“เราหยุดยิง…แต่เขมรไม่หยุดเดิน เขาจะใช้เป็นจังหวะรุก กินพื้นที่เราเข้ามา”
— พล.ท. กนก เนตระคะเวสนะ อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี
เรียบเรียงจากบทสัมภาษณ์ในรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ดำเนินรายการโดย “สมจิตต์ นวเครือสุนทร”
⸻
หมากเขมร: หยุดยิงคือจังหวะรุก
แม้ข้อตกลงหยุดยิงจะเริ่มตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 28 กรกฎาคม แต่เสียงปืนและการเคลื่อนกำลังจากฝั่งกัมพูชายังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง พล.ท. กนก เนตระคะเวสนะ บอกว่า “นี่คือสิ่งที่คาดการณ์ไว้แล้ว” เพราะในความเป็นจริง เป้าหมายของเขมรคือ “หยุดยิง” เพื่อ “เดินหน้า” ต่อ
“ในขณะที่เราหยุดยิง เขมรไม่หยุดเดิน และจะรุกกินแดนเราเรื่อย ๆ… เรามีกติกาว่าถ้าเขาไม่ยิงเราก็ไม่ยิงเขา ทำให้เขาใช้จังหวะนี้เคลื่อนเข้ามา”
เขาย้ำว่าชุดประสานงานของไทยต้องตกลงให้ชัดว่าพื้นที่ใดคือ “เขตห้ามเข้า” และหากมีการละเมิด ต้องไม่มีการรับประกันความปลอดภัย
⸻
11 จุดยุทธศาสตร์ : เป้าโจมตีเขมร
กองทัพไทยสามารถยึดพื้นที่ยุทธศาสตร์ไว้ได้ 11 จุด เช่น “ภูมะเขือ” และ “สัตตะโสม” ซึ่งเป็นจุดสูงข่มที่มองเห็นความเคลื่อนไหวของเขมรอย่างชัดเจน เขาระบุว่า พื้นที่เหล่านี้คือเป้าหมายที่ฝ่ายกัมพูชาจะพยายามแทรกแซงอีกครั้ง
“ภูมะเขือมองเห็นด้านหลังปราสาทพระวิหาร สัตตะโสมเห็นด้านตะวันตก เขมรจะพยายามยึดครอง เราไว้ใจกัมพูชาไม่ได้…”
⸻
หมากเจรจาไทย…ผิดจังหวะ ผิดเวลา ผิดต่อทหาร
พล.ท. กนก ตั้งข้อสังเกตว่าฝ่ายไทยเจรจาภายใต้แรงกดดันด้านเวลา โดยไม่สอดคล้องกับจังหวะภารกิจของกองทัพ ส่งผลให้ต้องเร่งกวาดล้างในพื้นที่ให้ทันเดดไลน์หยุดยิง และนั่นคือจุดที่นำไปสู่ความสูญเสีย
“เรายังกวาดบ้าน ถูบ้านไม่เสร็จ เขากำหนดเวลา ทหารก็ทำตาม ทั้งที่ควรได้ต่อรอง…ผลคือทหารเราต้องเร่งจบภารกิจแบบจำกัดเวลาเหมือนถูกมัดมือชก และจบที่ความสูญเสียมากขึ้น”
เขาเตือนว่า หากนโยบายการเมืองไม่รอบคอบ ไม่รับฟังแนวทางของกองทัพ ความสูญเสียจะยิ่งทวีคูณ
⸻
รัสเซีย–โดรน–เขมร : ความจริงที่ต้องเปิดโปง
ในพื้นที่พบว่ามีคลื่นวิทยุสื่อสารพูดคุยเป็นภาษารัสเซีย พล.ท. กนก เห็นว่ารัฐบาลไทยต้องรีบสอบถามสถานทูตรัสเซียเพื่อยืนยันต้นตอทันที เพราะมีผู้ช่วยทูตทหารรัสเซียประจำอยู่ในไทยอยู่แล้ว
