- Original
- Urban Culture
- Writer
- About us
- คุยกับสส
- The Persona
- Brief
- Thai Treasure
- Urban life
- On this day
- News
- Home
- Editir pick
- Good
- Persona
- Persona
- Urban
- Business
- Politics
- Playlist
- Home
- People Voice
- Culture
- นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
- Urban Wealth
- Law
- Update
- I’m Youth Ranger
- Urban History
- Issues
- Check
Subscribe to Updates
Get the latest creative news from FooBar about art, design and business.
Author: Writer Publisher
หลังราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระบรมราชโองการประกาศแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีแล้ว ในเวลา 11.33 น.ว่าที่ร้อยตำรวจตรีอาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร อัญเชิญพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึงที่ทำการพรรคภูมิใจไทย พร้อมอ่านพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี คนที่ 32 ก่อนที่นายอนุทินจะทำพิธีรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ภายหลังรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน กล่าวว่า นับเป็นศุภสิริมงคลและเกียรติยศอันไพบูลย์แก่ข้าพระพุทธเจ้าและครอบครัวอย่างหาที่สุดมิได้ พระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมนี้จะเป็นที่สำนึกและเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมของข้าพระพุทธเจ้าและครอบครัวตลอดไป “ข้าพระพุทธเจ้าขอถวายสัตย์ว่า จะมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างเต็มกำลังความสามารถด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและมีคุณธรรม ให้สมกับที่ทรงไว้วางพระราชหฤทัยเพื่อความผาสุกของประชาชนชาวไทย และความวัฒนาสถาพรของประเทศชาติ ตามพระราชปณิธานและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ” สำหรับบรรยากาศที่พรรคภูมิใจไทย มีครอบครัวของนายอนุทิน และ สส. สมาชิกพรรค รวมถึงพรรคที่จะเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล เข้าร่วมในพิธีรับสนองพระบรมราชโองการฯ ในครั้งนี้ด้วย ท่ามกลางบรรยากาศที่ชื่นมื่น และหลังจากนี้จะเป็นขั้นตอนการตั้งคณะรัฐมนตรี หรือ ครม.อนุทิน 1 ต่อไป นายอนุทิน เกิดวันที่ 13 กันยายน 2509 เป็นบุตรชายคนโตของนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล ผู้ก่อตั้งบริษัทซิโน–ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จํากัด สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมฯ จากโรงเรียนอัสสัมชัญ กรุงเทพฯ ก่อนไปศึกษาต่อที่วูสเตอร์อะแคเดมี สหรัฐอเมริกา และจบระดับอุดมศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮอฟสตรา สหรัฐอเมริกา นายอนุทินเป็นแคนดิเดตลำดับที่ 1 ของพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งปี 2566 และเข้าร่วมรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ โดยมีตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก่อนพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล กระทั่งนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ พรรคประชาชน ที่เป็นฝ่ายค้านและมีเสียงเป็นอันดับ 1 รวม 143 เสียง ได้มีมติสนับสนุนนายอนุทิน เป็นนายกฯ คนที่ 32 ภายใต้เงื่อนไขต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน ก่อนที่ประชุมสภาผู้แทนราษำรลงมติเลือกนายอนุทิน 311 เสียง เมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#อนุทินชาญวีรกูล#จัดตั้งรัฐบาล#รัฐบาลอนุทิน #ภูมิใจไทย#พรรคภูมิใจไทย#พูดแล้วทำ #โปรดเกล้าฯแต่งตั้ง
สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ หรือ NARIT ชวนประชาชนชมปรากฎการณ์ทางดาราศาสตร์เกิดขึ้นในรอบ 3 ปีโดยระบุคืนนี้ อย่าลืมแหงนหน้ามองฟ้า! ชม #จันทรุปราคาเต็มดวง เหนือฟ้าเมืองไทย สังเกตได้ด้วยตาเปล่าทั่วประเทศ (คืนวันอาทิตย์ที่ 7 ก.ย. ถึง เช้ามืดวันจันทร์ที่ 8 ก.ย. 68) #จันทรุปราคาเต็มดวงเหนือฟ้าเมืองไทยครั้งนี้ เกิดขึ้นครั้งแรกในรอบ 3 ปี เริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 22:29-03:55 น. (ตามเวลาประเทศไทย ณ กรุงเทพมหานคร) #คราสเต็มดวง 00:31-01:53 น. ช่วงนี้ #ดวงจันทร์เต็มดวงจะปรากฏเป็นสีแดงอิฐ นานกว่า 1 ชั่วโมง 22 นาที พร้อมกับ #ลำดับการเกิดปรากฏการณ์ ที่เริ่มเกิดปรากฎการณ์จันทรุปราคาเงามัว หรือ Penumbral Eclipse begins ในเวลา 22:29 น. เมื่อดวงจันทร์เข้าสู่เงามัวของโลก ความสว่างลดลงเล็กน้อย ก่อนจะ #เริ่มเกิดปรากฏการณ์จันทรุปราคาบางส่วน (Partial Eclipse begins) ดวงจันทร์เข้าสู่เงามืดของโลก มีลักษณะเว้าแหว่ง หลังเที่ยงคืนเล็กน้อยจะเกิด ปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง (Total Eclipse begins) ดวงจันทร์เริ่มถูกบดบังจากเงามืดของโลกทั้งดวง จึงเริ่มปรากฏเป็นสีแดงอิฐ จากนั้นช่วง 01:12 น. จะเป็นปรากฎการณ์ #กึ่งกลางคราส (Maximum Eclipse) ดวงจันทร์จะอยู่ใจกลางเงาของโลกพอดี ดวงจันทร์โคจรมาอยู่ในแนวระนาบเดียวกัน โดยมีโลกอยู่ตรงกลางระหว่างดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ แสงอาทิตย์จะถูกบังทั้งหมด ดวงจันทร์ปรากฏเป็นสีแดงอิฐทั้งดวง และ#สิ้นสุดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวง (Total Eclipse ends) ดวงจันทร์เริ่มเคลื่อนออกจากเงามืดของโลก กลับคืนสู่ปกติ สิ้นสุดปรากฏการณ์จันทรุปราคาเต็มดวงในครั้งนี้โดยสมบูรณ์ในเวลา 03:55 น. ทั้งนี้ NARIT ถ่ายทอดสดปรากฏการณ์ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ และช่องยูทูบ NARIT Thailand NARIT Thailandyoutube.com/@NARIT_Thailand รับชมได้ตลอดทั้งปรากฏการณ์ ตั้งแต่เวลาประมาณ 22:29 น.…
