จึงถูกออกแบบมาเพื่อกดดันประเทศคู่ค้าให้ยอมรับเงื่อนไขการค้าที่เอื้อต่อสหรัฐฯ มากขึ้น เช่น การเปิดตลาดให้สินค้าอเมริกันหรือการลงทุนในสหรัฐฯ ซึ่งสอดคล้องกับปรัชญาของทรัมป์ที่มุ่ง “นำอำนาจอธิปไตยทางเศรษฐกิจกลับคืนมา” (White House Statement, 2025)

แนวคิด Laffer Curve ซึ่งทรัมป์นำมาใช้เป็นรากฐานทางทฤษฎี ระบุว่าอัตราภาษีที่เหมาะสม (ในกรณีนี้ 19%) จะเพิ่มรายได้รัฐโดยไม่ทำลายการค้าโลกอย่างสิ้นเชิง (Gale & Samwick, 2025) อย่างไรก็ตาม ในมุมมอง Realpolitik อัตราดังกล่าวไม่ใช่แค่การคำนวณทางเศรษฐศาสตร์ แต่เป็นการแสดงพลังเพื่อรักษาความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ ท่ามกลางการแข่งขันกับจีน ซึ่งถูกเก็บภาษีในอัตราสูงถึง 145% ในบางช่วง (BBC, 2025) การตั้งภาษี 19% กับไทยและบางประเทศในอาเซียนจึงเป็นการส่งสัญญาณว่าสหรัฐฯ พร้อมใช้ “ไม้แข็ง” กับพันธมิตรที่ยังไม่ยอมจำนนต่อนโยบายการค้าใหม่

เปรียบเทียบกับระบบภาษีในประเทศไทย: ความแตกต่างเชิงโครงสร้าง

ระบบภาษีของประเทศไทยมีลักษณะแตกต่างจากสหรัฐฯ อย่างชัดเจน โดยเน้นการเก็บภาษีภายในประเทศเป็นหลัก ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามีอัตราตั้งแต่ 0% ถึง 35% ขึ้นอยู่กับรายได้ (Revenue Department, 2025) ขณะที่ภาษีเงินได้นิติบุคคลอยู่ที่ 20% สำหรับกำไรเกิน 3 ล้านบาท ด้านภาษีการค้า ประเทศไทยเก็บภาษีนำเข้าเฉลี่ยไม่เกิน 10% และมีส่วนลดหรือยกเว้นภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) หรือกรอบ WTO (DITP, 2025) สัดส่วนรายได้จากภาษีการค้ากับไทยคิดเป็นเพียง 5.2% ของรายได้รัฐบาลทั้งหมดในปี 2024 (Ministry of Finance, 2025) เทียบกับสหรัฐฯ ที่คาดหวังรายได้ 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 15% ของรายได้รัฐบาลจากภาษีนำเข้า (Bown, 2025)

ความแตกต่างนี้สะท้อนถึงบริบททางเศรษฐกิจที่ต่างกัน สหรัฐฯ ใช้ภาษีนำเข้าเป็นเครื่องมือเชิงรุกเพื่อควบคุมการค้าโลก ตามหลัก Realpolitik ที่เน้นการครอบงำ ในขณะที่ไทยพึ่งพาการค้าเสรีและการส่งออก (คิดเป็น 60% ของ GDP ในปี 2024) (World Bank, 2025) ทำให้การเผชิญกับภาษี 19% ของสหรัฐฯ เป็นความท้าทายที่อาจกระทบต่อการส่งออกไทยไปสหรัฐฯ ซึ่งมีมูลค่า 18.3% ของการส่งออกทั้งหมด (SCB EIC, 2025)

การวิเคราะห์ผ่านกรอบ Realpolitik: สหรัฐฯ ทรัมป์ และโลกที่เปลี่ยนแปลง

ในกรอบ Realpolitik ซึ่งเน้นว่าการเมืองระหว่างประเทศเป็นสนามแห่งการแสวงหาอำนาจ (Mearsheimer, 2016) การเก็บภาษี 19% ของสหรัฐฯ ภายใต้ทรัมป์เป็นการแสดงถึงการฟื้นฟูอำนาจทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ท่ามกลางการแข่งขันกับจีน ซึ่งในปี 2025 มีการคาดการณ์ว่าจีนจะแซงหน้าสหรัฐฯ ในการเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของโลก (IMF, 2025) ทรัมป์ใช้ภาษีนี้ไม่เพียงเพื่อป้องกันการสูญเสียส่วนแบ่งตลาด แต่ยังเพื่อบีบให้พันธมิตรอย่างไทยต้องเลือกข้างระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการรักษาอิทธิพลภูมิรัฐศาสตร์

การตั้งภาษี 19% ยังสะท้อนถึงการคำนวณอำนาจต่อรอง โดยพิจารณาจากดุลการค้าที่ขาดดุลของสหรัฐฯ กับไทย (46,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) และความสามารถของไทยในการตอบโต้ ซึ่งจำกัดด้วยขนาดเศรษฐกิจ (GDP ไทยราว 543,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับสหรัฐฯ 27 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2024) (World Bank, 2025) ผลจากนโยบายนี้ทำให้ไทยต้องเจรจาเพื่อลดภาษี เช่น ข้อเสนอเปิดตลาดสินค้าเกษตรสหรัฐฯ ซึ่งสะท้อนถึงการยอมจำนนบางส่วนตามหลัก Realpolitik ที่อ่อนแอกว่าต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอด

ผลกระทบทางการเมืองและภูมิรัฐศาสตร์

ผลกระทบทางการเมือง

การเก็บภาษี 19% สร้างแรงกดดันทางการเมืองภายในประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะไทย ซึ่งรัฐบาลต้องรับมือกับความไม่พอใจของผู้ส่งออก (คิดเป็น 18% ของการส่งออกทั้งหมด) และเกษตรกร (SCB EIC, 2025) นโยบายนี้ยังทดสอบความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับพันธมิตรในอาเซียน โดยอาจนำไปสู่การแตกแยกในกลุ่ม หากบางประเทศยอมรับเงื่อนไขสหรัฐฯ ขณะที่บางประเทศหันไปพึ่งจีน ในแง่ภายในสหรัฐฯ นโยบายนี้เสริมฐานสนับสนุนของทรัมป์จากกลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องการการป้องกันการแข่งขันจากต่างชาติ

ผลกระทบภูมิรัฐศาสตร์

ในระดับโลก การเก็บภาษี 19% กระตุ้นให้เกิดการปรับสมดุลอำนาจใหม่ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งไทยเป็นส่วนหนึ่ง อาจกลายเป็นสมรภูมิระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยจีนอาจใช้โอกาสนี้เสนอข้อตกลงการค้าที่เอื้ออำนวยเพื่อดึงพันธมิตร เช่น การริเริ่ม RCEP หรือ Belt and Road Initiative (BRI) ที่ขยายอิทธิพลในปี 2025 (Xinhua, 2025) สหรัฐฯ อาจสูญเสียอิทธิพลในอาเซียนหากไม่สามารถรักษาความสัมพันธ์กับพันธมิตรผ่านการเจรจาได้สำเร็จ ข้อมูลจาก IMF (2025) ชี้ว่าการค้าในเอเชียอาจหดตัว 2.5% หากสงครามการค้ารุนแรงขึ้น

นอกจากนี้ การใช้ภาษีเป็นเครื่องมือ Realpolitik อาจนำไปสู่การก่อตัวของกลุ่มการค้าต้านสหรัฐฯ เช่น ความร่วมมือระหว่าง EU และจีน ซึ่งในปี 2025 มีการคาดการณ์ว่าการค้าทวิภาคีระหว่างทั้งสองจะเพิ่มขึ้น 15% (European Commission, 2025) ประเทศไทยอาจต้องเลือกจุดยืนระหว่างการยอมจำนนต่อสหรัฐฯ หรือการผสานอำนาจกับจีน ซึ่งจะส่งผลต่อบทบาทในภูมิรัฐศาสตร์ระยะยาว

สรุป: โลกภายใต้เงาของทรัมป์และ Realpolitik

การเก็บภาษี 19% ของสหรัฐฯ ภายใต้ทรัมป์ไม่ใช่แค่การคำนวณเศรษฐศาสตร์ แต่เป็นการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ตามหลัก Realpolitik เพื่อรักษาอำนาจและผลประโยชน์ของชาติท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนแปลง ประเทศไทยและชาติอื่นๆ ต้องเผชิญกับความท้าทายในการปรับตัว โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากดุลการค้าและขนาดเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน ผลกระทบทางการเมืองและภูมิรัฐศาสตร์จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างการค้าโลก โดยสหรัฐฯ อาจชนะในระยะสั้นผ่านการกดดัน แต่ในระยะยาวอาจสูญเสียพันธมิตรหากไม่สามารถสร้างความสมดุลที่ยอมรับได้ โลกในปี 2025 จึงเป็นเวทีแห่งการต่อสู้เพื่ออำนาจผ่านภาษี ซึ่งสะท้อนถึงยุคสมัยของ Realpolitik ที่ทรัมป์เป็นผู้กำหนดทิศทาง

Writer Publisher

Leave A Reply Cancel Reply

Demo
Editor Choices
Trendy

“จรวดBM-21” สัญญาณบอกเหตุ แม่ทัพกุ้งขอให้มั่นใจไร้รอยต่อ เปลี่ยนตัวแม่ทัพภาคที่ 2

26/09/2025
Facebook Twitter Instagram TikTok

Type above and press Enter to search. Press Esc to cancel.

The publisher ใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ และส่งมอบประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ทําความเข้าใจ นโยบายคุกกี้ และ นโยบายความเป็นส่วนตัว อ่านเพิ่มเติม
ปฎิเสธ ตั้งค่าคุกกี้ ยอมรับ
Manage consent

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น
คุกกี้ที่จําเป็น
Always Enabled
คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
CookieDescription
cookielawinfo-checkbox-analyticsThis cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Analytics".
cookielawinfo-checkbox-functionalThe cookie is set by GDPR cookie consent to record the user consent for the cookies in the category "Functional".
cookielawinfo-checkbox-necessaryThis cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookies is used to store the user consent for the cookies in the category "Necessary".
cookielawinfo-checkbox-othersThis cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Other.
cookielawinfo-checkbox-performanceThis cookie is set by GDPR Cookie Consent plugin. The cookie is used to store the user consent for the cookies in the category "Performance".
viewed_cookie_policyThe cookie is set by the GDPR Cookie Consent plugin and is used to store whether or not user has consented to the use of cookies. It does not store any personal data.
คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์
คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรังปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
SAVE & ACCEPT
Powered by CookieYes Logo