Author: Writer Publisher

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต สว.เปิดเผยว่าได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. นำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2568 ที่ให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร พ้นจากนายกรัฐมนตรี อาจเกี่ยวข้องกับการกระทำของนางสาวแพทองธาร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 รวมอยู่ด้วย โดยถือเป็นหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคเพื่อไทยโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทางเป็นประมุข อันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92 (2) หรือไม่ เขาระบุว่าเมื่อศาลฯ อ่านคำวินิจฉัยแล้ว ย่อมเป็นเด็ดขาดมีผลผูกพันต่อ กกต. แต่มิอาจสั่งยุบพรรคการเมืองได้ เนื่องจากคำร้องไม่ได้มาจาก กกต. จึงต้องร้องขอให้ กกต. ดำเนินการยื่นเรื่องร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยตามมาว่าพรรคเพื่อไทย มีเหตุต้องถูกยุบ เพราะกระทำการฝ่าฝืนกฏหมายนี้หรือไม่ ทั้งนี้นายเรืองไกร ได้นำสรุปคำวินิจฉัยของสื่อมวลชนมาประกอบคำร้อง พร้อมทั้งสำเนาคำวินิจฉัยคดียุบพรรคไทยรักษาชาติ (บางส่วน) ส่งให้ กกต. เพื่อนำไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญต่อไป #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #กกต #ศาลรัฐธรรมนูญ #พรรคประชาชน #พรรคเพื่อไทย #อนุทินชาญวีรกูล #แพทองธารชินวัตร #นายกฯคนที่32 #กระดานการเมือง #พรรคร่วมรัฐบาล #ยุบสภาคือทางออก #องค์กรอิสระ #คดีฮั้วสว

Read More

ตัวแทนกลุ่ม สว.สำรอง รุดยื่นหนังสือถึงหัวหน้าพรรคประชาชน เรื่อง การตัดสินใจทางการเมืองของพรรคประชาชนที่มีผลต่อประชาธิปไตยและประเทศชาติ โดยระบุสถานการณ์การเมืองมาถึงจุดทางเลือกที่สำคัญว่าทางออกควรเป็นเช่นไร หลังพรรคประชาชนยื่น 3 เงื่อนไขเพื่อสนับสนุนขั้วการเมืองใดเป็นรัฐบาล โดยกลุ่ม สว.สำรองเสนอแนวทางประกอบการตัดสินใจคือ ต้องไม่สนับสนุนพรรคที่มีสำนวนคดีเกี่ยวข้องกับการโกง ฮั้วเลือกตั้งและอยู่ระหว่างการพิจารณาของ กกต.และเตรียมส่งศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง เพราะการเลือกองค์กรอิสระของ สว.สายสีน้ำเงินที่ผ่านมาถูกตั้งข้อสงสัยจากสังคมทั่วไปว่ามีใบสั่ง เพราะ สว.มีคดีฮั้วในสำนวน คนดีมีคุณภาพไม่ถูกเลือกทั้งๆ ที่คะแนนสรรหาเป็นอันดับหนึ่ง และการจะแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นเป็นไปได้ยากจากจุดยืนของ สว. และพรรคการเมืองนี้ที่ผ่านมาไม่สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้มองเห็นว่าการเข้ามาบริหารประเทศของพรรคภูมิใจไทย จะส่งผลต่อการดำเนินคดีฮั้ว สว.และทำให้สภาสูงตกอยู่ภายใต้พรรคการเมืองหนึ่งและครอบงำการตัดสินใจของ สว.ต่อการเลือกองค์กรอิสระที่ส่งผลต่อการให้คุณให้โทษทุกรัฐบาลที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม ซึ่งจะส่งผลเสียต่อประชาธิปไตยและประเทศชาติในระยะยาว เกิดการผูกขาดทางอำนาจและชี้นำโดยพรรคการเมืองดังกล่าว มีรายงานว่าในการประชุมกรรมการบริหารพรรค และ สส.พรรคประชาชนช่วงบ่ายวันนี้ จะพิจารณาข้อเสนอของ 2 ขั้วการเมือง 2 แคนดิเนตนายกฯ คือขั้วพรรคภูมิใจไทยที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล และพรรคเพื่อไทย ที่มีนายชัยเกษม นิติสิริ เป็นแคนดิเดต อย่างไรก็ตามนายชัยเกษมเผยยังไม่เคยได้รับการทาบทามบอกกล่าวจากแกนนำพรรคเพื่อไทยถึงเรื่องเสนอชื่อชิงตำแหน่งนายกฯ รวมถึงวันที่ไปเจรจากับพรรคประชาชนก็ไม่รู้เรื่องแต่อย่างใด ขณะที่นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เผยว่าหากดีลกับพรรคประชาชนไม่สำเร็จ อาจตัดสินใจยุบสภา โดยบอกตอนนี้ไม่เหมือนช่วงที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ เสมือนมีนายกฯ ตัวจริง แต่ตอนนี้คือนายภูมิธรรม เวชยชัย มีหน้าที่แทน ทูลเกล้าฯ ยุบสภาได้ #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #พรรคภูมิใจไทย #สวสำรอง #พรรคประชาชน #พรรคเพื่อไทย #อนุทินชาญวีรกูล #ประชุมสภาเลือกนายกฯ #นายกฯคนที่32 #กระดานการเมือง #พรรคร่วมรัฐบาล #ยุบสภาคือทางออก #องค์กรอิสระ #คดีฮั้วสว

Read More

หลังกองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อวันที่ 31 ส.ค. 68 เวลาประมาณ 11.50 น. กองร้อยอาวุธเบาที่ 1 กองพันทหารราบที่ 27 ตรวจพบการวางกับระเบิดแสวงเครื่องในลักษณะใช้ลูกกระสุนเครื่องยิงลูกระเบิดประกอบกับการใช้ลวดสะดุดของทหารกัมพูชา ในพื้นที่ทิศตะวันตกของปราสาทตาควาย ห่างจากเนิน 350 ประมาณ 1.7 กิโลเมตร ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ใกล้กับบริเวณแนวการวางลวดหนามป้องกันตนเองในเขตไทย ยุทธวิธีของทหารกัมพูชาสอดคล้องกับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 68 ที่ฝ่ายไทยตรวจพบทหารกัมพูชา ดักซุ่มและตรวจการณ์ฝ่ายไทย บริเวณทิศตะวันตกของเนิน 350 ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งต่อมา จากการเข้าตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ พบการวางทุ่นระเบิด PMN-2 รวม 3 ทุ่น พร้อมลูกกระสุนเครื่องยิงลูกระเบิด 2 ลูก และตะปูเรือใบจำนวนมาก คาดว่าลูกกระสุนเครื่องยิงลูกระเบิดดังกล่าวจะถูกเตรียมนำมาใช้ในการวางกับระเบิดแสวงเครื่อง พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุว่าการกระทำและหลักฐานดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน ทั้งในเรื่องการใช้กับระเบิดแสวงเครื่อง เป็นอาวุธลอบโจมตีทหารไทยโดยหวังผลให้เกิดอันตรายถึงชีวิตในดินแดนของฝ่ายไทย ซึ่งถือเป็นการกระทำยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดระหว่างกัน ย้อนแย้งกับท่าทีที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามบิดเบือนต่อประชาคมระหว่างประเทศว่าเป็นผู้รักสันติและยึดมั่นในข้อตกลงหยุดยิง ทั้งที่ข้อเท็จจริงและหลักฐานต่าง ๆ ที่พบ ยืนยันได้ว่ากัมพูชาละเมิดข้อตกลง รวมทั้งอนุสัญญาออตตาวามาโดยตลอด ทั้งนี้ จากการที่ฝ่ายกัมพูชาใช้ยุทธวิธีวางทุ่นระเบิด เพื่อลอบทำร้ายฝ่ายไทยอย่างต่อเนื่อง พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก สั่งการผ่านกองทัพภาคที่ 2 กำชับให้กำลังพลทุกนายปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรอบคอบ ไม่ประมาท และใช้ชุดทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดเข้าตรวจสอบพื้นที่เสี่ยงเพื่อความปลอดภัยในการปฏิบัติภารกิจในทุกครั้ง #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #WarCrimes #HumanRights #ฮุนเซนอาชญากรสงคราม #hunsenwarcriminal #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #TruthFromThailand #ทุ่นระเบิดผิดสนธิสัญญา #อนุสัญญาออตตาวาอนุสัญญาออตตาวา