เกมเดิมพันที่ต้องวัดใจรัฐบาลใหม่ เป็นประเด็นร้อนแรงในทางการเมืองและเศรษฐกิจ จนชาวบ้านร้านตลาดพูดกันให้เซ็งแซ่ เมื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าที่นายกฯ ส่งสัญญาณฟื้นคืนชีพโครงการ “คนละครึ่ง” ที่เคยเป็นมาตรการฮิตในอดีต ด้วยเหตุผลว่าเป็น “Quick Win” ช่วยปลุกเศรษฐกิจให้ตื่นจากภาวะซบเซาได้ทันทีทันใด แต่ภายใต้ความหวือหวาของการประกาศนี้ มีทั้งโอกาสและความเสี่ยงที่รัฐบาลใหม่ต้องเผชิญ จงใจปัง หรือแค่ย้อนรอยความสำเร็จ? การตัดสินใจขุดฟื้นนโยบายเก่าที่ประสบความสำเร็จแบบนี้ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ เพราะ “คนละครึ่ง” คือสูตรสำเร็จที่พิสูจน์แล้วว่า “โดนใจประชาชน” และกระตุ้นการบริโภคได้จริง ต่างจากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลเพื่อไทยที่ไปไม่ถึงไหน สุดท้ายก็คว่ำไม่เป็นท่า การที่รัฐบาลใหม่หยิบยกมาใช้ก็เหมือนกับการหยิบไพ่เด็ดในมือ หวังเรียกคะแนนนิยมและสร้างผลงานได้เร็วที่สุด โดยเฉพาะในช่วงเวลาจำกัด 4 เดือนแรกของการทำงาน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าอานิสงค์นี้จะส่งผลไปถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไป แต่คำถามคือ…นี่คือการ “ต่อยอด” หรือแค่ “ย่ำอยู่กับที่”? รัฐบาลเคลมว่าจะปรับปรุงให้ดีกว่าเดิม แต่จะดีกว่าเดิมแค่ไหน? หรือเป็นเพียงการนำสูตรเดิมมาขายซ้ำในชื่อเดิม? เหรียญสองด้าน ด้านที่ 1: แสงสว่างปลายอุโมงค์ โครงการคนละครึ่งมีพลังมหาศาลในการช่วยพยุงร้านค้ารายย่อยและคนหาเช้ากินค่ำให้รอดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจได้จริง เมื่อประชาชนมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ร้านค้าก็มีรายได้ เงินก็หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ นี่คือจุดแข็งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ด้านที่ 2: ระเบิดเวลาทางการคลัง เบื้องหลังความสำเร็จคือ “ค่าใช้จ่ายมหาศาล” ที่รัฐต้องจ่าย การอัดฉีดเงินจำนวนมากเข้าสู่ระบบในคราวเดียว อาจทำให้รัฐบาลต้องแบกรับหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นเหมือนระเบิดเวลาที่อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินของประเทศในระยะยาว และที่น่ากลัวไม่แพ้กันคือ “ภาวะเงินเฟ้อ” เมื่อทุกคนมีเงินใช้จ่ายมากขึ้น อาจทำให้ราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้นตามไปด้วย รวมถึงประชาชนเสพติดกับนโยบายลด แลก แจก แถม ที่ต่อไปต้องมีนโยบายแบบนี้ และเป็นภาระงบประมาณแผ่นดินไม่มีวันจบสิ้น สุดท้ายกลายเป็นดาบสองคมที่ย้อนกลับมาทำร้ายประชาชนเอง เดิมพันครั้งใหม่ หรือแค่การตลาดเรียกกระแส? การกลับมาของ “คนละครึ่ง” จึงไม่ใช่แค่เรื่องของเศรษฐกิจ แต่เป็นเรื่องของการเมืองที่ต้องวัดใจกันว่า รัฐบาลใหม่จะสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ จะสามารถทำให้โครงการนี้สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจเฉพาะหน้าได้จริง และมี “นโยบายที่แก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน” มารองรับ ไม่เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวที่แก้ปัญหาได้แค่ปลายเหตุ หรือหวังปูกระแสความนิยมไปสู่การเลือกตั้ง แต่ทิ้งภาระหนี้ก้อนโตไว้ให้ลูกหลานในอนาคต? คำตอบคงต้องรอให้โครงการเริ่มต้นขึ้น และดูว่ารัฐบาลจะสามารถแก้โจทย์ที่เคยเป็นปัญหาในอดีตได้สำเร็จหรือไม่ #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#อนุทินชาญวีรกูล#จัดตั้งรัฐบาล#สิริพงศ์#ภูมิใจไทย#พรรคภูมิใจไทย#พูดแล้วทำ#คนละครึ่ง#กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น#ขับเคลื่อนทันทีหลังแถลงนโยบาย
