นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ นักเคลื่อนไหว โพสต์ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร ถูกศาลฏีกาฯ ตัดสินให้กลับไปติดคุก 1 ปี โดยไม่ถือว่าการอยู่ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจเป็นระยะเวลาคุมขัง โดยระบุว่า เสรีภาพที่ยิ่งใหญ่ คนที่เคยติดคุกอย่างตน แม้ไม่เห็นด้วย แต่ย่อมต้องเชื่อฟัง เพราะเป็นศาลฎีกา ถึงแม้จะอยู่สุขสบายแค่ไหน คุกก็คือคุก จะได้กินหูฉลาม ได้นอนฟูก แต่มันก็คือคุกอยู่ดี หัวใจสำคัญที่สุดของการติดคุก คือ ”การจำกัดเสรีภาพ“ อันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ของมนุษย์ทุกคน
นายชูวิทย์บอกด้วยว่า การที่นายทักษิณอยู่โรงพยาบาลตำรวจมา 6 เดือน จึงถือว่า ”ไร้อิสรภาพ“ เพราะไม่สามารถไปไหนได้ เมื่อศาลไม่นับให้ ก็กลายเป็นติดคุกฟรี อย่างตนถูกควบคุมตัวที่โรงพัก 3 วัน ราชทัณฑ์ยังนับเป็นวันคุมขัง นำไปตัดจำนวนวันต้องโทษลงได้ ความยุติธรรมที่ต้องวัดกันด้วย ”เสรีภาพ” คนไม่เคยติดอาจบอกว่า ไม่นาน แค่ 1 ปี แต่สำหรับคนที่ติดคุกมาก่อนจะรู้ว่า เวลา 1 วัน ในคุก มันยาวนานกว่านอกคุกมาก เพราะเสรีภาพเขานับกันเป็นรายชั่วโมง โดยเฉพาะคนอย่างอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่ปัจจุบันอายุ 76 ปี
“การกลับมาโดยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว ยอมเดินไปศาล ต้องใส่ชุดนักโทษขึ้นรถย้ายเรือนจำ สำหรับบางคนอาจสะใจ แต่สำหรับผม ถือว่าต้องนับถือหัวใจ”
นายชูวิทย์วิเคราะห์ต่อไปด้วยว่า ด้วยสถานการณ์ที่พลิกผัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้เป็นนายกฯ ขณะที่อดีตนายกฯ ทักษิณ ติดคุก จึงกลับคิดว่านี่เป็นการ “พลิกวิกฤตอย่างแท้จริง“ ของพรรคเพื่อไทย ภาวการณ์ที่แม้แต่พรรคส้มยังป้อแป้กับอุดมการณ์ที่กลับไปกลับมา กับการโหวตที่สุดประหลาด “เป็นฝ่ายค้านที่โหวตให้ไปเป็นรัฐบาลเพื่อยุบสภา“ และพรรคภูมิใจไทยที่ไม่มีอะไรจะขายในทางการเมือง
“การติดคุกของทักษิณ อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการเมืองไทย คนไทยมีนิสัยอยู่อย่าง ไม่ชอบเห็นคนถูกรังแก” นายชูวิทย์กล่าวในช่วงท้าย
#ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #ชูวิทย์กมลวิศิษฏ์ #สั่งจำคุกทักษิณ #ทักษิณชินวัตร #พรรคเพื่อไทย #เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ #กระดานการเมือง #คุมขังนอกเรือนจำ #นายกคนแรกถูกจำคุก #แพทองธารชินวัตร

