“เล่นปาหี่–หยุดยิงพลาด–ฮุน-ชินวัตรร่วมสันดาน”
—นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี
เรียบเรียงจากบทสัมภาษณ์ในรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ดำเนินรายการโดย “สมจิตต์ นวเครือสุนทร”
—————
“ศาลไทยจะไปบังคับฮุน เซนได้อย่างไร?”
คือคำถามตรงไปตรงมาจาก นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี
หลังรัฐบาลโดย “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรี–รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ออกมาประกาศว่าจะฟ้อง “แพ่ง–อาญา” กัมพูชาในนามรัฐบาลไทย จากกรณีโจมตีพลเรือนและโรงพยาบาลของไทย
แต่กลับ ไม่ ดำเนินการต่อ “ศาลอาญาระหว่างประเทศ” หรือ ICC
“นี่คือการเล่นปาหี่หรือไม่? จะใช้ศาลในประเทศแล้วจะไปมีอำนาจบังคับฮุน เซนได้อย่างไร”
หมอวรงค์ชี้ว่า หลักฐานที่ฝ่ายไทยมีอยู่เพียงพอจะยื่นต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) แม้ไทยจะไม่ใช่ภาคี ICC แต่ก็สามารถใช้กลไกระหว่างประเทศผลักดันได้ หากมีเจตจำนงทางการเมือง
“ฮุน เซนกลัวถูกฟ้องเป็นอาชญากรสงคราม เพราะหลักฐานมันชัด
แต่กลับไม่มีการผลักดัน แสดงว่ารัฐบาลไม่ได้เอาจริง และผมไม่ไว้ใจคุณภูมิธรรมที่เป็นแค่หุ่นเชิด”
———-
หยุดยิงผิดจังหวะ–ปล่อยให้เขมรฟื้นกำลังเตรียมการรบต่อ
วรงค์ย้อนเหตุการณ์สำคัญที่ภูมิธรรมเจรจาหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไขเมื่อ 28 ก.ค. ทั้งที่ขณะนั้นไทยได้เปรียบในสนามรบ และกำลังจะ “น็อค”
แต่กลับ ยุติ การโจมตี ทำให้เขมรมีเวลาฟื้นกำลังและเดินเกมต่อในระดับการทูต
ในการประชุม GBC ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร หมอวรงค์ระบุว่า
“ไม่ว่าไทย–กัมพูชาจะตกลงอะไรกันในเวทีนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือ
กัมพูชาจะ ปฏิบัติตาม หรือไม่—เพราะแม้แต่ข้อตกลง RBC ที่เคยห้ามเคลื่อนย้ายกำลังพล ก็ยังถูกละเมิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า และยังยั่วยุไทยด้วยการตัดลวดหนามที่ช่องอานม้า”
“เขมรล้มละลายด้านความน่าเชื่อถือไปแล้ว
การที่ฮุน เซนได้รับพระบรมราชโองการคุมกองทัพคือสัญญาณพร้อมรบใหม่”
เขาย้ำว่า ไทยต้องระมัดระวังตลอดเวลา เพราะ “เชื่อฮุน เซนไม่ได้”
และที่สำคัญคือ “สองตระกูล ฮุน-ชินวัตร” มีลักษณะนิสัยที่เหมือนกัน — “พูดอย่าง ทำอีกอย่าง”
——————
พ่อ–ลูกฮุน เซน ปิดไม่มิด
ในมุมของหมอวรงค์ ความเคลื่อนไหวในกัมพูชาวันนี้คือการพยายามเบี่ยงเบนความสนใจจากความจริงที่ประชาชนรับรู้
ทั้งเรื่องเศรษฐกิจที่ตกต่ำ และความสูญเสียในกองทัพ
“ทหารเขมรที่ตุยไป ไม่ได้ตุยอย่างมีเกียรติ แต่ร่างถูกทิ้งเหมือนซากสัตว์ ไม่มีศักดิ์ศรี รัฐบาลของตัวเองไม่ใส่ใจ”
เขายังเตือนถึงเกมสมดุลใหม่ที่ฮุน เซนกำลังเดิน
จากการ “ตีจากจีน” ที่ลงทุนสูงในท่าเรือเรียม—ไปหาสหรัฐฯ
ซึ่งอาจทำให้พื้นที่ชายแดนกลายเป็น “พื้นที่แทรกแซงของประเทศมหาอำนาจ” หากเกิดสงครามรอบใหม่
————-
การชุมนุม–การปลุกสังคม
เมื่อถูกถามถึงแนวโน้มการเคลื่อนไหวของ “กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย” หมอวรงค์ยืนยันว่า มีแผนชุมนุมราวต้นเดือนกันยายน
แต่ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะไปทำเนียบฯ หรือไม่ เพราะต้องประเมินสถานการณ์ และเน้นให้ความรู้กับประชาชนเป็นหลัก
“มีคนเยาะเย้ยว่าม็อบไม่มีคนแล้ว แต่ในความจริงประชาชนยังอยากมีส่วนร่วม อยากเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และต้องการแสดงออก”
เขายังมองว่า คดีของ “พ่อลูกตระกูลชินวัตร” เป็นอีกปัจจัยสำคัญ
ที่จะกระตุ้นความตื่นตัวของสังคม โดยเฉพาะคดี 112 ที่ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาทักษิณในวันที่ 22 ส.ค.
“ถ้าทักษิณหลุดในคดีนี้ ผมเชื่อว่าเขาจะหนีออกนอกประเทศ
เพราะคดี ‘ชั้น 14’ ที่ศาลฎีกาฯ นัดฟังคำสั่ง 9 กันยายน ปิดประตูรอด
และทักษิณจะไม่ยอมติดคุก หนีไปต่างประเทศ จุดจบคือตุยต่างแดน ไม่ได้กลับไทยอีก”
—————
หาก “การหยุดยิง” คือช่องโหว่
“ความไม่จริงใจของรัฐบาล” คือปัญหาใหญ่
และ “ฮุน–ชินวัตร” คือรากเหง้าของวิกฤตที่ต้องเปิดโปงให้ประชาชนเห็นความจริงทั้งหมด
#ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #GBC #ทักษิณชินวัตร #ศาลฏีกา #ชั้น14 #ฮุนเซน #ฮุนเซนอาชญากรสงคราม #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #TruthFromThailand #GBC

