Author: Writer Publisher

เหตุเกิดเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ภายในสวนสัตว์เอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง โดยคลิปเหตุการณ์ของนักท่องเที่ยวพบสิงโต 4-5 ตัว กำลังรุมขย้ำผู้เคราะห์ร้าย ข้างรถยนต์คันหนึ่งที่คาดว่าเป็นของสวนสัตว์จอดประตูทิ้งไว้ ในคลิปผู้เห็นเหตุการณ์พยายามบีบแตรรถ เพื่อหวังส่งสัญญาณให้สิงโตหนีออกไป แต่สิงโตไม่สนใจและยังทำร้ายผู้เคราะห์ร้ายต่อไป ทั้งนี้จุดดังกล่าวเป็นบริเวณส่วนจัดแสดงสิงโต มีรั้วเปิดให้รถเข้าออกเปิดให้นักท่องเที่ยวขับรถเข้าไปด้านในได้ แต่มีป้ายกำชับชัดเจนว่า ห้ามเปิดกระจก และห้ามลงจากรถ และมีรถของเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ ดูแลความปลอดภัย และจัดแสดงให้อาหารสิงโตด้วย หลังเกิดเหตุตำรวจ สน.คันนายาว เจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุ ทั้งนี้ มีรายงานว่า ผู้เคราะห์ร้ายรายดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่ลงไปให้อาหาร และถูกสิงโตทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ถูกนำส่งตัวที่โรงพยาบาลในบริเวณใกล้เคียง ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #สิงโตขย้ำเจ้าหน้าที่ #สวนสัตว์

เป็นผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ที่ฝ่ายไทยมี พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และพลเอก เตีย เซรยฮา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เป็นประธานร่วม จัดขึ้นที่ศาลาว่าการจังหวัดเกาะกง ประเทศกัมพูชา หลังการประชุมเสร็จสิ้น ทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันลงนามในข้อตกลง เพื่อลดความตึงเครียดบริเวณชายแดน โดยมีข้อสรุปที่สำคัญ 5 ประเด็น ได้แก่ 1. ถอนอาวุธหนักและยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูง ออกจากพื้นที่ชายแดนกลับสู่ที่ตั้งปกติ 2. เก็บกู้ทุ่นระเบิด โดยตั้งคณะประสานงานร่วม มีฝ่ายเลขานุการ GBC และศูนย์ทุ่นระเบิดของไทยและกัมพูชา ภายใน 1 สัปดาห์ เพื่อทำแผนการเก็บกู้ทุ่นระเบิดและกำหนดพื้นที่นำร่องตามแนวชายแดน 3. ปราบปรามอาชญกรรมออนไลน์ หรือสแกมเมอร์ โดยมอบหมายให้ กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ของทั้งสองฝ่ายรับผิดชอบดำเนินการ 4. บริหารจัดการพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะกรณีบ้านหนองจาน มอบหมายให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ JBC หารือเพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับพื้นที่ และให้คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค หรือ RBC หารือแนวทางการบริหารจัดการ 5. เปิดด่านผ่อนปรน จุดผ่านแดนผ่อนปรนในบางพื้นที่ที่ไม่มีปัญหาด้านความมั่นคง เริ่มที่จังหวัดจันทบุรีและตราด เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบต่อภาคธุรกิจ และการขนส่งข้ามแดนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งที่ผ่านมา ทั้งนี้การประชุม GBC เป็นเวทีสำคัญในการหารือและแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดน เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและความมั่นคงระหว่างสองประเทศ และการประชุมสมัยพิเศษครั้งต่อไป จะมีขึ้นใน 30 วันโดยมีฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #WarCrimes #HumanRights #ฮุนเซนอาชญากรสงคราม #hunsenwarcriminal #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #TruthFromThailand #รุกล้ำอธิปไตย #ประชุมGBC #เก็บกู้ทุ่นระเบิด #ถอนอาวุธหนัก #บ้านหนองจาน #เปิดด่านชายแดน