Read More

เป็นแถลงตอบโต้กรณีที่เมื่อวานนี้ (31 ส.ค.68) นายชุม ซอนรี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา แถลงความคืบหน้าการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัมพูชา–ไทย ที่ระบุฝ่ายกัมพูชายืนยันดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิง พร้อมกล่าวหาว่าฝ่ายไทยละเมิดข้อตกลงดังกล่าว จนสร้างความเสี่ยงต่อทั้งกำลังพลและพลเรือน อีกทั้งยังก่อให้ประชากรกลุ่มเปราะบางต้องพลัดถิ่นมากยิ่งขึ้น โดยพลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงว่าประเทศไทยยึดมั่นและปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด พร้อมดำเนินการตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศมาต่อเนื่อง เปิดให้คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวอาเซียน (IOT) คณะจาก ICRC และพันธมิตรนานาประเทศ รวมถึงสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ทุกจุดโดยเสรี ซึ่งชี้ถึงความบริสุทธิ์ใจของฝ่ายไทย ที่ดำเนินการทุกอย่างแบบตรงไปตรงมา อย่างไรก็ตาม ฝ่ายกัมพูชายังลักลอบวางทุ่นระเบิดในเขตแดนไทยอยู่ตลอด จนกำลังพลไทยได้รับบาดเจ็บหลายครั้ง ทั้งยังไม่แสดงท่าทีที่ชัดเจนในการแก้ปัญหาทุ่นระเบิด แม้ฝ่ายไทยจะได้เสนอผ่านเวทีการประชุม GBC และ RBC มาโดยตลอด รวมถึงเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนกล่าวหาไทย เช่น เรื่องการใช้อาวุธเคมี หรือทุ่นระเบิดเป็นของเก่าตกค้างจากสงครามในอดีต ทั้งที่มีหลักฐานชัดเจน ซึ่งการใช้ทุ่นระเบิดของฝ่ายกัมพูชา เป็นบ่อนทำลายความพยายามแก้ปัญหาในระดับทวิภาคีของกัมพูชาเอง ส่วนประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือเหตุการณ์ที่บ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว ซึ่งชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาสนับสนุนให้ประชาชนรุกล้ำเข้ามาอาศัยในเขตพื้นที่ประเทศไทย ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลง MOU 43 แม้ฝ่ายไทยประท้วงอย่างสันติมาอย่างยาวนาน แต่กัมพูชากลับเพิกเฉยต่อการแก้ไขปัญหา “สังคมและนานาชาติควรตระหนักและรับรู้ว่า กัมพูชาพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ดังกล่าว อีกทั้งยังใช้กลุ่มประชาชนออกหน้าแทนด้วยท่าทีที่แข็งกร้าว จึงควรจับตาดูว่าจากนี้ไป กัมพูชาจะใช้วิธีการในลักษณะ “โล่มนุษย์” มาแก้ปัญหาเหมือนในช่วงที่ผ่านมาอีกหรือไม่” โฆษก ทบ.กล่าว #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #WarCrimes #HumanRights #ฮุนเซนอาชญากรสงคราม #hunsenwarcriminal #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #TruthFromThailand #ทุ่นระเบิดผิดสนธิสัญญา #อนุสัญญาออตตาวาอนุสัญญาออตตาวา #กฏอัยการศึก #โล่มนุษย์

Read More

รัฐบาลสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังร่างแผนการเปลี่ยนชื่อกระทรวงกลาโหมหรือเพนตากอน (Pentagon) เป็น “กระทรวงการสงคราม” (Department of War) ซึ่งเป็นชื่อเดิมที่ถูกใช้ครั้งสุดท้ายในปี 1947 รายงานระบุว่าการฟื้นคืนชื่อเดิมที่ถูกเลิกใช้อาจกระทำได้ผ่านการออกกฎหมายของรัฐสภาสหรัฐฯ แต่ทำเนียบขาวกำลังพิจารณาวิธีการอื่นๆ โดยกระทรวงกลาโหมเริ่มต้นร่างข้อเสนอทางกฎหมายในช่วงหลายสัปดาห์แรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่ 2 ของทรัมป์ ผู้ซึ่งเน้นย้ำแนวคิดเปลี่ยนชื่อนี้หลายรอบแล้ว วิธีการหนึ่งคือร้องขออำนาจจากสภาคองเกรสในการฟื้นคืนชื่อเดิมในภาวะฉุกเฉินระดับชาติ พร้อมฟื้นคืนตำแหน่งเลขาธิการสงครามให้เจ้าหน้าที่พลเรือนระดับสูงของกระทรวงฯ ทั้งนี้ ทรัมป์กล่าวว่าชื่อเดิมฟังดูแข็งแกร่งกว่า สหรัฐฯ ชนะหมดตอนใช้ชื่อกระทรวงการสงคราม และการเปลี่ยนชื่อนี้อาจเกิดขึ้นภายในสัปดาห์หน้า ขอบคุณข้อมูล-แฟ้มภาพ : สนข.ซินหัว #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #กระทรวงการสงคราม #เพนตากอน #โดนัลด์ทรัมป์

