- Original
- Urban Culture
- Writer
- About us
- คุยกับสส
- The Persona
- Brief
- Thai Treasure
- Urban life
- On this day
- News
- Home
- Editir pick
- Good
- Persona
- Persona
- Urban
- Business
- Politics
- Playlist
- Home
- People Voice
- Culture
- นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
- Urban Wealth
- Law
- Update
- I’m Youth Ranger
- Urban History
- Issues
- Check
Subscribe to Updates
Get the latest creative news from FooBar about art, design and business.
Author: Writer Publisher
พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชาที่เคลื่อนย้ายกำลังพลและอาวุธยุทธโธปกรณ์เข้าพื้นที่ว่าได้รับทราบข้อมูลแล้ว และถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่ถอนกำลัง และยังไม่ทราบว่าในอนาคตจะมีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งกำลังทหารก็ต้องเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ส่วนการเคลื่อนย้ายจรวดหลายลำกล้อง BM-21 เข้าพื้นที่ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงหรือไม่ พลโท บุญสิน ระบุว่า เป็นสิ่งบอกเหตุว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้ในอนาคต เรื่องความขัดแย้งด้วยอาวุธ ซึ่งยอมรับว่า ผิดข้อตกลงอยู่แล้ว จึงประท้วงไป ทั้งนี้ยืนยันเป็นการก่อกวนในช่วงรับมอบตำแหน่งของแม่ทัพภาคที่ 2 และตำแหน่งสำคัญอื่นๆ ในกองทัพ แต่เชื่อว่า คงไม่มีผล เพราะแม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ทำหน้าที่อำนวยการยุทธก่อนหน้านี้อยู่แล้ว รู้ขั้นตอนการปฏิบัติ รวมถึงรัฐบาลชุดนี้ก็อยู่กับรัฐบาลเดิมเชื่อว่าไม่มีปัญหารอยต่อต่างๆ ไม่มีผลกระทบต่อไทย สำหรับตอบโต้เป็นอำนาจการตัดสินใจของทหารหรือรัฐบาล เรื่องนี้พลโท บุญสิน ระบุต้องเป็นการตัดสินใจร่วมกัน และต้องพิจารณาให้ครบถ้วนว่า ข้อดีข้อเสียที่จะเกิดขึ้น รวมถึงสิ่งที่จะได้มาคุ้มค่า หรือไม่ ซึ่งหากการประทะมีเหตุผลน้อย และไม่เพียงพอ อาจจะส่งผลเสียต่อประเทศชาติ แต่ถ้ามีเหตุผลเราก็พร้อมที่จะปกป้องอธิปไตย #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด#TruthFromThailand#รุกล้ำอธิปไตย#บ้านหนองจาน#บ้านหนองหญ้าแก้ว#อันธพาลชายแดน#กองทัพภาคที่2#รัฐบาลอนุทิน#พื้นที่อ้างสิทธิ#รุกล้ำอธิปไตยไทย#ปิดด่าน#กัมพูชาภัยคุกคาม#ปกป้องชายแดน
พลโทหญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหม กัมพูชา แถลงการณ์วันนี้ (26 ก.ย. 68) ระบุว่าตามที่สื่อสังคมออนไลน์และสื่อบางสำนักของไทย ได้รายงานว่า กัมพูชาได้เคลื่อนย้ายกำลังพลและอาวุธมาประชิดแนวชายแดน กระทรวงกลาโหม ราชอาณาจักรกัมพูชา ขอปฏิเสธข่าวดังกล่าว และชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง โดยภาพที่สื่อสังคมออนไลน์และสื่อของไทยนำมาเผยแพร่นั้นเป็น ‘ภาพเก่า’ ไม่ใช่เหตุการณ์ในปัจจุบัน และกองทัพกัมพูชาไม่ได้มีพฤติกรรมยั่วยุ หรือการกระทำใดๆ ที่ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงตามที่สื่อสังคมออนไลน์และสื่อของไทยกล่าวอ้าง พลโทหญิงมาลีกล่าวว่า กัมพูชายังคงให้ความสำคัญและเคารพข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัมพูชาและไทย โดยจะยังคงทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในทุกระดับ และแสวงหาความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมเพื่อส่งเสริมสันติภาพและเสถียรภาพระหว่างสองประเทศ รวมถึงการนำสถานการณ์กลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
เป็นความคืบหน้าของโครงการคนละครึ่งฉบับรัฐบาลภูมิใจไทย ที่นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ออกมาเปิดเผยว่า “คนละครึ่ง” ที่จะเริ่มต้นเดือนตุลาคมนี้ โดยผู้มีสิทธิ์ต้องอายุ 16 ปีขึ้นไป โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มดังนี้ 1.ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13 ล้านคน รัฐบาลจะเติมเงินให้อีก 1,700 บาท ซึ่งจากเดิมให้อยู่แล้ว 300 บาท แต่เติมเพิ่มอีก 1,700 บาท รวมจะได้เงินทั้งหมด 2,000 บาท ทั้งนี้ จะเติมให้ครั้งเดียวเท่านั้น ใช้ได้ 2 เดือน ตั้งแต่เดือน พ.ย.-ธ.ค.2568 2.ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในระบบภาษี จำนวน 9 ล้านคน คนละครึ่ง 50:50 จะได้เงินคนละ 2,000 บาท จ่ายได้วันละไม่เกิน 200 บาท ใช้ได้ 2 เดือน ตั้งแต่เดือน พ.ย.-ธ.ค.2568 3.ผู้ที่อยู่ในระบบภาษี จำนวน 11 ล้านคน คนละครึ่ง 50:50 จะได้เงินคนละ 2,400 บาท จ่ายได้วันละไม่เกิน 200 บาท ใช้ได้ 2 เดือน คือ ตั้งแต่เดือน พ.ย.-ธ.ค. 2568 จะเห็นว่าผู้ที่อยู่ในระบบภาษี 11 ล้านคนที่ตอนแรกบอกว่าจะได้ 60:40 ตอนนี้ปรับเป็นคนละครึ่ง คือรัฐจ่ายให้ครึ่งหนึ่งเช่นผู้ไม่อยู่ในระบบภาษี แต่คนกลุ่มนี้จะได้เงินคนละ 2,400 บาทมากกว่าคนที่ไม่อยู่ในระบบภาษีที่ได้ 2,000 บาท และผู้ที่มีบัตรสวัสดิการรัฐ 1,700 บาท ทั้งนี้ คาดว่ากระทรวงการคลังจะนำนโยบายดังกล่าวเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบกลางเดือนตุลาคมนี้ และประกาศใช้พร้อมกันเริ่ม 1 พฤศจิกายน-31 ธันวาคม 2568 #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#อนุทินชาญวีรกูล#สิริพงศ์#ภูมิใจไทย#พรรคภูมิใจไทย#พูดแล้วทำ#คนละครึ่ง#กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น#ขับเคลื่อนทันทีหลังแถลงนโยบาย#คนละครึ่ง#คนละครึ่ง2568