นายสมชาย แสวงการ อดีต สว.โพสต์เรื่องนี้เพื่อเตือนนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โดยแนบบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 160 รวมถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญคดีของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งกรณีแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รวมถึงหลังสือเลขาธิการคณะรัฐมนตรีให้ตรวจสอบความละเอียดถูกต้องก่อนนำความขึ้นกราบบังคมทูล เพื่อป้องกันไม่ให้การทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อคณะรัฐมนตรีมีปัญหา หรือมีบุคคลที่ขาดคุณสมบัติมาเป็นรัฐมนตรี และทำให้ต้องพ้นจากตำแหน่ง ในโพสต์ อดีต สว.สมชายระบุว่า นายกฯ อนุทิน ต้องสั่งตรวจสอบว่าที่รัฐมนตรี ขาดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา160 (4 )(5) ยึดตามคำวินิจฉัยคดีเศรษฐา ประกอบหนังสือเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ให้ละเอียดถูกต้อง ก่อนนำความกราบบังคมทูล เพราะรัฐบาลเฉพาะกิจ มีภาระสำคัญเพื่อชาติ พร้อมติด #อย่าประมาท #ฝ่ายค้าน #ระมัดระวัง #ประวัติศาสตร์ซ้ํารอย #เตือนมาด้วยความหวังดี ขณะที่ว่าที่รัฐมนตรี ซึ่งติดโผ ครม.อนุทิน 1 แต่อาจเข้าข่ายขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้าม มีรายงานว่าหนึ่งในนั้นคือนายสันติ พร้อมพัฒน์ ทำให้มีกระแสข่าวว่าได้ส่งชื่อนายพัฒนา พร้อมพัฒน์ ลูกชายเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขแทน ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมของผู้ดำรงตำแหน่งนี้แทนที่ถูกจัดสรรเพราะเป็นโควตา #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #อนุทินชาญวีรกูล #จัดตั้งรัฐบาล #รัฐบาลอนุทิน #ภูมิใจไทย #พรรคภูมิใจไทย #พูดแล้วทำ #โปรดเกล้าฯแต่งตั้ง #ยุบสภาใน4เดือน #รมตขาดคุณสมบัติ

โดยกลุ่ม สว.สำรอง เตรียมยื่นหนังสือถึงนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะที่นำ สส.พรรคลงมติสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี และจัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย ซึ่งพวกเขาเห็นว่าอาจเข้าไปก้าวก่ายและแทรกแซงคดีฮั้ว สว. ในหนังสือที่ส่งถึงหัวหน้าพรรคประชาชน ระบุว่า จากคดีทุจริตการฮั้วเลือก สว. 2567 ซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. ขณะนี้สำนวนคดีเสนอสำนักเลขาธิการ กกต.ไปเมื่อวันที่ 27 ก.ค.2568 ดำเนินคดีผู้ถูกกล่าวหา จำนวน 229 ราย แบ่งเป็นสมาชิกวุฒิสภา 138 คน กรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย และเครือข่าย 91 ราย อยู่ระหว่างรอ กกต.ส่งศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง กลุ่ม สว.สำรองมีความห่วงกังวลใจว่ารัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหาจะเข้าไปก้าวก่าย หรือ แทรกแซง ในระหว่างรอ กกต.ส่งสำนวนคดีไปที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง หากมีการแทรกแซงคดี ฮั้ว สว.จะกระทบต่อหลักการความถูกต้อง โปร่งใส เที่ยงธรรม อันเป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย พร้อมเรียกร้องหัวหน้าพรรคประชาชนติดตามตรวจสอบนายอนุทิน ในฐานะนายกรัฐมนตรี ที่เป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง อาจใช้อำนาจก้าวก่ายและแทรกแซงคดีเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อตนเองและพวกพ้อง ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 76 วรรคสอง และขอให้ตรวจสอบผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้กำกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ไม่ให้แทรกแซงการทำงานของ DSI ด้วย เรื่องนี้นายแพทย์ เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว.สายอิสระ ก็ขอให้นายณัฐพงษ์ตรวจสอบเช่นกัน หลังมีกระแสข่าวว่ามีพลตำรวจโทท่านหนึ่ง ที่เกษียณราชการในตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เป็นคนบุรีรัมย์ รับราชการอยู่ในบุรีรัมย์และสุรินทร์ ถือเป็นบุรีรัมย์คอนเน็คชั่นว่า มีหลักประกันให้มั่นใจว่าจะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ที่ทรงความยุติธรรมให้กับประชาชน โดยเฉพาะคดีที่สำคัญคือคดีฮั้ว สว. #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #พรรคภูมิใจไทย #สวสำรอง #พรรคประชาชน #อนุทินชาญวีรกูล #กกต #รมวยุติธรรม #กระดานการเมือง #บุรีรัมย์คอนเนกชัน #องค์กรอิสระ #คดีฮั้วสว

เป็นการประชุม GBC ครั้งแรกหลังประเทศไทยกำลังเปลี่ยนรัฐบาล โดยมีพลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งถูกวางตัวยกระดับให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในรัฐบาลอนุทิน 1 และเปิดตัวกันไปเมื่อวานนี้ ได้นำคณะผู้แทนไทย เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชา หรือ GBC สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 โดยคณะผู้แทนประกอบด้วย พลเอก ธราพงษ์ มะละคำ รองปลัดกระทรวงกลาโหม, พลอากาศเอก นนทรี อินทรสาลี รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด, นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ด้านกิจการความมั่นคงภายใน, นายวรณัฐ คงเมือง รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ, พลเอก กันตพจน์ เศรษฐารัศมี ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกลาโหม, พลเอก ธงชัย รอดย้อย เสนาธิการทหารบก, พลเรือเอก ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ เสนาธิการทหารเรือ และพลอากาศเอก วชิระพล เมืองน้อย เสนาธิการทหารอากาศ ซึ่งจะเดินทางถึงศาลาว่าการจังหวัดเกาะกง และเริ่มประชุมในเวลา 10 นาฬิกา 45 นาที สาระสำคัญการประชุม GBC คือติดตามความคืบหน้าการจัดทำข้อตกลงหยุดยิง และผลลัพธ์จากการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค หรือ RBC สมัยวิสามัญ ,การหารือมาตรการลดความตึงเครียด ลดระดับการใช้กำลังทหาร และการยุติวาทกรรมยั่วยุ พร้อมฟื้นฟูความเชื่อมั่นระหว่างกัน ,ความร่วมมือในทางปฏิบัติ เช่น การเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม การแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ และการบริหารจัดการชายแดน รวมถึงกรอบภารกิจของการประชุม RBC และ GBC ครั้งถัดไป นับเป็นจังหวะสำคัญที่ทั้งสองประเทศ จะได้หาทางออกต่อปัญหาตามแนวชายแดนอย่างสันติ ยึดหลักอธิปไตย ความปลอดภัยของประชาชน และการอยู่ร่วมกันอย่างมั่นคงและยั่งยืน #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #WarCrimes #HumanRights #ฮุนเซนอาชญากรสงคราม #hunsenwarcriminal #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #TruthFromThailand #รุกล้ำอธิปไตย #ประชุมGBC