“มีหลักฐานเสียงอยู่แล้ว ก็ต้องถามตรง ๆ ขอคำแปล ถามว่าใช่ของรัสเซียไหม…ผู้รับผิดชอบมีเรื่องให้ตรวจสอบก็ต้องทำ อย่ารอให้คนอื่นสะกิดสะเกา”
เขาเชื่อว่าการมีทหารรับจ้างหรือการใช้เทคโนโลยีโดรนในสนามรบ ไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม และหากปล่อยผ่านอาจกระทบต่อสถานการณ์สู้รบได้
⸻
มาเลเซียเอียงเขมร สหรัฐฯ ไม่ช่วยไทย
เขาวิเคราะห์ว่า มาเลเซียและสหรัฐฯ ไม่ได้อยู่ข้างไทยในศึกครั้งนี้ โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่า “คณะตรวจสอบ” จากมาเลเซียเดินทางไปกัมพูชาก่อน ทั้งยังมีบริษัทร่วมทุนติดตั้งเสาสัญญาณโทรคมนาคมให้ฝ่ายเขมรในจุดพิพาท
“เราต้องพึ่งตัวเอง เก็บข้อมูลให้ครบว่ากัมพูชาละเมิดอะไร ที่ไหน เวลาเท่าไหร่…แล้วสื่อสารออกไปเป็นชุดเดียวกันทั้งกองทัพและรัฐบาล ไม่ใช่พูดกันคนละเรื่อง”
⸻
ศึก GBC ต้องมีแผน ไม่ใช่ถอยแบบยกให้ทั้งเข่ง
การเจรจาในเวที GBC ในวันที่ 4 สิงหาคมที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ พล.ท. กนก ย้ำว่า รัฐบาลต้องประเมินพื้นที่อย่างละเอียด เพราะทั้ง 11 จุดที่ยึดอยู่มีความต่างกันโดยสิ้นเชิง และโดยเฉพาะ 4 จุดที่กัมพูชานำขึ้นศาลโลก ต้องระวังเรื่อง “ถอย” ให้ดี
“ถอย 200 เมตรเหมือนกันหมดไม่ได้ เขมรถอยไม่ถึง แต่เราถอยเต็ม…ก็เสียพื้นที่อีก”
เขาเสนอให้จัดแผนการเจรจาแบบมีทางเลือก “แผน 1 แผน 2 แผน 3” พร้อมเก็บข้อเท็จจริงให้ละเอียด เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อการวางหมากของเขมรอีกครั้ง
⸻
บาดแผลที่ไม่จำเป็น ถ้ารัฐทำจริงจัง
ท้ายที่สุด พล.ท. กนก วิจารณ์รัฐบาลอย่างตรงไปตรงมาว่า ขาดความเด็ดขาดในการใช้เครื่องมือที่ไม่ใช่อาวุธ เช่น การตัดน้ำมัน ปิดสัญญาณ หยุดระบบสนับสนุนจากหลังบ้าน ทำให้ทหารต้องรบฝ่ายเดียว
“ถ้าทำจริง ๆ เขมรอาจพ่ายแพ้ไปตั้งแต่สามสี่วันแรก…อย่าปล่อยให้ทหารรบอยู่ฝ่ายเดียว คุณภูมิธรรมต้องมีจิตใจรักชาติ ถ้าไม่รักษาแผ่นดิน ลูกหลานเราจะอยู่อย่างไร”
⸻
“ศึกนี้ไม่ง่าย และไม่จบในเร็ววัน ถ้าคนเจรจาไม่มีความรู้ ไม่ทันเหลี่ยมเขมร ผมพูดตรง ๆ เลยว่า…ผมไม่ไว้ใจรัฐบาล”
— พล.ท. กนก เนตระคะเวสนะ
#ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #ทหารมีไว้ปกป้องอธิปไตย #TruthFromThailand #ละเมิดหยุดยิง #กัมพูชาชิงธงนำ #อาชญากรสงคราม #ประณามกัมพูชา