สภาองค์กรของผู้บริโภค โพสต์เรื่องนี้เพื่อเชิญชวนประชาชน จับตาบ่ายวันนี้ที่ศาลปกครองจะชี้ชะตาคดี #ควบรวมทรูดีแทค ที่สภาผู้บริโภคฟ้องเพิกถอนมติ กสทช. ปล่อยให้ควบรวมกิจการ กระทบผู้บริโภคที่ใช้มือถือ โดยระบุว่ากว่า 2 ปีที่สังคมไทยจับตาการ ควบรวมทรูดีแทค ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่ากระทบสิทธิผู้บริโภคโดยตรง จากวันแรกที่บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ประกาศรวมกิจการ เสียงเรียกร้องจากสภาผู้บริโภค นักวิชาการ และเครือข่ายประชาชน ก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตือนถึงความเสี่ยงเรื่องการแข่งขันที่ลดลง ทางเลือกของผู้ใช้บริการที่หดแคบ และค่าบริการที่อาจสูงขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น สภาผู้บริโภคจึงเดินหน้าใช้ทุกช่องทาง ตั้งแต่การจัดเวทีสาธารณะ การยื่นรายงานต่อรัฐสภา จนถึงการฟ้องเพิกถอนมติ กสทช. ต่อศาลปกครอง กระบวนการนี้ยืดเยื้อยาวนาน แต่ก็สะท้อนถึงความพยายามที่จะปกป้องสิทธิของผู้บริโภคทุกคน ที่พึ่งพามือถือและอินเทอร์เน็ตในฐานะ ของจำเป็นในชีวิตประจำวัน ในที่สุด วันที่ 26 กันยายน 2568 ศาลปกครองนัดอ่านคำพิพากษาคดีสำคัญ ที่จะเป็นหมุดหมายชี้ชะตา ว่าผู้บริโภคไทยจะได้รับความเป็นธรรมจากการกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคมเพียงใด คำตัดสินครั้งนี้ไม่ใช่เพียงข้อกฎหมาย แต่คือเรื่องของทุกเบอร์มือถือ และทุกบ้านที่ใช้เน็ตในประเทศไทย #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #ศาลปกครอง #สภาองค์กรของผู้บริโภค #กสทช #ทรูดิจิทัล #TRUE #กสทช #ทรูดีแทค #รวมกิจการ #มาตรา16 #ควบรวมทรูดีแทค #เรื่องของทุกเบอร์มือถือ #ทุกบ้านที่ใช้เน็ต
โดยเพจ Army Military Force โพสต์ข้อความที่เผยถึงการถ่ายภาพยุทโธปกรณ์ในแพลตฟอร์มออนไลน์ พร้อมระบุพิกัด ซึ่งสุ่มเสี่ยงให้กำลังพลและยุทโธปกรณ์เป็นเป้าทางทหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่กองกำลังของกัมพูชาขนอาวุธหนักเข้ามาประชิดชายแดนไทย โดยในโพสต์ระบุ “พนักงานส่งพัสดุถ่ายคลิปรถถังจอดเป็นโหลอยู่ที่ฐานแนวหน้า อัพลง TikTok แถมใจดีบอกพิกัดฐานอย่างละเอียดให้เขมรทราบ หวังยอดวิว ชาวเน็ตไทยแห่เตือนให้ลบ ผ่านมา 12 ชม. เจ้าตัวเมิน น่าจะต้องย้ายฐานกันรอบที่ 3 ละ” โพสต์นี้มีผู้เข้าไปคอมเมนต์จำนวนมาก และตั้งข้อสงสัยว่าทำไมถึงไม่ลบโพสต์ทั้งที่มีคนเข้าไปเตือนจำนวนมาก รวมถึงข้อสงสัยไม่ใช่การทำคอนเทนต์ธรรมดาอีกด้วย โดยเมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมาเกิดกรณีสื่อมวลชนนำภาพระหว่างผู้บัญชาการทหารสูงสุดลงพื้นที่แนวหน้า และมีภาพถ่ายแผนที่ตั้งทางทหารไทยและเผยแพร่แบบไม่ Censor ซึ่งทำให้สื่อมวลชนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงการกระทำที่ทำให้เกิดความเสี่ยงของทหารในแนวหน้า จากความไม่รับผิดชอบของสื่อและผู้ถ่ายภาพ เพราะฝ่ายตรงข้ามสามารถนำไปวิเคราะห์และพิกัดจุด เพจ Army Military Force บอกกรณีเมื่อวันที่ 23 กันยายนเป็นครั้งที่ 2 แล้ว ครั้งแรกเมื่อเดือนก่อน มีการปล่อยเเผนที่ฐานทหารที่แนวหน้า จนต้องย้ายฐานกันวุ่น ส่วนวันนี้อาจต้องย้ายฐานเป็นครั้งที่ 3 จากนั้นกองทัพบก ได้ออกประกาศขอความร่วมมืองดเว้นการเผยแพร่ข้อมูลหรือภาพถ่ายที่อาจบ่งชี้ถึงการปฏิบัติการทางทหาร เช่น แผนที่ที่แสดงการวางกำลัง ภูมิประเทศสำคัญในพื้นที่ หรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติของหน่วยทหารเป็นลำดับต่อมา ส่วนกรณีเพจ Army Military Force ระบุ ล่าสุดกองทัพทราบเรื่อง พนักงานส่งพัสดุโพสต์คลิปรถถังบอกพิกัดฐานแนวหน้าให้เขมรทราบ แล้วนะครับ เตรียมจัดการ! ขอบคุณข้อมูลจาก FB: Army Military Force #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด#TruthFromThailand#รุกล้ำอธิปไตย#บ้านหนองจาน#บ้านหนองหญ้าแก้ว#อันธพาลชายแดน#กองทัพภาคที่2#รัฐบาลอนุทิน#พื้นที่อ้างสิทธิ#รุกล้ำอธิปไตยไทย#ปิดด่าน#กัมพูชาภัยคุกคาม#ปกป้องชายแดน
เพจ Army Military Force โพสต์ชี้แจงเรื่องนี้ หลังจากกรณีทหารกัมพูชาเผยแพร่คลิปวิดีโอเมื่อช่วงเช้าวานนี้ (วันที่ 25 กันยายน 2568)ว่า กำลังรื้อลวดหนามของไทยที่แนวรบ จ.สรินทร์ โดยกองทัพบกส่งกำลังพลเข้าตรวจสอบพื้นที่แล้วพบว่าเป็นเพียง “คอนเทนต์” เพราะแนวรั้วลวดหนามอยู่ในสภาพเดิม ไม่ถูกรื้อถอน โดยระบุรายละเอียดว่า กองทัพบกไทยได้ส่งเจ้าหน้าที่ทหารเข้าตรวจสอบพื้นที่ และพบข้อสรุปดังนี้ • คลิปดังกล่าวเป็นเพียง “คอนเทนต์” ที่ทหารกัมพูชาถ่ายทำไว้เป็นเวลานานแล้ว และเพิ่งนำมาเผยแพร่ในปัจจุบัน เพื่อสร้างกระแสหลอกชาวกัมพูชาด้วยกันเอง • จากการตรวจสอบในพื้นที่จริง ไม่พบทหารกัมพูชาอยู่ในบริเวณดังกล่าว • แนวรั้วลวดหนามยังคงอยู่สภาพเดิม และ ไม่ได้ถูกรื้อถอนแต่อย่างใด โดยสรุป คลิปดังกล่าวเป็นเหตุการณ์เก่าที่ถูกนำมาเผยแพร่เพื่อสร้างความเข้าใจผิด ไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใหม่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #TruthFromThailand #รุกล้ำอธิปไตย #บ้านหนองจาน #บ้านหนองหญ้าแก้ว #อันธพาลชายแดน #กองทัพภาคที่2 #รัฐบาลอนุทิน #พื้นที่อ้างสิทธิ #รุกล้ำอธิปไตยไทย #ปิดด่าน #กัมพูชาภัยคุกคาม #ปกป้องชายแดน
เป็นจดหมายเปิดผนึกที่ นายมานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT ส่งตรงถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นข้อเสนอเร่งด่วนเพื่อปราบปรามคอร์รัปชันและสร้างสังคมโปร่งใส โดยระบุคอร์รัปชันคือโรคร้ายที่กัดกร่อนประเทศ วันนี้ประเทศไทยยืนอยู่บน “จุดตัด” สำคัญ หากรัฐบาลจริงจังกับการปราบโกง ไม่ปล่อยให้โอกาสนี้สูญเปล่า ประวัติศาสตร์จะจารึกว่ารัฐบาลชุดนี้คือผู้วางรากฐานสังคมที่โปร่งใส ยุติธรรม และเป็น ผู้ปลดล็อคสังคมจากการโกง พร้อมกับชง 6 ข้อเรียกร้องเพื่อให้รัฐบาลพิจารณาบรรจุเป็นวาระเร่งด่วนคือ 1. ทำให้กฎหมายศักดิ์สิทธิ์ ดำเนินคดีกับผู้โกงทุกรายอย่างเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ 2. เปิดอำนาจตรวจสอบให้ประชาชน ให้สิทธิเข้าชื่อถอดถอนกรรมการองค์กรอิสระที่ประพฤติมิชอบ 3. ปราบโกงในวงการศาสนาและมูลนิธิ ลงโทษพระและองค์กรที่เป็นมารศาสนา ควบคุมการเงินของวัด และมูลนิธิให้โปร่งใส 4. ปฏิรูประบบราชการ ปลดล็อกจากการเมือง และแต่งตั้งด้วยหลักคุณธรรม ไม่ใช่ระบบพวกพ้อง 5. แก้ปัญหาความมั่นคงชายแดน สกัดวงจรผลประโยชน์ที่เชื่อมโยงกับการทุจริต 6. สะสางคดี สตง. ให้เป็น “กรณีตัวอย่าง” ที่สร้างบรรทัดฐานใหม่ว่าคดีโกงต้องถึงที่สุด ทั้งนี้องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) พร้อมยืนเคียงข้างรัฐบาลและประชาชน ในการสร้างระบบที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ ให้สังคมไทยก้าวพ้นวังวนคอร์รัปชัน และหวังว่าเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลจะประกาศเจตนารมณ์อย่างเป็นรูปธรรม โดยบรรจุประเด็นการต่อต้านคอร์รัปชันไว้ในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาที่จะถึงนี้ เพื่อยืนยันให้ประชาชนเห็นว่า รัฐบาลนี้คือผู้ปลดล็อคสังคมไทยจากการโกงอย่างแท้จริง #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #อนุทินชาญวีรกูล #ถวายสัตย์ #รัฐบาลอนุทิน #อนุทิน1 #โปรดเกล้าฯ #ประชุมครมนัดแรก #ยุบสภาใน4เดือน #แถลงนโยบายต่อรัฐสภา #กระดานการเมือง #ACT #องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน
เป็นรายงานสถานการณ์โดยรวม จากศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 พบฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงฯ อย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 24 กันยายน 68 ได้เพิ่มเติมอาวุธยิงสนับสนุนวิถีตรงเข้ามาในพื้นที่แนวชายแดน โดยนำรถถัง 1 คัน เข้าที่ตั้งยิงบริเวณพื้นที่ตรงข้ามช่องตาเฒ่า ทางขึ้นเขาพระวิหาร ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ห่างจากฝั่งไทยประมาณ 300 เมตร คาดเตรียมปฏิบัติการทางทหารต่อฝ่ายไทย จากนั้นที่บริเวณช่องกร่าง ตำบลตาเมียง อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ มีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ระยะประมาณ 150 เมตร ติดแนวลวดหนาม และตรวจพบแสงไฟประมาณ 5 ดวง ในระยะ 100 เมตร บริเวณแนวรั้วลวดหนาม และเสียงปืนเล็กยิงเข้ามาบริเวณวางกำลังของฝ่ายเรา อีก 3 นัด คาดว่าฝ่ายกัมพูชาพยายามเข้ามาเกาะแนวลวดหนามตรวจสอบแนวการวางกำลัง และยั่วยุฝ่ายทหารไทย นอกจากนี้ช่วงกลางดึกบริเวณพื้นที่จุดตรวจสามแยก ตำบลตาเมียง อำเภอพนนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น 