ถึงเวลาคืนครูให้นักเรียน (จริง ๆ) ซะที
“ข้าพเจ้าขอลาทุกคนบนโลกใบนี้ ไปด้วยความไม่สบายกาย และไม่สบายใจ ด้วยมีปัญหาเรื่องการทำงาน การเงิน การบัญชี ซึ่งข้าพเจ้าให้ท่านคั่งค้าง ทำให้พอกพูนจนแก้ไขได้ยาก
แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เพราะข้าพเจ้าเพียงคนเดียว
แต่เป็นเพราะกระบวนการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพภายในโรงเรียน การทำงานไม่เป็นระบบ ให้เบิกเงินก่อน เคลียร์เอกสารทีหลัง และก็นิ่งเฉยไม่มีใครมาเคลียร์ให้…
…สิ่งที่ทำให้ตัดสินใจจากโลกนี้ไป ก็เพราะเพื่อนร่วมงาน ที่จัดการ สั่งการมาโดยตลอด
แต่พอถึงเวลามีความผิด กลับบอกว่าตัวเองไม่เกี่ยวข้อง
ผอ.ที่ย้ายมาแต่ละคนก็ไม่เคร่งครัดเรื่องการเงินเลย ไม่มีความรู้ด้านการเงิน ใช้เงินไม่ถูกต้อง
แต่พอมีความผิด ก็อ้างว่าเราเป็นคนทำ…
…ข้าพเจ้าไม่สามารถทำงานนี้ต่อไปอีกได้แล้ว
ถ้าอยู่ต่อไป คงพิการ หรือเส้นเลือดในสมองแตกตาย…”
———-
นี่คือข้อความหน้าสุดท้ายในจดหมายลาตาย 5 หน้าของข้าราชการครูหญิงวัย 39 ปี
เธอไม่ใช่แค่ “ครูภาษาอังกฤษ” แต่ยังต้องแบกรับตำแหน่ง “ครูการเงิน” ของโรงเรียนด้วย
ก่อนจะจากไปด้วยการผูกคอตายที่บ้านพัก พร้อมเขียนถึงลูก พ่อแม่ พี่สาว และ…กระทรวงศึกษาธิการ
เธอขอให้ “กระทรวง” เห็นใจครูที่ต้องทำงานด้านการเงินและพัสดุ
เพราะนั่นไม่ใช่หน้าที่ของครู แต่คือภาระที่ระบบโยนใส่…โดยไม่มีทางเลือก
⸻
ระบบที่ฆ่าครูด้วยเอกสาร
โรงเรียนไทยหลายแห่ง โดยเฉพาะในต่างจังหวัด
ครูต้องเป็นทุกอย่าง —ครูธุรการ / ครูการเงิน / ครูพัสดุ / ครูประสานงานโครงการ / ครูรับแขก
และยังต้องเตรียมการสอน ดูแลเด็ก สรุปผลการเรียน ส่งรายงานเขต ส่งข้อมูลกรม ฯลฯ
สำหรับ “ครูการเงิน” ภาระนั้นหนักขึ้นอีก
เพราะต้องเบิกจ่ายตามงบ ส่งงบดุล ปิดบัญชี ล้างหนี้ ส่งเอกสารหลักฐานให้ตรงรอบตรวจ
หากผิดพลาด = ถูกสอบ ถูกตั้งกรรมการ หรือหนักสุดคือรับผิดทางแพ่ง–อาญา
แต่ระบบนี้ “ไม่เคยเคลียร์ให้”
เบิกเงินก่อน เคลียร์เอกสารทีหลัง — แต่ไม่มีใครรับผิดถ้ามีปัญหา
สุดท้าย…ครูที่ “เขียนเอกสารตามคำสั่ง” กลายเป็นผู้ต้องหาโดยพฤตินัย
⸻
ทำไมครูถึงต้องทำงานเสี่ยงชีวิต?
คำถามนี้ไม่ได้เกินจริง — เพราะครูฆ่าตัวตายจากภาระตามจดหมายที่เธอเขียนไว้อย่างไม่อ้อมค้อมว่า
“ข้าพเจ้าเหนื่อยกายกับงานนี้มาก สุขภาพก็ไม่ดีสะสมมาเรื่อย ๆ
สิ่งที่ทำให้ตัดสินใจจากโลกนี้ไป ก็คือระบบการทำงานในโรงเรียนนี้เอง”
⸻
“คืนครูให้นักเรียน” นโยบายที่กลายเป็นแค่วาทกรรม
กระทรวงศึกษาธิการเคยประกาศหลายครั้งว่า
จะลดภาระงานเอกสาร ลดงานธุรการ คืนเวลาให้ครูอยู่กับนักเรียน
แต่ความจริงในโรงเรียน — ครูยังต้องจ่ายเงินซื้อของโรงเรียนเอง
กรอกข้อมูลออนไลน์สารพัดระบบ
ประสานโครงการนอกมาเสริมงบประมาณ
และยังต้องรับผิดชอบงานบัญชีที่มีความเสี่ยงระดับ “ติดคุกได้”
ครูไม่ได้ถูก “คืนให้นักเรียน”
แต่ถูก “ส่งไปทำบัญชีจน…ตาย”
⸻
ถึงเวลาเปลี่ยนระบบ — ไม่ใช่แค่แสดงความเสียใจ
การตายของครูการเงินที่บุรีรัมย์ควรเป็นเสียงปลุกดังที่สุด
ไม่ใช่ให้กระทรวงตั้งคณะกรรมการสอบ ไม่ใช่แค่จัดพิธีไว้อาลัย
แต่ต้องเปลี่ยน โครงสร้างงาน–ภาระ–ความรับผิดชอบของครู อย่างเป็นรูปธรรม
———
ข้อเสนอเชิงระบบ:
• แยกตำแหน่ง เจ้าหน้าที่การเงิน / พัสดุ / ธุรการ ออกจากภาระของครูโดยเด็ดขาด
• เพิ่มอัตรากำลังสนับสนุนในโรงเรียนขนาดเล็กทั่วประเทศ
• ผู้อำนวยการทุกคนต้องผ่านการอบรมด้านการใช้–ตรวจงบประมาณ-การบริหารงานบุคคล
• ระบบงบประมาณของเขตพื้นที่ต้องมี “ผู้รับผิดร่วม” ไม่ใช่โยนให้ครูการเงินรายเดียว
• ตั้งกลไกแจ้งเตือนความเครียดในครูที่มีภาระเกินมาตรฐาน
⸻
เด็กควรได้เรียนกับครูที่มีเวลาเตรียมสอน
ไม่ใช่ครูที่นั่งทำบัญชีตอนตีสอง และไม่ควรมีใครต้องตาย…เพราะงานราชการที่ออกแบบมาอย่างไร้หัวใจ
#ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #คืนครูให้นักเรียน #ครูการเงิน #ครูไม่ใช่แพะ #โรงเรียนไม่ใช่เรือนจำ #ราชการที่ฆ่าคนดี