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ นักเคลื่อนไหว โพสต์ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร ถูกศาลฏีกาฯ ตัดสินให้กลับไปติดคุก 1 ปี โดยไม่ถือว่าการอยู่ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจเป็นระยะเวลาคุมขัง โดยระบุว่า เสรีภาพที่ยิ่งใหญ่ คนที่เคยติดคุกอย่างตน แม้ไม่เห็นด้วย แต่ย่อมต้องเชื่อฟัง เพราะเป็นศาลฎีกา ถึงแม้จะอยู่สุขสบายแค่ไหน คุกก็คือคุก จะได้กินหูฉลาม ได้นอนฟูก แต่มันก็คือคุกอยู่ดี หัวใจสำคัญที่สุดของการติดคุก คือ ”การจำกัดเสรีภาพ“ อันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ของมนุษย์ทุกคน นายชูวิทย์บอกด้วยว่า การที่นายทักษิณอยู่โรงพยาบาลตำรวจมา 6 เดือน จึงถือว่า ”ไร้อิสรภาพ“ เพราะไม่สามารถไปไหนได้ เมื่อศาลไม่นับให้ ก็กลายเป็นติดคุกฟรี อย่างตนถูกควบคุมตัวที่โรงพัก 3 วัน ราชทัณฑ์ยังนับเป็นวันคุมขัง นำไปตัดจำนวนวันต้องโทษลงได้ ความยุติธรรมที่ต้องวัดกันด้วย ”เสรีภาพ” คนไม่เคยติดอาจบอกว่า ไม่นาน แค่ 1 ปี แต่สำหรับคนที่ติดคุกมาก่อนจะรู้ว่า เวลา 1 วัน ในคุก มันยาวนานกว่านอกคุกมาก เพราะเสรีภาพเขานับกันเป็นรายชั่วโมง โดยเฉพาะคนอย่างอดีตนายกฯ ทักษิณ ที่ปัจจุบันอายุ 76 ปี “การกลับมาโดยเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว ยอมเดินไปศาล ต้องใส่ชุดนักโทษขึ้นรถย้ายเรือนจำ สำหรับบางคนอาจสะใจ แต่สำหรับผม ถือว่าต้องนับถือหัวใจ” นายชูวิทย์วิเคราะห์ต่อไปด้วยว่า ด้วยสถานการณ์ที่พลิกผัน นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้เป็นนายกฯ ขณะที่อดีตนายกฯ ทักษิณ ติดคุก จึงกลับคิดว่านี่เป็นการ “พลิกวิกฤตอย่างแท้จริง“ ของพรรคเพื่อไทย ภาวการณ์ที่แม้แต่พรรคส้มยังป้อแป้กับอุดมการณ์ที่กลับไปกลับมา กับการโหวตที่สุดประหลาด “เป็นฝ่ายค้านที่โหวตให้ไปเป็นรัฐบาลเพื่อยุบสภา“ และพรรคภูมิใจไทยที่ไม่มีอะไรจะขายในทางการเมือง “การติดคุกของทักษิณ อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการเมืองไทย คนไทยมีนิสัยอยู่อย่าง ไม่ชอบเห็นคนถูกรังแก” นายชูวิทย์กล่าวในช่วงท้าย #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #ชูวิทย์กมลวิศิษฏ์ #สั่งจำคุกทักษิณ #ทักษิณชินวัตร #พรรคเพื่อไทย #เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ #กระดานการเมือง #คุมขังนอกเรือนจำ #นายกคนแรกถูกจำคุก #แพทองธารชินวัตร

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต รมว.วัฒนธรรม และ สส.พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งต่อสู้กับระบอบทักษิณมาตลอด โพสต์ข้อความเรื่อง “อโหสิ” โดยบอกว่า ศาลฎีกามีคำสั่งให้นำตัวคุณทักษิณ ชินวัตร ไปจำคุก 1 ปี เนื่องจากถือว่า ยังไม่ได้มีการบังคับโทษจำคุกจริง ตนอโหสิให้คุณทักษิณไปแล้ว แม้ว่าตอนต่อสู้กันมา จะโดนแจ้งความและโดนฟ้องถึง 13 คดี แต่ถือว่า เราเห็นต่างกันในทางการเมือง นายนิพิฏฐ์บอกด้วยว่า ใครยังจะโกรธคุณทักษิณอยู่ ก็โกรธไป แต่ไม่น่าจะมีสิทธิอะไรมาต่อว่าตน เพราะตอนสู้ก็สู้จริงไม่น้อยกว่าใคร มิได้โกรธเกลียดเป็นการส่วนตัว ตรงข้ามเสียด้วยซ้ำ กลับเห็นใจคุณทักษิณ และครอบครัวท่านเสียอีก ที่คนในสถานะเช่นนี้ อายุขนาดนี้ ต้องมาติดคุก เพราะถ้าจะว่าไป นโยบายหลายเรื่องของคุณทักษิณก็มีประโยชน์กับบ้านเมืองมาจนทุกวันนี้ “การมีนโยบายให้ประชาชนแตกแยกกันเป็นฝักเป็นฝ่าย ชิงชังกัน ใช้คำหยาบต่อกัน บ่มเพาะความเกลียดชังให้เกิดขึ้นในหัวใจประชาชน มีแต่ทำให้บ้านเมืองแตกแยก สุดท้ายแล้วไม่มีประโยชน์ต่อตัวเองและประเทศชาติ นายนิพิฏฐ์ระบุด้วยว่า คนที่เคยเป็นนายกรัฐมนตรีถึง 2 สมัย,มีน้องเขยเป็นนายกรัฐมนตรี,มีน้องสาวเป็นนายกรัฐมนตรี และ มีลูกสาวเป็นนายกรัฐมนตรี ย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน “มีสิ่งเดียวเท่านั้นที่ท่านขาดไป ผมเคยพูดเรื่องนี้บ่อยมากในสภาผู้แทนราษฎร คือ ท่านขาด “กัลยาณมิตร” นายนิพิฏฐ์ระบุตอนท้าย ขณะที่ ช่อ พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “วางเรื่องการเมืองทั้งหมดไว้ชั่วคราว