รัฐบาลเตือนพ่อแม่ผู้ปกครองให้ดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด หลังพบ “ไข้อีดำอีแดง” (Scarlet Fever) ระบาดในโรงเรียนพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ด้วยความห่วงใย รัฐบาลจึงขอความร่วมมือให้ผู้อำนวยการโรงเรียนพิจารณาหยุดเรียน เพื่อป้องกันการระบาดของโรคอีดำอีแดง และเพื่อให้มีการดำเนินการควบคุมโรคที่เหมาะสม
ไข้อีดำอีแดง (Scarlet Fever) คือ ?
เป็นโรคติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรีย สเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอ มักจะเจอในเด็กวัยเรียน อายุ 5-15 ปี โดยแบคทีเรียชนิดนี้สร้างสารพิษได้ ทำให้เกิดผื่นแดงขึ้นตามตัว เชื้อนี้สามารถติดต่อผ่านการไอหรือจาม การสัมผัสสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย น้ำมูก การใช้ของร่วมกัน เช่น ของเล่น หรือข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ
อาการผู้ป่วย
มักจะแสดงอาการภายใน 1 สัปดาห์หลังติดเชื้อ มีไข้สูง เจ็บคอ อาจมีหนองหรือจุดเลือดออกที่ต่อมทอนซิล ผื่นแดงสากคล้ายกระดาษทราย เริ่มจากลำตัวและกระจายไปแขนขา มักไม่ขึ้นที่ใบหน้า แต่แก้มจะแดงและมีวงซีดรอบปาก ลิ้นแดงเป็นปุ่ม ๆ คล้ายสตรอว์เบอร์รี และมีอาการอื่น ๆ เช่น ปวดหัว คลื่นไส้ อาเจียน ต่อมน้ำเหลืองโต หนาวสั่น และปวดท้อง มักจะมีอาการแทรกซ้อน เช่น โรคไข้รูมาติกและหน่วยไตอักเสบเฉียบพลัน ซึ่งมักเกิดหลังต่อมทอนซิลอักเสบประมาณ 1-4 สัปดาห์ เกิดจากปฏิกิริยาของแอนติบอดีที่ถูกกระตุ้นด้วยเชื้อสเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอต่ออวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย
วิธีการรักษา
แพทย์อาจใช้วิธีการรักษาด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ ร่วมกับให้ผู้ป่วยดื่มน้ำมาก ๆ และพักผ่อนรักษาตัวที่บ้านก็จะช่วยบรรเทาอาการได้
อย่างไรก็ดี โรคไข้อีดำอีแดงไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีอาการไม่รุนแรง หากสงสัยว่ามีอาการที่กล่าวมาข้างต้นควรรีบพาผู้ป่วยมาพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยให้ถูกต้องและเริ่มทำการรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป