“เพราะชีวิตอันเป็นที่รัก ไม่ใช่ทรัพย์สิน กฎหมายสัตว์เลี้ยงต้องได้รับการแก้ไข”—-ธิษณา เดือนดาว
เรียบเรียงจากบทสัมภาษณ์โดย สมจิตต์ นวเครือสุนทร
——
เจอร์นี่ไม่ทรัพย์สิน…แต่คือชีวิตที่พี่รักที่สุด
6 ปีแล้วที่ “ธิษณา เดือนดาว” สู้คดีเพื่อลูกของเธอ “เจอร์นี่” ชีวิตสี่ขาที่ผูกพันกับเธอยาวนานถึง 11 ปี แต่ต้องจากไปเพราะการผ่าตัดที่ผิดพลาด เป็นการต่อสู้ที่ยาวนาน แต่เธอพร้อมสละทั้งเวลาและทุนทรัพย์ ไม่ใช่แค่เพื่อ “เจอร์นี่” แต่เพื่อสมาชิกสี่ขาของทุกครอบครัวในประเทศนี้ ได้มีสวัสดิภาพที่ดีขึ้น มีกฎหมายดูแลมากกว่านี้ “เพราะนี่คือชีวิตอันเป็นที่รัก ไม่ใช่ทรัพย์สิน”
และเพื่อจะบอกโลกว่า “เจอร์นี่ไม่ควรตายฟรี”
วันที่ตรวจพบชิ้นเนื้อที่ปลายปอด หมอแนะนำชักจูงใจให้ผ่าตัดด้วยวิธีส่องกล้อง ให้ความมั่นใจสารพัดไม่อันตราย ไม่มีความเสี่ยง
ในวันผ่าตัดเธอส่ง “เจอร์นี่” ถึงหน้าห้อง
“เจอร์นี่เดินเข้าไปเอง…แล้วอยู่ดี ๆ ก็ถอยหลังกลับมามองเรา เป็นภาพสุดท้ายที่เราบันทึกได้ เป็นภาพสุดท้ายที่ได้เห็นเจอร์นี่ขณะยังมีลมหายใจ”
———
ค่าผ่าตัดเพิ่มที่ไม่แจ้งล่วงหน้า เครื่องมือทันสมัยที่ไม่ได้ปลอดภัยเสมอไป!
“ดิฉันเอาน้องไปล่วงหน้าหนึ่งคืนและเปิดห้องนอนด้วยกัน นี่คือความรักที่เรามีให้ คุยครั้งแรกประเมินการทำหัตถการที่ 35,000 บาทแต่เวลาไปจ่ายเงินบอก 85,000-1 แสนบาท มันเหมือนมัดมือชก หมอมาอธิบายเครื่องมือทันสมัยนี่จะเป็นเคสที่สามของประเทศไทย ดูหมอตื่นเต้นเหมือนกำลังได้ขับรถเฟอรารี่
“ตอนนั้นเราช็อกเพราะแสดงว่าไม่น่าจะมีความเชี่ยวชาญ โดยสองเคสก่อนหน้ารอดหนึ่งเสียชีวิตหนึ่ง หมออ้างว่าที่เสียชีวิตเพราะมะเร็งลามทั่วปอดแล้ว แต่เขาบอกกับเราว่า ไม่เสี่ยง เพราะเจอร์นี่แข็งแรง ไม่ต้องเตรียมเลือดสำรอง ผ่าสามวันก็กลับบ้านได้ แต่เจอร์นี่ไม่คยได้กลับมาอีกเลย”
———
ปาดคราบน้ำตา…สู่แรงกระเพื่อมเปลี่ยนระบบ
หลังการเสียชีวิตของเจอร์นี่ เธอสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากลและความไม่ตรงไปตรงมาของแพทย์และโรงพยาบาล เวชระเบียน รายละเอียด คำอธิบายที่ไม่ตรงกัน
มันคือความเจ็บปวดที่ถูกบิดเบือน จึงตัดสินใจฟ้องเพราะเห็นว่าไม่ถูกต้อง มีเรื่องน่าสงสัย มีการบิดเบือนจากความผิดพลาดในการรักษา ซึ่งเชื่อว่าเคสของเจอร์นี่ไม่ได้มีเพียงแค่เคสเดียว เพียงแต่ไม่เคยมีใครนำขึ้นสู่การฟ้องในชั้นศาลมาก่อนเท่านั้น