วันนี้ฝ่ายกฎหมายของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) หรือเจ้าหน้าที่สำนักงานอาณาบาล เดินทางไปที่กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ตามนัดหมายเพื่อขอให้ดำเนินการทางกฎหมายกับกลุ่มบุคคล รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง ที่ได้บุกรุก ยึดถือ ครอบครองที่ดินบริเวณเขากระโดง ในตำบลอิสาณ และตำบลเสม็ด อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ทั้งหมด 4,414 ไร่ ในฐานะหน่วยงานผู้เสียหาย โดยเจ้าหน้าที่อาณาบาลบอกว่าได้ให้ถ้อยคำในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการรถไฟฯ ที่ยืนยันในกรรมสิทธิ์ที่ดินตามคำพิพากษาศาลฎีกา และคำพิพากษาศาลปกครอง ทั้งนี้พนักงานสอบสวนดีเอสไอจะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อจากนี้ เพื่อดูความเชื่อมโยง เกี่ยวข้องของเจ้าหน้าที่การรถไฟฯ กับกลุ่มบุคคลที่ร่วมกันครอบครองยึดถือที่ดิน ซึ่งทั้งหมดอยู่ในสำนวนการสอบสวน เจ้าหน้าที่ รฟท.ยืนยันทางการรถไฟฯ ไม่ได้เพิ่งร้องทุกข์กล่าวโทษคดีนี้ แต่ดำเนินการมาตลอด รวมถึงการขับไล่ออกจากพื้นที่ด้วย เพียงแต่ไม่ได้เป็นข่าวเท่านั้น อย่างไรก็ตามพวกเขาปฏิเสธให้ความเห็นเกี่ยวกับการออกโฉนดโดยชอบ หรือเกี่ยวกับคนตระกูลดัง และอื่นๆ โดยบอกข้อมูลทั้งหมดอยู่ในสำนวนการสอบสวน ทั้งนี้อธิบดี DSI มอบหมายให้ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้อำนวยการกองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งเเวดล้อม สืบสวนการครอบครองและการออกเอกสารสิทธิในที่ดินบริเวณเขากระโดง และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ กระทั่ง รฟท.มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ และดำเนินคดีอาญากับกลุ่มบุคคล ที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ รฟท.เข้ายึดถือครองที่ดินของการรถไฟฯ ดังกล่าว #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #เขากระโดง #ที่ดินเขากระโดง #อนุทินชาญวีรกูล #DSI #รฟท
หลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ลงมติเลื่อนญัตติการพิจารณาเลือกนายกรัฐมนตรีขึ้นมาแล้ว ก็เป็นการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี โดยพรรคภูมิใจไทยเสนอชื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล และพรรคเพื่อไทยเสนอนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นนายกรัฐมนตรี จากนั้นได้ให้ สส.