Read More

วันนี้จับตาการเมืองช่วงบ่าย เมื่อพรรคประชาชนที่มีนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เป็นหัวหน้าพรรค เตรียมประชุมคณะกรรมการบริหารและ สส. เพื่อพิจารณาข้อเสนอจาก พรรคภูมิใจไทย และ พรรคเพื่อไทย ว่าจะสนับสนุนใครขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ พรรคประชาชนได้ยื่น 3 เงื่อนไขหลัก หรือ TOR ให้ทั้งสองฝ่ายพิจารณาเพื่อคลี่คลายวิกฤตทางการเมือง โดยก่อนหน้านี้พรรคภูมิใจไทยได้เข้าเจรจาเป็นรายแรก และเมื่อวานนี้เป็นคิวของพรรคเพื่อไทย ที่ได้เดินทางไปพรรคประชาชนและประกาศยอมรับทุกเงื่อนไข พร้อมเสนอเงื่อนไขเพิ่มเติมเพื่อแข่งกับภูมิใจไทย นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยยังเตรียมไม้เด็ดไว้เผื่อสถานการณ์ไม่เป็นไปตามแผน นั่นคือการยุบสภา ซึ่งนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีได้ยืนยันว่าเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว แคนดิเดตนายกฯ โชว์ตัว: อนุทิน vs ชัยเกษม ขณะแคนดิเดตนายกฯ ของทั้งสองพรรคต่างก็แสดงความพร้อม โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคภูมิใจไทย กำลังเร่งรวมเสียง สส. จากพรรคร่วมรัฐบาลเดิม และรอเพียงการตัดสินใจจากพรรคประชาชนเท่านั้น ในขณะที่ นายชัยเกษม นิติสิริ จากพรรคเพื่อไทย ก็โชว์ภาพตีกอล์ฟเพื่อยืนยันว่าสุขภาพแข็งแรงดี พรรคเพื่อไทยยังชูคุณสมบัติเด่นของเขา ทั้งการต่อสู้กับคณะรัฐประหารและการผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อแสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่สอดคล้องกับพรรคประชาชน เสียงสะท้อนจากภาคประชาชน ในวันเดียวกัน ยังมีการชุมนุมของกลุ่ม เครือข่ายรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งประกาศจุดยืนชัดเจนว่า ไม่ยอมรับนายกรัฐมนตรีจากเครือข่ายพรรคเพื่อไทย โดยให้เหตุผลว่าต้องการกำจัดระบอบทักษิณและปกป้องอธิปไตยของชาติ “ทางออกคือยุบสภา” – มุมมองจากอดีตนักการเมือง นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส. ได้โพสต์ข้อความเรียกร้องให้ทุกฝ่ายตั้งสติ โดยระบุว่าการต่อรองทางการเมืองในขณะนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับประชาชนเลย และการประกาศยุบสภาล่วงหน้าภายใน 4 เดือน ถือเป็นหายนะของประเทศ เพราะจะทำให้ทุกอย่างหยุดชะงัก ข้าราชการจะ “เกียร์ว่าง” เพื่อรอนายใหม่ นายนิพิฏฐ์ทิ้งท้ายด้วยคำถามที่ชวนคิดว่า “หากมีพรรคการเมือง 2 พรรค ระหว่างพรรคที่ “เลวมาก” กับพรรคที่ “เลวน้อย” จะเลือกพรรคไหน สำหรับผมคือ ไม่เลือกทั้ง 2 พรรค เพราะเลวทั้งคู่ ทางออกในความเห็นของผม คือ ยุบสภาเถอะ!! และเพื่อไม่ให้เกิดสุญญากาศกับประเทศ ต้องยุบทันที!!!” #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #พรรคภูมิใจไทย #ทักษิณชินวัตร #พรรคประชาชน #พรรคเพื่อไทย #อนุทินชาญวีรกูล…

Read More

เป็นบรรยากาศที่แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเดิมที่นำโดยพรรคเพื่อไทย อาทินายภูมิธรรม เวชยชัย , นายสรวงศ์ เทียนทอง , นายชูศักดิ์ ศิรินิล , นางสาวจิราพร สินธุไพร และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง ,นายเดชอิศม์ ขาวทองและ นายชัยชนะ เดชเดโช ที่เดินทางไปที่พรรคประชาชนเพื่อหารือและขอเสียงสนับสนุนจัดตั้งรัฐบาล โดยทั้งหมดเมื่อเดินทางถึง ก็ถูกมวลชนพรรคประชาชนตะโกนไล่ ขณะที่แกนนำพรรคไม่ได้เดินทางลงมาให้การต้อนรับ จากนั้นเจ้าหน้าที่พรรค นำคณะทั้งหมดขึ้นไปด้านบนของที่ทำการพรรคประชาชน ซึ่งมี นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคและคณะ นั่งรออยู่ ก่อนเปิดโต๊ะหารือระหว่างแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเดิมกับแกนนำพรรคประชาชน โดยสาระสำคัญคือพรรคเพื่อไทยแจ้งว่าเปิดดีลยอมรับเงื่อนไขทุกข้อ แลกเสียงโหวตให้นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตคนที่ 3 ของพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่พรรคประชาชนขอรับฟังทุกฝ่ายยังไม่ตัดสินใจเลือกทางไหน โดยจะนำข้อมูลเข้าที่ประชุมพรรคต่อไป ทั้งนี้นายภูมิธรรม นำพรรคร่วมฯ เปิดเผยหลังหารือแกนนำพรรคประชาชน โดยบอกตอบรับข้อเสนอพรรคประชาชนทั้งหมด โดยไม่มีเงื่อนไข ส่วนข้อเสนอเพิ่มของพรรคเพื่อไทยนั้น พรรคประชาชนจะรับไปพิจารณา #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #พรรคภูมิใจไทย #ทักษิณชินวัตร #พรรคประชาชน #พรรคเพื่อไทย #อนุทินชาญวีรกูล #ประชุมสภาเลือกนายกฯ #นายกฯคนที่32 #กระดานการเมือง #พรรคร่วมรัฐบาล

Read More

ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน รองประธานคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยถึงรายงาน World Economic Forum 2025 ซึ่งระบุความเสี่ยงระดับโลกในระยะสั้น (ปี 2025–2027) ที่ต้องจับตา 10 อันดับแรก ได้แก่ 1. การได้รับข้อมูลที่ผิดและบิดเบือน (Misinformation and Disinformation) 2. เหตุการณ์ภูมิอากาศรุนแรง (Extreme weather events) 3. ความขัดแย้งด้วยกำลังอาวุธระหว่างรัฐ (State-based armed conflicts) 4. การแบ่งขั้วทางสังคม (Social polarization) 5. การจารกรรมและสงครามไซเบอร์ (Cyber espionage and warfare) 6. มลพิษ (Pollution) 7. ความไม่เท่าเทียม (Inequality) 8. การย้ายถิ่นโดยไม่สมัครใจ (Involuntary migration or displacement) 9. การเผชิญหน้าทางภูมิเศรษฐกิจ (Geoeconomic confrontation) 10. การกัดเซาะสิทธิมนุษยชนและ/หรือเสรีภาพพลเมือง (Erosion of human rights and/or civic freedom) ไทยมีครบทั้ง 10 ความเสี่ยง ศ.ดร.กนก ตั้งคำถามว่า ความเสี่ยงเหล่านี้มีอยู่ในประเทศไทยหรือไม่ และมีความรุนแรงแค่ไหน ก่อนจะชี้ว่า ประเทศไทยเผชิญครบทั้ง 10 ความเสี่ยง โดยเฉพาะอันดับ 1–4 ที่เกิดขึ้นจริงและมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ความไม่เท่าเทียม (อันดับ 7) เป็นปัญหาที่สะสมยาวนานกว่า 20 ปี และการกัดเซาะสิทธิมนุษยชน (อันดับ 10) ก็กำลังนำไปสู่การแบ่งขั้วทางสังคม (อันดับ 4) อย่างชัดเจน “ถ้าจะกล่าวโดยรวม ประเทศไทยมีสัญญาณของความเสี่ยงทั้ง 10 ประการครบถ้วน” ศ.ดร.กนก กล่าว ปัญหาที่ประชาชนแก้ไม่ได้ ต้องเริ่มที่การเมือง…