จากความมุ่งมั่นตั้งใจ นำไปสู่กำลังใจมากมาย ได้รับความช่วยเหลือ สนับสนุนทั้งจากคนรู้จักและไม่รู้จัก งานกฎหมายที่ไม่คุ้นชินก็ได้ศึกษาอย่างเต็มที่ท่ามกลางคำแนะนำของทนายความและอาจารย์หมอที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการรักษาอย่างละเอียด แม้เป็นช่วงเวลาที่ยากบำบาก แต่เธอไม่โดดเดี่ยว และยังส่งผ่านกำลังใจไปสู่คนที่ผ่านประสบการณ์เดียวกันด้วยการจัดตั้งเพจ Ma Jour and friend หมาเจ๋อและเพื่อน จัดนิทรรศการภาพถ่าย เสวนาเรื่องกฎหมาย เพื่อให้ความรู้ต่อสังคม
———-
ศาลชั้นต้นให้ชนะ-ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง-รอคำสั่งได้ฎีกาหรือไม่ 19 มิ.ย.
เธอสู้คดีในชั้นศาล แม้ไม่มีทางรู้เลยว่าปลายทางจะแพ้หรือชนะ กระทั่งเธอชนะคดีในศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2565 ที่ชี้ว่า
“สัตวแพทย์ผู้ทำการผ่าตัด กระทำโดยประมาทและโรงพยาบาลสัตว์ซึ่งเป็นสถานที่ใช้กระทำผ่าตัดต้องรับผิดชอบอย่างลูกหนี้ร่วม” พร้อมให้จ่ายชดเชย 7 หมื่นบาทตามราคาของสุนัขลาร์บราดอร์ สายพันธุ์ของ ”เจอร์นี่“ ขณะที่เธอเรียกค่าเสียหายทางจิตใจไป 1 ล้านบาท ไม่ใช่เพราะมูลค่าสายพันธุ์ แต่เพราะคุณค่าของชีวิต
ตัวเลขเงินไม่ใช่เป้าหมาย สิ่งที่เธอต้องการคือแรงกระเพื่อมจากสังคม นำไปสู่การแก้กฎหมายคุ้มครองสัตว์ และสัตว์ไม่ควรถูกตีเป็นมูลค่าตามราคาของสายพันธุ์ เพราะเขาคือสมาชิกในครอบครัว การเซ็นยินยอมของเจ้าของไม่ได้หมายความว่าแพทย์จะรักษาโดยไม่ระมัดระวังหรือประมาทพลาดโดยไม่ต้องรับผิดชอบได้
”เราไม่ควรเสียลูก แต่ได้เงินกลับมาแค่ราคาตลาดของสายพันธุ์“
แต่การต่อสู้ของ ”ธิษณา“ ก็ไม่ได้เป็นไปอย่างที่หวัง เมื่อศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับยกฟ้องแพทย์และโรงพยาบาลสัตว์ ด้วยเหตุผลว่า ”ไม่มีการชันสูตรพลิกศพ“ จึงไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นการกระทำโดยประมาทหรือไม่
”แตกต่างจากที่ศาลชั้นต้นพิจารณาที่ยึดหลักฐานเวชระเบียนที่บันทึกรายละเอียดการรักษาและสาเหตุการเสียชีวิตว่า เกิดจากการเสียเลือดจากเครื่องมือไปโดนเส้นเลือดใหญ่ที่ขั้วหัวใจ ชัดเจนโดยไม่ต้องชันสูตรแล้ว ซึ่งเส้นเลือดเส้นนี้อาจารย์หมอบอกว่าความแข็งแรงพอ ๆ กับยางในจักรยาน ไม่ใช่เส้นเลือดที่จะแตกหรือเปราะได้เอง ถ้าไม่มีอะไรไปเจาะโดน“
————
6 ปีแห่งการต่อสู้เพื่อเจอร์นี่ และเพื่อทุกครอบครัวที่รักสัตว์
