นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน หารือผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับมือสถานการณ์สู้รบระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน จนรัฐสภาอิหร่านมีมติให้ปิดช่องแคบฮอร์มุซ เส้นทางในการขนส่งน้ำมันสำคัญของโลก อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอย่างรุนแรงและกระทบต่อประเทศไทย เพราะ 59% นำเข้าจากตะวันออกกลางขนส่งทางเรือผ่านช่องแคบฮอร์มุซ จึงต้องพิจารณามาตรการเตรียมน้ำมันสำรองภายในประเทศ รวมทั้งมาตรการด้านราคาน้ำมันขายปลีกภายในประเทศ
“ขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก และขอให้มั่นใจว่ากระทรวงพลังงาน จะดำเนินทุกมาตรการเพื่อรักษาเสถียรภาพด้านราคาและปริมาณสำรองน้ำมัน และขอให้ประชาชนใช้พลังงานอย่างประหยัดเพื่อลดการนำเข้า ซึ่งจะช่วยให้ประเทศลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้อีกทางหนึ่งด้วย”
ส่วนการเตรียมพร้อมรับมือด้านราคาน้ำมัน นายพีระพันธุ์บอกจะใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมารักษาเสถียรภาพด้านราคา และอาจขอความร่วมมือกับกระทรวงการคลังในการลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตหากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังคงพุ่งสูงขึ้น ส่วนปริมาณสำรองจะดำเนินการจัดหาน้ำมันดิบจากแหล่งอื่นในภูมิภาคทดแทนและอาจเพิ่มปริมาณสำรองมากขึ้น
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ประมาณ 72 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ และมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ส่วนปริมาณสำรองน้ำมันภายในประเทศ ทั้งน้ำมันดิบคงเหลือ น้ำมันดิบระหว่างการขนส่ง และน้ำมันสำเร็จรูปสามารถใช้ได้ 63 วัน ซึ่งหากสถานการณ์มีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น จะบริหารจัดการเพื่อรักษาเสถียรภาพปริมาณสำรองน้ำมัน
ส่วนสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ปรับลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งน้ำมันเบนซินและดีเซลไปแล้วรวม 4 ครั้ง เพื่อลดผลกระทบต่อราคาขายปลีกภายในประเทศ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันให้กับประชาชน #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #ราคาน้ำมัน #ปริมาณสำรองน้ำมัน #พีระพันธุ์สาลีรัฐวิภาค #รัฐบาลแพทองธาร #ช่องแคบฮอร์มุซ