1 ครั้งระยะประมาณ 150 เมตร ติดกับแนวรั้วลวดหนาม คาดว่าเป็นการใช้ระเบิดขว้างเข้ามาเพื่อตรวจสอบแนวการวางกำลัง และยั่วยุฝ่ายทหารไทย ทั้งนี้ฝ่ายทหารไทยไม่มีการตอบโต้ และสูญเสียแต่อย่างใด โดยยังคงยึดมั่นในหลักการ อดกลั้นและปฏิบัติด้วยความรอบคอบ เพื่อป้องกันมิให้สถานการณ์บานปลายไปสู่ความรุนแรง การกระทำของฝ่ายทหารกัมพูชา เป็นการใช้อาวุธเพื่อยั่วยุ และเพิ่มเติมกำลังอาวุธยุทโธปกรณ์ เป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงฯ อีกทั้งพยายามสร้างสถานการณ์ให้ฝ่ายไทยตอบโต้ด้วยอาวุธ เพื่อนำไปสู่การอพยพประชาชนกัมพูชาออกนอกพื้นที่ สร้างความชอบธรรมในการปฏิบัติการทางทหารต่อฝ่ายไทยอย่างเป็นระบบ และขั้นตอน เพื่อสร้างภาพในเวทีนานาชาติว่า ฝ่ายไทยเป็นฝ่ายริเริ่มและกัมพูชาเป็นผู้ถูกกระทำ เป็นสัญญาณบ่งชี้อย่างชัดเจนว่า ฝ่ายกัมพูชายังคงแสดงท่าทีไม่จริงใจต่อกระบวนการสันติภาพ และมีแนวโน้มที่จะผลักดันสถานการณ์ไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงยิ่งขึ้น ฝ่ายไทยยังคงยึดมั่นในแนวทางสันติ แต่ก็พร้อมปฏิบัติการเพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนไทยอย่างเต็มขีดความสามารถ #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด#TruthFromThailand#รุกล้ำอธิปไตย#บ้านหนองจาน#บ้านหนองหญ้าแก้ว#อันธพาลชายแดน#กองทัพภาคที่2#รัฐบาลอนุทิน#พื้นที่อ้างสิทธิ#รุกล้ำอธิปไตยไทย#ปิดด่าน#กัมพูชาภัยคุกคาม#ปกป้องชายแดน
เป็นตอนหนึ่งหลังร่วมประชุมกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ระบุรัฐบาลตั้งทีมทำงานเศรษฐกิจ ที่เป็นบุคลากรไม่ถูกครอบงำทางการเมือง ทุกคนสามารถใช้ความรู้ความสามารถตามภารกิจได้เต็มที่ ภายใต้กฎระเบียบข้อบังคับ และข้อกฎหมาย ใช้เวลาใช้ทุกอย่างเท่าที่มีอยู่ดำเนินการอย่างเต็มที่ เพื่อฟื้นฟูสร้างความเชื่อมั่นมั่งคั่งให้กับเศรษฐกิจ เมื่อถามว่า รัฐบาลมีระยะเวลาเพียงสั้นๆ จะเรียกความเชื่อมั่นได้อย่างไร นายอนุทิน บอกจะจับในสิ่งที่มีอยู่ สิ่งใดที่สามารถแก้กฎระเบียบ แก้กฎกระทรวงได้ จะดำเนินการตามกลไกที่มีอยู่ในกระทรวงหรือหน่วยงานต่างๆ ที่รัฐมนตรีกำกับดูแล เหมือนการทะลวงท่อให้ลื่นไหลไปได้ 4 เดือนนี้ก็น่าจะเพียงพอ ที่จะสร้างรากฐานที่ดีให้เกิดความต่อเนื่องในอนาคต พร้อมระบุนโยบายอะไรที่ดี ที่ค้างท่อจากรัฐบาลชุดที่แล้ว หรือนโยบายอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ พัฒนาคุณภาพชีวิต และสร้างความสงบให้สังคมได้ ก็นำมาสานต่อ เช่น นโยบายคนละครึ่ง ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่โจทย์แรกที่รัฐบาลต้องทำให้ได้ จึงเตรียมงบประมาณไว้แล้ว ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ว่าเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับบ้านเมืองจริงๆ ส่วนการตรวจสอบที่มาเงินสีเทานั้น นายกฯ บอกอะไรที่เกี่ยวกับทุนสีเทาก็จะให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ดำเนินการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการอย่างเด็ดขาด จึงบอกไปแล้วว่าวันนี้มานั่งกินกาแฟแล้ว ต้องทำสิ่งที่ทางตลาดทุนร้องขอมาให้สำเร็จ 3-4 เรื่อง ไม่ใช่มานั่งกินกาแฟฟรีๆ “ไม่ใช่เป็นรัฐมนตรีรอถึงวันยุบสภา มาเป็นนายกรัฐมนตรีเท่ๆ 4 เดือน บอกเลยว่า ไม่มีเท่ มีแต่เวลาในทุกๆ วันต้องทำงานอย่างเต็มที่” #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#อนุทินชาญวีรกูล#ถวายสัตย์#รัฐบาลอนุทิน#อนุทิน1#โปรดเกล้าฯ#ประชุมครมนัดแรก#ยุบสภาใน4เดือน#แถลงนโยบายต่อรัฐสภา#กระดานการเมือง #สภาธุรกิจตลาดทุนไทย #ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
เรื่องนี้ถูกเปิดเผยโดยนายคำนูณ สิทธิสมาน อดีต สว.ที่โพสต์ภาพ และข้อความที่ระบุว่า “ทำประชามติเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพิจารณาตัดสินใจให้ความเห็นต่อการยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MoU) ระหว่างไทย-กัมพูชา” นโยบายรัฐบาล หน้า 4 ข้อ 6 พร้อมกับโพสต์ภาพนโยบายหน้าดังกล่าว ซึ่งเป็นนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภา หน้าดังกล่าวระบุว่า ด้านความมั่นคง ข้อที่ 6 เร่งแก้ไขปัญหากรณีพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชาด้วยแนวทางสันติภาพ เพื่อนำความมั่นคงปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชนตามบริเวณแนวชายแดนโดยเร็ว และรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยและเขตแดนที่เป็นของไทยโดยชอบธรรมตามเส้นเขตแดนที่เป็นสากล รวมถึงดำเนินการยุติความขัดแย้งผ่านกลไกการเจรจาทางการทูตที่เหมาะสมควบคู่กับการป้องกันประเทศที่เข้มแข็ง ตลอดจนทำประชามติเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพิจารณาตัดสินใจให้ความเห็นต่อการยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MoU) ระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้การแถลงนโยบายต่อรัฐสภา นายกรัฐมนตรีส่งหนังสือถึงประธานรัฐสภาแจ้งว่ารัฐบาลพร้อมแถลงนโยบายต่อรัฐสภาตั้งแต่วันที่ 29 กันยายนนี้เป็นต้นไป #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#อนุทินชาญวีรกูล#ถวายสัตย์#รัฐบาลอนุทิน#อนุทิน1#โปรดเกล้าฯ#ประชุมครมนัดแรก#ยุบสภาใน4เดือน#แถลงนโยบายต่อรัฐสภา#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด#TruthFromThailand#รุกล้ำอธิปไตย#บ้านหนองจาน#บ้านหนองหญ้าแก้ว#อันธพาลชายแดน#กองทัพภาคที่2#รัฐบาลอนุทิน#พื้นที่อ้างสิทธิ#รุกล้ำอธิปไตยไทย#ปิดด่าน#กัมพูชาภัยคุกคาม#ปกป้องชายแดน