ถ้าเศรษฐกิจเป็นการแข่งขันวิ่ง ไทยก็คงวิ่งอยู่ใน เลนกลาง มานานจนลืมไปแล้วว่าควรเร่งสปีดอย่างไร
ดร.นณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโส TDRI ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” กับ สมจิตต์ นวเครือสุนทร ถึงตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่เพิ่งออกมา GDP ปี 67 โตแค่ 2.5% ปี 68 คาดการณ์ไว้ที่ 2.8% ต่ำกว่าเป้าหมายรัฐบาลที่เคยคุยโวไว้ที่ 3-3.5% แถมยังรั้งท้ายอาเซียน ชนะเมียนมาแค่ประเทศเดียว
“การเปรียบเทียบไทยกับอาเซียนตรง ๆ อาจไม่แฟร์ เพราะแต่ละประเทศอยู่ในระดับพัฒนาที่ต่างกัน เหมือนปีนเขา คนอยู่ตีนเขาปีนง่าย โตไว แต่คนที่อยู่สูงขึ้นไปจะโตยากขึ้น” ดร.นณริฏ เปรียบเทียบว่า สิงคโปร์อยู่ยอดเขา มาเลเซียสูงกว่าไทยประมาณสิบปี ไทยก็อยู่เหนือฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย แต่กำลังติดกับดักอยู่ในเลนกลาง“
“เราติดกับดักเลนกลาง” ไม่ช้า ไม่เร็ว แต่ไม่มีอนาคต
ในการพัฒนาเศรษฐกิจมันเหมือนมี สามเลน เลนเร็วสุด คือประเทศที่โตเร็วสุด เลนกลาง คือประเทศที่พอไปได้แต่การพัฒนายังช้า ส่วนเลนช้า คือประเทศที่ถดถอย ”ปัญหาคือไทยติดอยู่ที่ เลนกลาง มานานแล้ว เรากำลังกินบุญเก่า และที่แย่คือ “ไม่มีจุดขาย ไม่มีอุตสาหกรรมใหม่ที่ทำให้เวทีโลกตกตะลึง”
รัฐบาลคิดพึ่งกาสิโน ดร.นณริฏ สวนกลับ “คิดผิด”
ท่ามกลางสัญญาณเศรษฐกิจที่ดูไม่สดใส เราเห็นภาพว่ารัฐบาลหันไปมอง “กาสิโน” และ “พนันออนไลน์” เป็นเครื่องมือช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่นักวิชาการอาวุโสจาก TDRI ไม่เห็นด้วย “สร้างกาสิโนแห่งสองแห่งไม่ได้พลิกเศรษฐกิจประเทศ มันมีความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะพนันออนไลน์ที่ ผมไม่เห็นด้วยเลย เพราะผลกระทบทางสังคมมากกว่าผลได้ที่เกิดขึ้น สุดท้ายคนได้กำไรคือเจ้าของธุรกิจ ที่อาจเป็นต่างชาติ แถมยังขอสิทธิพิเศษไม่จ่ายภาษีให้ไทยด้วย ผลเสียคือใครคือผู้เล่น? ถ้าเป็นคนไทยก็เสี่ยงมาก ๆ เงินที่เข้ามานิดหน่อยไม่คุ้มกัน เพราะมัน ไม่ได้ช่วยดันจีดีพีโตมหาศาล แต่อาจทำให้แย่ลงด้วยซ้ำ”
อยากโต 5% หยุดแจกเงิน มองไกลกว่านี้
รัฐบาลตั้งเป้าจะดัน GDP โต 5% แต่ ดร.นณริฏ ฟันธง “ไม่มีทาง” ถ้ายังเดินแบบเดิม โดยเฉพาะนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจแบบแจกเงิน แจกเงินหมื่นสองรอบ ใช้ไป 2-3 แสนล้านบาท แต่จีดีพีโตแค่ 2.5% แพิสูจน์ได้ว่า “การกระตุ้นระยะสั้นมันไม่เวิร์คแล้ว ต้องมีอะไรที่ทำให้โลกตกใจว่าไทยกลับมาแล้ว ถ้าจะไปให้ถึง 5% รัฐบาลต้องหยุดคิดสั้น แล้วสร้างอุตสาหกรรมที่ทำให้โลกมองไทยใหม่ เช่น ธุรกิจรีไซเคิล การจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมรักษ์โลก เป็นพื้นที่ที่ไทยยังมีโอกาส แต่ถ้ายังเดินแบบเดิม 5% ไม่มีวันทำได้ และถึงแม้เริ่มวันนี้ ผลลัพธ์ก็ยังต้องใช้เวลา 5-10 ปี”
สุดท้าย ดร.นณริฏ ทิ้งท้ายว่า “แต่ถ้าไม่เริ่มเลย เราก็จะโตประมาณนี้ 2.5-2.7% ตลอดไป”
รัฐบาลจะยังอยู่ เลนกลาง หรือจะกล้ากระโดดไปข้างหน้า คำตอบชัดอยู่แล้วว่า “ต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันนี้”

