สุพรรณบุรีกลายเป็นเวทีทดลองสำคัญของการพลิกโฉมการทำนาไทย เมื่อ ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน รองประธานคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ลงพื้นที่เยี่ยมชมแปลงนาทดลองของ บริษัทนาเฮียใช้ จำกัด ร่วมกับ บริษัทซีบริงค์ จำกัด
ภาพตรงหน้าคือแปลงนาข้าวที่ต้นแข็งแรง รวงข้าวสวยเสมอกันทั้งแปลง จนทำให้เขาต้องถามว่า “ทำได้อย่างไร”
⸻
ความสำเร็จจากการให้ปุ๋ยทางใบ
คำตอบคือ เมล็ดพันธุ์คุณภาพสูง และการจัดการดิน–น้ำ–ปุ๋ยที่แม่นยำ โดยครั้งนี้ บริษัทซีบริงค์ทดลองใช้ โดรนพ่นปุ๋ยทางใบ แทนการหว่านปุ๋ยเม็ดแบบดั้งเดิม วิธีนี้ทำให้ข้าวดูดซับสารอาหารได้ตรงจุด ต้นแข็งแรง ต้านทานโรคและแมลง ลดการใช้สารเคมี และต้นทุนก็ต่ำลง
“นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนวิธีการให้ปุ๋ยในอนาคต” ศ.ดร.กนก ระบุ พร้อมชี้ว่าผลลัพธ์ที่แท้จริงต้องวัดจากรายได้ของชาวนาว่าเพิ่มขึ้นจริงหรือไม่
⸻
5 ปัญหาใหญ่ที่กดข้าวไทย
ในการแลกเปลี่ยนกับนักวิชาการและเจ้าหน้าที่บริษัท ศ.ดร.กนก สรุป 5 ประเด็นที่ทำให้ข้าวไทยแข่งขันไม่ได้ คือ
1. พันธุ์ข้าวไทยล้าหลัง พัฒนาไม่ทันคู่แข่งอย่างเวียดนาม
2. วิธีปลูกเหมือนเดิมกว่า 40-50 ปี ดินสะสมสาร P และ K จนข้าวดูดปุ๋ยได้น้อยลง
3. ใช้สารเคมีเกินมาตรฐาน ส่งผลต่อสุขภาพชาวนา ค่าพิษในเลือดสูงเกือบ 100%
4. นโยบายรัฐทำชาวนาอ่อนแอ ทั้งจำนำข้าวและประกันรายได้ ไม่ช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน
5. ประเทศคู่แข่งผลิตเองได้ ทั้งผู้ซื้อเก่าอย่างอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และผู้ส่งออกอย่างอินเดีย เวียดนาม ทำให้ไทยเสียตลาดสำคัญ
⸻
วิกฤตใหญ่กว่าชายแดน
ศ.ดร.กนก เน้นย้ำว่า ปัญหาข้าวไทยไม่ใช่ของกระทรวงหรือรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง แต่เป็นโครงสร้างของระบบเกษตรและการค้าที่กดทับเกษตรกรมาอย่างยาวนาน
“วิกฤตข้าวที่ไทยเผชิญ สร้างความเสียหายต่อประเทศมากกว่าวิกฤตที่ชายแดนไทย–กัมพูชาเสียอีก”
⸻
ที่มา: Facebook ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน
#ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#กนกวงษ์ตระหง่าน#ข้าวไทย#ข้าวเวียดนาม#วิกฤตข้าวไทย#ความสามารถในการแข่งขันของชาวนาไทย