ภาพคุณปิฎก สามีคุณแพทองธาร ถือเสื้อสูทของคุณทักษิณกลับออกมาจากศาลฎีกา พร้อมกับสมาชิกครอบครัวชินวัตร ในขณะที่คุณทักษิณถูกนำตัวไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เป็นภาพที่น่าเศร้าใจอย่างยิ่ง ในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ในฐานะผู้ที่ต้องคดีความหลายคดีจากการทำงานการเมืองและถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต ขอส่งกำลังใจให้กับคุณแพทองธารและครอบครัว เชื่อว่าจากนี้ไปพรรคเพื่อไทยจะเดินหน้าทำงานฝ่ายค้านอย่างเข้มแข็ง เพื่อผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนชาวไทย ตามที่คุณแพทองธารได้ให้สัมภาษณ์ไว้ในวันนี้ #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #นิพิฏฐ์อินทรสมบัติ #สั่งจำคุกทักษิณ #ทักษิณชินวัตร #ช่อพรรณิการ์ #เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ #กระดานการเมือง #คุมขังนอกเรือนจำ #นายกคนแรกถูกจำคุก #ครอบครัวชินวัตร

พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล ไปยื่นคำร้องขอคัดค้านการทำหน้าที่ของตุลาการศาลปกครองสูงสุด และขอให้ปฏิบัติตามจริยธรรมตุลาการศาลปกครองสูงสุด ข้อ 6 ในคดีที่พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งให้พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน ต่อประธานศาลปกครองสูงสุด ที่ศาลปกครองสูงสุด โดยในคำร้องระบุว่าตุลาการศาลปกครองสูงสุดท่านหนึ่ง มีส่วนสำคัญในการพิจารณาสำนวนคดี แต่กลับพบว่าได้เรียนหลักสูตรนิติธรรมเพื่อประชาธิปไตย หรือ นปธ. ของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นหลักสูตรเดียวกับที่พลตำรวจเอกกิตติรัฐ เรียนอยู่ด้วย และเกือบหนึ่งปีมีกิจกรรมที่ต้องทำร่วมกันทั้งในช่วงเวลาเรียน และออกไปศึกษาดูงาน รวมทั้งการพบปะสังสรรค์ จึงเกิดความสนิทสนมในฐานะเพื่อน พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ บอกความเป็นเพื่อนของตุลาการศาลปกครองสูงสุดท่านนี้ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้ถูกร้องอาจทำให้การทำหน้าที่ไม่เกิดความเป็นกลาง และขาดความสุจริตในการพิจารณาสำนวน และเกิดความเสียหายต่อตนเอง ซึ่งเป็นผู้ร้อง อีกทั้งยังทราบดีว่ามีความสนิทสนมกับพลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ แต่กลับเพิกเฉย ไม่ถอนตัวในคดีนี้ ดังนั้นจึงขอคัดค้านการปฎิบัติหน้าที่ของตุลาการศาลปกครองสูงสุดท่านนี้ และขอให้มีการสอบจริยธรรม และวินัย เขาอ้างว่าการไม่ขอถอนตัวจากคดี ถือว่าไม่ปฏิบัติตามจริยธรรมของศาลปกครอง ข้อ 6 ซึ่งระบุชัดว่า ตุลาการศาลปกครอง พึงถอนตัวจากการพิจารณาและพิพากษาคดีเมื่อมีเหตุที่ตนอาจถูกคัดค้าน หรือเมื่อมีเหตุประการอื่นที่เกี่ยวกับตัวตุลาการศาลปกครอง อันอาจทำให้คดีนั้น เสียความยุติธรรรม และจักต้องไม่กระทำการใด ๆ ในประการที่อาจทำให้เสียความยุติธรรมได้ และยังเป็นการทำผิดวินัย แห่งการเป็นข้าราชการตุลาการศาลปกครอง ข้อ 5 ด้วย #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #บิ๊กโจ๊ก #กิตติ์รัฐพันธุ์เพ็ชร์ #สุรเชษฐ์หักพาล #ร้องศาลปกครองสูงสุด #ตุลาการศาลปกครองสูงสุด