19 มิถุนายนนี้ ศาลฎีกานัดฟังคำสั่งว่าจะรับฎีกาหรือไม่ เป็นวันครบรอบ 6 ปีที่ นับจากเจอร์นี่จากไป คดีจะได้ไปต่อหรือไม่อยู่ที่คำสั่งศาลฎีกา ถ้าศาลฯ ไม่รับฎีกา ก็จะรณรงค์ต่อสร้างแรงกระเพื่อมในสังคม เราจะไม่เงียบ นี่คืออุดมการณ์ของเรา เราจะส่งเสียงแบบเคารพสังคมและกฎหมาย กฎหมายคุ้มครองสัตว์เขียนโดยมนุษย์ เปลี่ยนแปลงได้โดยมนุษย์
”สัตว์เลี้ยงไม่ใช่แค่ทรัพย์สิน แต่คือสมาชิกในครอบครัว ธุรกิจสัตว์เลี้ยงในเมืองไทยมูลค่าเป็นแสนล้าน เราเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเป็นลูก เราทุ่มเททุกอย่าง ทั้งอาหารการกิน สปา การรักษาที่แพงกว่าคน แล้วทำไมธุรกิจเหล่านี้กลับมีความรับผิดชอบต่อชีวิตอันเป็นที่รักของเราน้อยเหลือเกิน บางครั้งแค่พาไปอาบน้ำตัดขนก็ทำให้เสียชีวิตได้แล้ว กฎหมายต้องเท่าทันกับวิถีชีวิตที่เปลี่ยน ชีวิตไม่ใช่โอกาสทางธุรกิจของใคร แต่ตอนนี้ชีวิตสัตว์เลี้ยงกับหัวใจของเจ้าของ กลายเป็นโอกาสทางธุรกิจมหาศาลของคนทำธุรกิจด้านนี้ โดยยังไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมากมาย เพราะกฎหมายไม่ทัน”
———
กฎหมายที่ไม่เท่าทันความรักของคนเลี้ยงสัตว์
ด้วยความที่ ”ธิษณา“ เป็นนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม ศิลปะ วัฒนธรรม เธอจึงคิดว่าควรใช้วิชาชีพของตัวเองกับสิ่งที่เธอรักมากที่สุด เพื่อให้คดีเป็นตัวอย่างและนำไปสู่การแก้ไขกฎหมายคุ้มครองสัตว์ ”ถ้าเราต้องผ่านประสบการณ์ที่ไม่ถูกต้อง แล้วไม่ยอมจำนน ไม่เงียบ แต่ไม่ล้ำเส้นใคร ทำตามวิถีที่จะเตือนสังคม นำไปสู่การปรับปรุงแก้ไข คือเรื่องที่ควรทำ ไม่ควรเงียบ เพื่อครอบครัวอื่น ๆ จะไม่ต้องมาเสียน้ำตาเหมือนครอบครัวของเรา“
เธอเสนอให้ทุกพรรคการเมืองหยิบประเด็นนี้ขึ้นมาผลักดัน
“เรื่องของสัตว์เลี้ยงไม่มีขั้ว ไม่มีสี มีแต่ความรัก ใครหยิบไปเป็นนโยบาย คุณได้ใจคนทันที แบบไม่มีข้อขัดแย้ง”
———
ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข คำอธิษฐานสุดท้าย…จากแม่ถึงเจอร์นี่
”ระหว่างดิฉันกับเจอร์นี่เป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ขอให้เจอร์นี่มีความสุข จะทำในสิ่งที่มีประโยชน์ส่งบุญให้เจอร์นี่ไม่ต้องห่วงกังวล ขอให้เจอร์นี่ไปให้ดีที่สุด ไปให้ไกลจากเราก็ได้ ไม่ต้องกลับมาเจอกันอีกเลยก็ได้ ความรักที่แท้จริงคือการปล่อย ให้เจอร์นี่เป็นแรงบันดาลใจในการเปลี่ยนกฎหมาย”