อภิปรายสนับสนุน และคัดค้านผู้ได้รับการเสนอชื่อ ซึ่งเกิดการประท้วงกันไปมาหลายครั้งเมื่ออภิปรายกล่าวหาพาดพิงผู้ได้รับการเสนอชื่อ โดยเฉพาะข้อสงสัยว่ามีเรื่องผลประโยชน์เกี่ยวข้องหรือไม่ และยังท้าผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ สาบานที่วัดพระแก้ว ขณะที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านฯ บอกนี่เป็นครั้งที่ 4 ในการโหวตเลือกนายกฯ ต้นเหตุคือรัฐธรรมนูญปี 60 ที่ทำให้เกิดความไม่ชัดเจนว่าประเทศนี้อยู่ในระบอบประชาธิปไตยหรือไม่ ดังนั้นการเลือกนายอนุทินเพื่อมายุบสภา เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการเปิดประตูแก้ไขรัฐธรรมนูญ พร้อมชวนพรรคเพื่อไทยร่วม เป็นฝ่ายค้านเข้มแข็งควบคุมรัฐบาลทำงาน 4-6 เดือน และนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้านนายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.พรรคเพื่อไทย ไม่เชื่อว่ายุทธศาสตร์ของพรรคประชาชนจะควบคุมรัฐบาล และแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ เพราะต่อจากนี้บารมีหัวหน้ารัฐบาล แผ่กระจายทำให้ สว.ให้ฟื้นคืนชีพ มีอำนาจล้นฟ้า ดังนั้นนอกจากจะไม่สามารถเริ่มกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว ยังแก้ไขไม่ได้อีกนาน จากนั้นเป็นการลงมติเห็นชอบบุคคลที่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งตามข้อบังคับจะให้ สส.แต่ละคนขานชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อนายอนุทิน หรือนายชัยเกษม โดยผู้ที่ได้รับเลือกต้องได้รับเสียงสนับสนุนเกิน 247 เสียงจากจำนวน 294 เสียงในสภาฯ ซึ่งคาดว่านายอนุทินจะได้รับคะแนนเสียงข้างมาก ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยเข้าชื่อยื่นประธานสภาฯ เพื่อขอให้ยื่นเรื่องศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ถูกต้องชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยหยิบประเด็นข้อตกลงร่วมกันของพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทยว่าเป็นการกระทำผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองหรือไม่ #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #พรรคภูมิใจไทย #รัฐบาลเสียงข้างน้อย #พรรคประชาชน #พรรคเพื่อไทย #อนุทินชาญวีรกูล #ประชุมสภาเลือกนายกฯ #ศาลรัฐธรรมนูญ #กระดานการเมือง #ณัฐพงษ์เรืองปัญญาวุฒิ #ยุบสภา #ชัยเกษมนิติสิริ
“ที่บอกว่าข้อตกลง 5 ข้อเป็นการเซาะกร่อน บ่อนทำลายประชาธิปไตย… ทำไมก่อนหน้านี้คุณถึงยอมรับทุก ข้อเสนอ ถึงกับลดแลกแจกแถม บอกยุบสภาได้เลย สรุปตอนนั้น ทำได้หรือไม่ เรื่องนี้ประชาชน รู้ว่าเป็นเหตุเป็นผล? มีวัตถุประสงค์อย่างไร” ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านฯ ลุกขึ้นอภิปรายตอบโต้ พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมรัฐบาลเดิม หลังถูกพาดพิงข้อเสนอ 5 ข้อที่พรรคประชาชนลงนามกับพรรคภูมิใจไทยสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเป็นนายกรัฐมนตรีว่าเป็นการเซาะกร่อน บ่อนทำลายประชาธิปไตย โดยยืนยันไม่ผิดกฎหมาย ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ หรือเซาะกร่อนบ่อนทำลายประชาธิปไตย เพราะพรรคเพื่อไทยก็เสนอรับทุกเงื่อนไข พร้อมกับเสนอเพิ่มด้วยว่าจะยุบสภาทันที เพื่อเกทับข้อเสนอที่ยุบสภาใน 4 เดือน #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#พรรคภูมิใจไทย#รัฐบาลเสียงข้างน้อย#พรรคประชาชน#พรรคเพื่อไทย#อนุทินชาญวีรกูล#ประชุมสภาเลือกนายกฯ#นายกฯคนที่32#กระดานการเมือง#ณัฐพงษ์เรืองปัญญาวุฒิ#ยุบสภา#ชัยเกษมนิติสิริ