Read More

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบรัฐมนตรีที่เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 30 สิงหาคม 2568 ว่าเข้าข่ายมีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 (1) หรือไม่ และขอให้รีบดำเนินการมีมติส่งเรื่องให้ศาลฎีกาและ/หรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาพิพากษาต่อไป โดยให้เหตุผลว่านายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย รักษาการนายกฯ ให้สัมภาษณ์ “เมื่อถามว่าวันนี้จะหารือเรื่องอำนาจการยุบสภาฯหรือไม่ นายภูมิธรรม ตอบว่า ไม่ต้องหารือถ้าเราจะยุบเราก็ยุบเลย หากใครขัดข้องก็สามารถไปฟ้องได้ไม่มีปัญหาอะไร ไม่ต้องมาถกเถียงในเรื่องที่เราเชื่อว่าไม่มีปัญหา” คำสัมภาษณ์นี้อาจขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และเข้าข่ายอาจฝ่าฝืนมาตรา 234 (1) นายเรืองไกรขอให้ ป.ป.ช.พิจารณาว่า เมื่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร และ ครม.ทั้งคณะพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2568 และตามรัฐธรรมนูญให้ ครม.อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปภายใต้เงื่อนไขเท่านั้น แต่ในวันที่ 30 สิงหาคม มีการประชุม ครม. และนายภูมิธรรมยันมีอำนาจยุบสภา จึงอาจพิจารณาเพื่อหาเหตุจาก พ.ร.บ.ระเบียบบริหาราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ขยายความว่ารักษาการแทนนายกรัฐมนตรีมีอำนาจในการยุบสภาได้ และน่าเชื่อว่าได้หารือในที่ประชุม ครม. และมีมติให้รักษาการนายกฯ มีอำนาจยุบสภาได้ ดังนั้นหาก ครม.มีมติให้ยุบสภาได้ อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ และเข้าข่ายมีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #พรรคภูมิใจไทย #ทักษิณชินวัตร #พรรคประชาชน #พรรคเพื่อไทย #อนุทินชาญวีรกูล #ประชุมสภาเลือกนายกฯ #นายกฯคนที่32 #กระดานการเมือง #พรรคร่วมรัฐบาล #ยุบสภา #เรืองไกรยื่นปปช

Read More

เป็นภาพที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค และนายไผ่ ลิกค์ เลขาธิการพรรคฯ ถ่ายภาพร่วมกันหลังหารือถึงการจัดตั้งรัฐบาล และสนับสนุนนายอนุทินชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในภาพจะมีนายสุชาติ ชมกลิ่น อีกปีกของพรรครวมไทยสร้างชาติ นายศักดา วิเชียรศรี สส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย นายสุรทิน พิจารณ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ และนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีจากพรรคประชาธิปัตย์ จากนั้นพรรคกล้าธรรม ออกแถลงการณ์ที่ระบุ สส.พรรคหารือร่วมกัน พิจารณาข้อเสนอของพรรคภูมิใจไทย ก่อนมีมติเอกฉันท์ สนับสนุนนายอนุทินเป็นนายกฯ คนที่ 32 ในแถลงการณ์ให้เหตุผลว่ามีจำเป็นที่จะต้องมีฝ่ายบริหารมาขับเคลื่อนและแก้ปัญหาให้กับประชาชนในทุกด้าน ทั้ง ปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ ปัญหาเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศ ปัญหาสังคมด้านต่าง ๆ อย่างเร่งด่วน โดยไม่สามารถประวิงเวลาไปได้อีก โดยพรรคกล้าธรรม ได้แจ้งจุดยืนของพรรคให้กับพรรคภูมิใจไทยทราบ คือ ยึดถือ 3 สถาบันหลัก ได้แก่ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ดังนั้น หากเสนอแก้รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายต้องไม่กระทบต่อสถาบันฯ และต้องยกระดับคุณภาพชีวิต ปกป้องผลประโยชน์ของเกษตรกรกว่า 30 ล้านคน ซึ่งพรรคภูมิใจไทย ยอมรับเงื่อนไข และขอให้ร่วมมือกันในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ภายใต้กติกาของระบอบรัฐสภา #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #พรรคภูมิใจไทย #ทักษิณชินวัตร #พรรคกล้าธรรม #พรรคเพื่อไทย #อนุทินชาญวีรกูล #ประชุมสภาเลือกนายกฯ #นายกฯคนที่32 #กระดานการเมือง #พรรคร่วมรัฐบาล

Read More