ครม.อิ๊งค์ 2 ตอกย้ำ: ระบบพรรคการเมืองไทยล้มเหลว
“ลูก ส.ส.ฝ่ายค้าน เป็น รัฐมนตรีในรัฐบาล
รัฐมนตรีบางคนไม่สังกัดพรรค แต่เตรียมแต่งตัวรอเป็นหัวหน้าพรรคใหม่ที่ตั้งขึ้นมารองรับ ส.ส.จากพรรคอื่น
พรรคฝ่ายค้านขู่จะลงโทษ ส.ส.ที่ไม่ทำตามมติ แต่ทุกคนรู้ดีว่า “ไม่มีใครแคร์” เพราะรอให้ขับอยู่แล้ว เพื่อไปสังกัดพรรคใหม่
…แล้วเจตจำนงของประชาชนอยู่ตรงไหน?”
⸻
ตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริงใน ครม. แพทองธาร 2:
ฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ ได้เป็น รมช.พาณิชย์ ในนามรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
– เขาเป็น บุตรชายของฐากร ตัณฑสิทธิ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย ซึ่งเป็น ฝ่ายค้าน
– เดิมพ่อจะเป็นรัฐมนตรีเอง แต่เปลี่ยนให้ลูกชายขึ้นแทน
จตุพร บุรุษพัฒน์ ได้เป็น รมว.พาณิชย์ ทั้งที่ไม่ได้เป็น ส.ส. และยังไม่สังกัดพรรคใดในพรรคร่วมรัฐบาล
– มีข่าวว่าเขาจะไปเป็นหัวหน้าพรรค “โอกาสใหม่” ซึ่งกลุ่มของ สุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ เตรียมขน ส.ส.ราว 18 คนไปเข้าร่วม
– แต่การเคลื่อนตัวยังเกิดไม่ได้ เพราะ ส.ส.เหล่านั้นยัง ไม่ถูกขับออกจากพรรคเดิม
⸻
คำถามสำคัญคือ:
“เมื่อ ส.ส. สวมเสื้อพรรคหนึ่งแล้วได้รับเลือกตั้ง แต่ต่อมาไม่อยากอยู่ในบทบาทฝ่ายค้าน จึงหาทางย้ายพรรคเพื่อเข้าสู่อำนาจฝ่ายบริหาร — เราจะยังเรียกระบบนี้ว่า ‘ประชาธิปไตยที่ยึดโยงกับประชาชน’ ได้อยู่อีกหรือไม่?”
⸻
ข้อเสนอเชิงระบบ: ถึงเวลาปฏิรูประบบพรรคการเมืองไทย
1. อยู่พรรคไหน ต้องอยู่ให้ครบวาระ
– หากจะย้ายพรรค ต้องลาออก และไปพิสูจน์กับประชาชนใหม่ในการเลือกตั้งซ่อม
– เพื่อรักษาหลักการว่า “เสียงในสภาเป็นของประชาชน ไม่ใช่ของตัวบุคคล”
2. หรือเลิกบังคับสังกัดพรรคการเมืองไปเลย
– ถ้าประชาชนเลือกคนไม่ใช่พรรค ก็เปิดโอกาสให้ ส.ส. ทำงานในนามส่วนตัว
– พรรคไม่ควรเป็นเพียงเครื่องมือเชิงเทคนิคในการเข้าสู่สภา
⸻
“การเมืองที่ไร้ความรับผิดชอบต่อประชาชน
ไม่ใช่ประชาธิปไตย — และประชาชนไม่ใช่แค่บันไดให้ใครก้าวสู่อำนาจ
#ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#พรรคร่วมรัฐบาล#ควบเก้าอี้รมววัฒนธรรม#หยุดปฏิบัติหน้าที่#รมตใหม่#ยุบสภา#แพทองธาร#รัฐบาลแพทองธาร#ครมแพทองธาร2