นายสมชาย แสวงการ อดีต สว.โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อ้างบินไปพบแพทย์ที่สิงคโปร์ แต่สนามบินปิดจึงไปหาแพทย์ที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์แทน โดยระบุ ใครเชื่อ? ผมไม่เชื่อ พร้อมกับ 5 เหตุผลที่ไม่เชื่อข้ออ้าง หรือเหตุผลของนายทักษิณ โดยนายสมชายระบุ 1) ทำไมนายทักษิณต้องอ้างจะบินไปตรวจโรคที่สิงคโปร์ ทั้งที่ไทยมีแพทย์เก่งๆมากมาย ทั้งที่เคยให้อดีตแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผ่าตัดแก้นิ้วล้อคและผ่าตัดไหล่ให้จนหายดี ส่วนอาการป่วยอื่นแพทย์ให้การในศาล ว่า บางโรคหายดีแล้ว บางโรคแค่กินยารักษาตามอาการ บางโรคคนไข้ปฏิเสธการรักษา ฯลฯ จึงต้องสงสัยว่า เหตุใดนายทักษิณไม่ให้แพทย์โรงพยาบาลพระรามเก้า ที่ครอบครัวเป็นหุ้นส่วนเจ้าของ หรือให้แพทย์โรงพยาบาลตำรวจที่เคยตรวจรักษา ทั้งที่ทำได้ง่ายกว่ามาก 2) ข้ออ้างว่า สนามบินสิงคโปร์ปิดเวลา 4 ทุ่ม ลงจอดไม่ได้ ฟังไม่ขึ้นเพราะสนามบินสิงคโปร์เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง ก่อนขึ้นบินนักบินต้องแจ้งและรู้ว่าสนามบินพร้อมเปิดให้เครื่องลงจอดหรือไม่ ถ้าปิดต้องปรับแผนสนามบินสำรองก่อนขึ้นบิน 3) การเปลี่ยนเส้นทางบินไป ดูไบ สหรัฐอาหรับอามิเรต ซึ่งต้องบินไกลถึง 4,910 กม. บินเพิ่มขึ้นอีก 3-4 เท่า โดยบินอ้อมมาเลเซียก่อนบินวกกลับขึ้นไปทางอินเดีย เป็นการบินเพิ่มขึ้นอีกกว่าพันกิโลเมตร เป็นตรรกะประหลาด ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน 4) การมีคณะผู้ร่วมเดินทางประกอบด้วย บอดี้การ์ด เลขาและแม่บ้านแม่ครัว น่าจะมีเหตุผลอื่นอยู่ยาวมากกว่า การไปแค่พบแพทย์ระยะสั้น 5) วันที่ 9 กันยายน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง จะนั่พิพากษาว่า นายทักษิณ ที่ได้รับหมายขังหลังคดีมีคำพิพากษาเสร็จสิ้นแล้วรวม 8 ปี และได้ขอรับพระราชทานอภัยลดโทษเหลือ 1 ปี แต่ไปอยู่ที่ห้องพัก vvip โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 ตลอด 180 วัน ไม่ได้กลับเข้าเรือนจำเลยแม้แต่วันเดียว จนได้รับการพักโทษนั้น ได้รับการบังคับโทษแล้วจริงหรือไม่ “หากศาลมีคำพิพากษาให้บังคับโทษ ต้องกลับไปรับโทษในเรือนจำอีก นายทักษิณกล้าจะกลับไทยมาฟังคำพิพากษา ในวันที่8กย จริงหรือ สังคมไทยคงได้รู้กันครับว่า ใครโกหก” #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#ทักษิณชินวัตร#ศาลฏีกา#คดีชั้น14#พรรคเพื่อไทย#บินดูไบ#ประชุมสภาเลือกนายกฯ#นายกฯคนที่32#กระดานการเมือง#สมชายแสวงการ
การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ยังคงเถียงกันวุ่นหนัก หลังมีการเสนอเลื่อนญัตติการเลือกนายกรัฐมนตรีขึ้นมาพิจารณาก่อน แต่ สส.พรรคร่วมรัฐบาลเดิมไม่เห็นด้วย อ้างว่าจำเป็นต้องตรวจสอบข้อกฎหมายและรัฐธรรมนูญก่อน เพราะมีการทำข้อตกลง 5 ข้อ ระหว่างพรรคภูมิใจไทย กับพรรคประชาชนที่เป็นฝ่ายค้าน ที่ไม่เคยมีมาในประวัติศาสตร์การเมืองไทยว่า มีโหวตสนับสนุนรัฐบาล แต่ไม่ขอเป็นรัฐบาล เช่นนี้ ขณะที่ สส.อีกปีกยืนยันการลงนามข้อตกลงไม่ได้ทำผิด เพราะมองว่าการเมืองเกิดวิกฤตต้องสรรหานายกฯ ขึ้นมาผ่าทางตัน โดยพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง จากพรรคประชาชาติ 1 ในพรรคร่วมรัฐบาลเดิมเห็นว่ายังไม่ควรเลือกนายกฯ ในขณะนี้ เพราะข้อตกลงดังกล่าวถือเป็นการเซาะกร่อน บ่อนทำลายประชาธิปไตย โดยเฉพาะข้อ 4 คือยุบสภาใน 4 เดือน เป็นการครอบงำ หรือแลกผลประโยชน์ระหว่างพรรคหนึ่งได้เป็นรัฐบาล พรรคหนึ่งได้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งควรยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยก่อน เพราะมีความผิดถึงขั้นยุบพรรค เป็นการเริ่มต้นที่ผิดรัฐธรรมนูญ และทำผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง “เป็นการทำลายประชาธิปไตยอย่างรุนแรง จากพรรคที่ประกาศตัวเองว่าเป็นประชาธิปไตย” เรื่องนี้ทำให้นายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคประชาชนลุกขึ้นชี้แจง โดยระบุการลงนามข้อตกลงไม่ได้เป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญ หรือผิดหลักประชาธิปไตย ไม่มีข้อไหนห้ามฝ่ายค้านยกมือสนับสนุนรัฐบาล ดังนั้นการลงนามข้อตกลงไม่ได้ทำผิดกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญ และหลังจากนี้จะทำหน้าที่ฝ่ายค้านต่อไปไม่ว่าฝ่ายใดเป็นรัฐบาล “ที่บอกข้อตกลงผิดกฎหมาย ขัดรัฐธรรมนูญ เมื่อวานยังมีคนลดแลกแจกแถมเหมือนกัน แบบนี้ไม่ผิดกฎหมายหรือขัดรัฐธรรมนูญหรือ เพียงแต่พวกคุณไม่ได้ถูกเลือกเท่านั้น” ขณะที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ยืนยันปฏิบัติตามข้อบังคับ ใช้เวลาในการบรรจุวาระ 7 วันเช่นเดียวกันกับกรณีการเลือกนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมตรี จึงไม่ใช่การเร่งรีบตามที่ถูกพาดพิงก่อนหน้านี้ #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #พรรคภูมิใจไทย #รัฐบาลเสียงข้างน้อย #พรรคประชาชน #พรรคเพื่อไทย #อนุทินชาญวีรกูล #ประชุมสภาเลือกนายกฯ #นายกฯคนที่32 #กระดานการเมือง #ณัฐพงษ์เรืองปัญญาวุฒิ #ยุบสภา #ชัยเกษมนิติสิริ
นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เรื่องนี้บนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า #การหนีครั้งสุดท้ายของทักษิณ พร้อมระบุ การต่อสู้ของนายทักษิณ ซึ่งเป็นคนไม่สนใจถูกผิด ขอให้ตนเองชนะ แค่ดูเกมจัดตั้งรัฐบาล เมื่อฝ่ายตนเองจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ก็ให้ชิงยุบสภา ทั้งๆที่รักษาการนายกรัฐมนตรีนั้น กฤษฎีกาบอกแล้วว่ายุบสภาไม่ได้ เมื่อการทูลเกล้ายุบสภาถูกตีกลับ ก็ยังกล้าจัดโปรโมชัน ให้นายชัยเกษม นิติสิริแถลงว่า เลือกเขาเป็นนายกฯ เสร็จ จะยุบสภาทันที แค่นี่ยิ่งกว่าเด็กอยากได้ของ สุดท้ายเมื่อตนเอง ไม่สามารถคุมอำนาจรัฐได้ ก็ถือโอกาสอ้างเดินทาง ไปตรวจสุขภาพที่สิงคโปร์ แต่เส้นทางการบิน ก็ไปจบที่ดูไบ จุดที่ตลกสิ้นดี ทักษิณยังกล้าโพสต์ลงโซเชียลว่าถูก ตม.