คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดในคดีจำนำข้าว
ระบุให้ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ความเสียหาย 10,028 ล้านบาท
จากความผิดฐานประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
ในส่วนที่เกี่ยวกับการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐกับจีน
โดยเพิกถอนคำสั่งเดิมของกระทรวงการคลังที่ให้ชดใช้ถึง 35,717 ล้านบาท
⸻
หน้าที่ของศาลฯ จบแล้ว…ฝ่ายบริหารต้องเดินต่อ
น.ส. สายทิพย์ สุคติพันธ์ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด
ในฐานะกรรมการประชาสัมพันธ์ศาลปกครอง อธิบายเพิ่มเติมว่า
“หลังศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง
ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเกินกว่าจำนวน 10,028 ล้านบาทแล้ว
บทบาทหน้าที่ของศาลปกครองถือว่ายุติแล้ว
การดำเนินการใด ๆ จากนี้ไป
เป็นอำนาจหน้าที่ของ นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ปลัดกระทรวงการคลัง สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงการคลัง กรมบังคับคดี ฯลฯ
ที่ต้องดำเนินการออกคำสั่งใหม่ และปฏิบัติให้ถูกต้องตามคำพิพากษา”
⸻
แต่ผ่านมาแล้วหลายวัน – ยังไม่เห็นคำสั่งใหม่จากกระทรวงการคลัง
ศาลชี้ทางแล้ว
บทบาทศาลจบแล้ว
ผู้มีหน้าที่คือรัฐบาล
แต่คำถามคือ…
กระทรวงการคลังเงียบเพราะอะไร?
ไม่มีคำสั่งใหม่
ไม่มีคำชี้แจงจาก รมว.คลัง
ไม่มีท่าทีจากกรมบังคับคดี
มีแต่ท่าทีนายกฯ ที่แชร์วาทกรรม…
22 พฤษภา ถูกปล้นความยุติธรรม ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า
แล้วเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าการบังคับคดีจะเกิดขึ้นจริง
ภายใต้อำนาจของ “หลานสาว?”
⸻
ประชาชนสมควรถาม: จะมีความยุติธรรมเกิดขึ้นหรือไม่ ถ้ารัฐไม่ทำตามคำพิพากษา?
ยิ่งลักษณ์ต้องชดใช้ — ศาลตัดสินแล้ว
รัฐบาลต้องออกคำสั่งใหม่ — ศาลชี้ชัดผ่านตุลาการ
แต่จนถึงตอนนี้ รัฐยังนิ่งเงียบ…
เมื่อความยุติธรรมเริ่มต้นแล้วจากศาล
แต่ไม่เดินหน้าต่อในมือรัฐบาล
นายกฯ ต้องมีคำตอบให้ประชาชน
ไม่ใช่มีแค่ความรู้สึกสะเทือนใจร่วมกับ “อาสาว” เท่านั้น
เพราะผู้นำประเทศต้องยืนข้างผลประโยชน์ชาติ
ไม่ใช่ครอบครัว!