ดร.สมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ออกโรงเบรกโครงการ แจกเงินดิจิทัลเฟสต่อไป ชี้ผลลัพธ์จากเฟส 1-2 ไม่เป็นไปตามที่รัฐบาลคาดหวัง เตือนภาระการคลังจะทำเศรษฐกิจไทยชะลอตัวลากยาวถึง 4 ปี
พร้อมแนะให้รัฐบาลเปลี่ยนแนวทางใช้งบประมาณ จากการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ไปสู่การลงทุนระยะยาว เช่น พัฒนาทักษะแรงงาน ระบบอินเทอร์เน็ตฟรี และเศรษฐกิจสีเขียว
แจกเงินดิจิทัล ไม่ได้ผลจริง – หยุดก่อนซ้ำเติมเศรษฐกิจ
ดร.สมชัย แสดงความกังวลต่อโครงการแจกเงินดิจิทัลเฟส 3 ที่เตรียมแจกให้กับ กลุ่มเยาวชนอายุ 16-20 ปี โดยมองว่าผลลัพธ์อาจดีกว่าเฟสก่อนหน้าเพราะเป็นกลุ่มที่ยังไม่มีรายได้มากนัก แต่ก็ยังไม่น่าจะสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน
“รัฐบาลควรเลิกเน้นมาตรการแจกเงินระยะสั้น แล้วหันมาสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืน เช่น การอัพสกิลแรงงาน ซึ่งจะให้ผลในระยะยาวมากกว่า” ดร.สมชัยกล่าว พร้อมเสนอว่า หากยังแจกเงินดิจิทัล ควรกำหนดให้ใช้เพื่อการศึกษา อัพสกิล รีสกิล รัฐบาลควรยอมรับว่าเฟส 1-2 ไม่ได้ผลตามที่คาด และทบทวนแผนงานทั้งหมด
“ตอนที่หาเสียง รัฐบาลเคยบอกว่าเงินดิจิทัลจะทำให้เศรษฐกิจเฟื่องฟู แต่วันนี้พิสูจน์แล้วว่าไม่จริง ถ้าเห็นแล้วว่าไม่ได้ผล ก็ไม่ควรเดินหน้าต่อ”
หยุดแจกเงินสุรุ่ยสุร่าย – แนะลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแทน
ดร.สมชัย เตือนว่า รัฐบาลต้องใช้งบประมาณอย่างระมัดระวัง เพราะภาคการคลังกำลังอ่อนแอ การใช้เงินหลายแสนล้านบาทไปกับโครงการที่ไม่มีประสิทธิภาพอาจทำให้ ประเทศเสียโอกาสพัฒนาในด้านที่จำเป็นกว่า โดยควรนำงบไปพัฒนา ระบบอินเทอร์เน็ตฟรีทั่วประเทศ – เพิ่มโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงการศึกษาและสร้างรายได้ อัพสกิลแรงงาน-รีสกิลให้ทันตลาด – ลดปัญหาว่างงานและเพิ่มขีดความสามารถของประเทศ หรือลงทุนโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล – ยกระดับประเทศไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัล
“ประเทศไทยมีอัจฉริยะที่ซ่อนอยู่มากมาย รัฐควรลงทุนให้พวกเขาได้พัฒนา ไม่ใช่เอาเงินไปแจกแบบไร้ทิศทาง”
เศรษฐกิจไทยเสี่ยงหนัก – ต้องรับมือความท้าทายระดับโลก
นอกจากปัญหาภายในประเทศ สมชัยยังเตือนว่า รัฐบาลต้องเตรียมรับมือกับปัจจัยภายนอกที่อาจกระทบเศรษฐกิจไทยในระยะยาว ได้แก่ สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ซึ่งมีแนวโน้มปะทุรุนแรงขึ้นในยุค ทรัมป์ 2.0 ส่งผลกระทบต่อภาคส่งออกของไทย เศรษฐกิจโลกชะลอตัว คาดการณ์ได้ว่าสหรัฐฯ อาจเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) ในอนาคตอันใกล้ ขณะที่สงครามยูเครน-รัสเซีย จะดันต้นทุนพลังงานสูงขึ้น กระทบภาคการผลิตและค่าครองชีพของประชาชน ส่วนหนี้ครัวเรือนไทยสูงเป็นประวัติการณ์ ทำให้กำลังซื้อในประเทศอ่อนแอลง
“ถ้าไม่มีมาตรการเชิงโครงสร้าง เศรษฐกิจไทยอาจซบเซายาวถึง 4 ปี หนี้สาธารณะอาจแตะ 70% ของ GDP”
ดร.สมชัย ยังเตือนว่า ภาระหนี้ของรัฐบาลอาจแตะเพดานที่ 15% ตามกฎหมาย ซึ่งจะทำให้ เรตติ้งของประเทศตกต่ำ และกระทบต่อความน่าเชื่อถือทางการเงิน