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยอมรับว่ากระแสตอบรับที่ดี ที่รัฐบาลใหม่จะดำเนินการโครงการคนละครึ่ง ทั้งนี้ฟังเสียงประชาชน ไม่ใช่พรรคการเมืองที่กลัวว่าจะก๊อบปี้พรรคไหน แต่ถ้าทำเพื่อประชาชน ประชาชนได้ประโยชน์จะไปก๊อบปี้ใครเราก็จะทำ ไม่ว่าจะเป็นโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค จากรัฐบาลทักษิณ โครงการคนละครึ่งมาจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ นายอนุทินเปิดเผยด้วยว่าจากที่ได้คุยกับนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หากไม่กระทบวินัยการเงินหรืองบประมาณ และช่วยเหลือประชาชนได้ จะออกไปในรูป 60 : 40 เพื่อจูงใจกลุ่มคนที่เสียภาษี ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ แต่ประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้เสียภาษี 50 : 50 เป็นไอเดียที่นายเอกนิติเสนอ พร้อมกับแจ้งมาว่างบประมาณมีดำเนินการด้วย “ผมเห็นด้วย และสั่งให้พิจารณาเพิ่มเติม แต่ต้องไม่ผิดรัฐธรรมนูญ กฎหมาย งบประมาณ และไม่เสียวินัยการเงินการคลัง” ด้านนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ถูกวางตัวเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรค บอกหลังหารือร่วมกับภาคเอกชน เช่น สมาคมภัตตาคารไทย ,LINE Man ,Grab และวงใน เกี่ยวกับโครงการ “คนละครึ่ง” ว่านอกจากเพิ่มสิทธิประโยชน์สำหรับผู้อยู่ในระบบที่เข้าร่วมโครงการแล้ว จะไม่มีการเก็บภาษีย้อนหลัง พร้อมกับมีข่าวดีจากทางสมาคม รวมถึงแพลตฟอร์มด้วยว่า ในช่วงโครงการคนละครึ่งจะมีส่วนลดพิเศษ เช่น ค่าบริการระบบที่ร้านอาหารจ่ายให้กับแพลตฟอร์ม Delivery หรือค่า GP เป็นต้น ทั้งนี้เป้าหมายเริ่มต้นโครงการให้เร็วที่สุด จึงต้องเตรียมการไว้ก่อนการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ส่วนเรื่องการเข้าร่วมโครงการ ปลัดกระทรวงการคลังระบุชัดเจนว่า หากเป็นผู้ที่อยู่ในฐานในระบบอยู่แล้วไม่ต้องทำอะไรเพิ่ม ถึงเวลาใช้ได้เลย ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้อยู่ในระบบอาจจะต้องมีการลงทะเบียนใหม่ #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#อนุทินชาญวีรกูล#จัดตั้งรัฐบาล#สิริพงศ์#ภูมิใจไทย#พรรคภูมิใจไทย#พูดแล้วทำ#คนละครึ่ง#กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น#ขับเคลื่อนทันทีหลังแถลงนโยบาย

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งให้บังคับโทษจำคุก 1 ปีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยสีหน้าเศร้า เสียงสะอึก ระบุสั้นๆ ว่า “ผมก็เสียใจ ผมก็เห็นใจท่าน” คนระดับท่าน คนระดับนี้ที่บริหารประเทศมา ตนก็ไม่อยากให้ท่านมาเจอสภาพเช่นนี้ ทั้งนี้นายอนุทินเคยเป็น สส. เป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ในรัฐบาลนายทักษิณ สำหรับขั้นตอนปฏิบัติหลังนายทักษิณเข้าเรือนจำ ทันทีที่มีคำสั่งบังคับโทษจำคุก 1 ปี นายทักษิณได้ถอดสูท และเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ นำตัวนายทักษิณไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อรับโทษตามคำสั่งศาลฎีกาฯ โดยนายทักษิณนั่งรถตู้เรือนจำที่ใช้ควบคุมผู้ต้องขัง วิ่งเข้าไปภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทั้งนี้การดูแลผู้ต้องโทษจะเป็นไปตามหลักปฏิบัติทั่วไป เริ่มจากตรวจสภาพร่างกาย ตรวจสอบอาการ สอบถามโรคประจำตัว และกักตัวป้องกันโควิด-19 เป็นเวลา 5 วัน จากนั้นจึงจะแยกตัวเข้าสู่พื้นที่ชั้นในต่อไป โดยยืนยันไม่มีห้อง VVIP แต่อย่างใด และวันนี้เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แจ้งงดเยี่ยม เพราะอยู่ระหว่างการปรับปรุงพื้นที่บริการ เพื่อยกระดับความสะดวกในการให้บริการแก่ประชาชน #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #อนุทิน #สั่งจำคุกทักษิณ #ทักษิณชินวัตร #ชั้น14 #เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ #กระดานการเมือง #คุมขังนอกเรือนจำ #นายกคนแรกถูกจำคุก