ไทยถ่วงเวลา บินไปลงสิงคโปร์ไม่ทัน จึงปรับทิศทางไปดูไบ แถมยังตบท้ายว่า ตั้งใจจะกลับไทยไม่เกินวันที่ 8 กันยายน เพื่อไปศาลด้วยตนเองวันที่ 9 กันยายนนี้ เขาบอกด้วยว่า นี่คือพฤติกรรมนักการเมือง อย่างนายทักษิณ ที่ไม่มีความจริงใจต่อชาติบ้านเมือง ต่อให้มีลูกเล่นแพรวพราว คนตามไม่ทัน ชีวิตสุดท้ายก็ต้องหนีอีกรอบ พฤติกรรมแบบนี้ จุดจบแบบนี้น่าจะเป็น อุทาหรณ์ให้นักการเมือง ที่คิดไม่ดีต่อชาติ ต่อสภาบัน ได้เรียนรู้เป็นบทเรียนว่า อยากจะจบชีวิตแบบนายทักษิณหรือไม่ “ผมเชื่อว่าการหนีครั้งนี้ของทักษิณ น่าจะเป็นการหนีครั้งสุดท้าย และจะไม่มีโอกาสได้หนีอีก เพราะคิดว่าการที่เขาบอกว่า จะมาขึ้นศาลด้วยตนเองในวันที่ 9 กันยายนนี้ ไม่คิดว่าเขาจะกลับมาตามนั้น” นายแพทย์วรงค์ระบุ #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #ทักษิณชินวัตร #ศาลฏีกา #คดีชั้น14 #พรรคเพื่อไทย #บินดูไบ #ประชุมสภาเลือกนายกฯ #นายกฯคนที่32 #กระดานการเมือง #วรงค์เดชกิจวิกรม
หลังช่วงค่ำวานนี้มีรายงานว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม.กักตัวไว้ ขณะเตรียมขึ้นเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว ก่อนที่อีก 2 ชั่วโมงถัดมาได้รับอนุญาตให้นำเครื่องขึ้นบิน แจ้งปลายทางที่ประเทศสิงคโปร์ ปรากฎว่าชาวเน็ตต่างเข้าไปตรวจสอบเส้นทางบินพบว่าในช่วงเวลาที่จะถึงสิงคโปร์ เครื่องบินของนายทักษิณหักหัวไปทางมหาสมุทรอินเดียมุ่งหน้าตะวันออกกลาง ก่อนบินวนและลงจอดที่ ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ท่ามกลางข่าวที่นายทักษิณมีกำหนดไปศาลฏีกาที่นัดฟังคำตัดสินคดีชั้น 14 ในวันที่ 9 กันยายน ทั้งนี้นายทักษิณ โพสต์ข้อความผ่าน x ว่าตั้งใจเดินทางไปสิงคโปร์เพื่อไปตรวจสุขภาพ กับหมอที่เคยดูแลระหว่างอยู่ต่างประเทศ แต่ ตม.ที่ไทย ถ่วงเวลาไว้เกือบ 2 ชั่วโมง ทั้งๆ ที่ชนะคดีที่ถูกห้ามออกเดินทางไปต่างประเทศมาแล้ว มีสิทธิเดินทางเช่นเดียวกับคนไทยทั่วไป ระหว่างเส้นทางบิน นักบินแจ้งว่า การที่โดน ตม.ถ่วงเวลาผมไว้นาน ทำให้เครื่องจะไปลงสนามบิน Seletar ซึ่งใช้สำหรับเครื่อง Private Jet ลงที่สิงคโปร์ไม่ทัน เพราะสนามบินเปิดให้บริการ ถึงแค่ 4 ทุ่มเท่านั้น (เวลาสิงคโปร์เร็วกว่าไทย 1 ชม.) เมื่อไม่สามารถไปลงที่สิงคโปร์ได้ จึงตัดสินใจให้นักบินเปลี่ยนแผนไปลงดูไบ เพราะที่ดูไบมีหมอกระดูก และหมอปอดที่ใช้ประจำมานาน และยังมีโอกาสได้เยี่ยมเพื่อนที่ดูไบ ซึ่งไม่ได้เจอกันมา 2 ปีกว่าแล้ว ส่วนที่ต้องบินวนนั้น นายทักษิณบอกว่า ระหว่างรอขออนุญาตจากสนามบินดูไบ นักบินต้องบินวนรออยู่พักใหญ่ จนกระทั่งได้รับอนุญาตจึงได้หันหัวบินต่อไปยังดูไบ พร้อมย้ำว่า “ผมตั้งใจจะกลับไปไทยไม่เกินวันที่ 8 เพื่อเดินทางไปศาลด้วยตัวเอง วันที่ 9 กันยายนนี้ครับ” ทั้งนี้ในคอมเมนต์ใต้โพสต์ดังกล่าวมีคนเข้าไปแสดงความเห็นจำนวนมาก มีทั้งคนที่เชื่อคำชี้แจงว่าเป็นข้อเท็จจริง และคนที่ยังสงสัยเช่นกัน #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #ทักษิณชินวัตร #ศาลฏีกา #คดีชั้น14 #พรรคเพื่อไทย #บินดูไบ #ประชุมสภาเลือกนายกฯ #นายกฯคนที่32 #กระดานการเมือง
