Author: Writer Publisher

นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยรายงานภาวะสังคมไทยไตรมาส 2 ปี 2568 ว่า กำลังเห็นสัญญาณการปรับรูปแบบการจ้างงานของสถานประกอบการ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน โดยผลสำรวจของ Jobsdb ในปี 2567 พบว่า องค์กรไทยกว่า 25% มีแนวโน้มลดพนักงานและปรับโครงสร้าง หันไปจ้างพนักงานประจำไม่เต็มเวลา (permanent part-time) และพนักงานสัญญาจ้าง/ชั่วคราวไม่เต็มเวลา (contractual/temporary part-time) แทนการจ้างฟูลไทม์เต็มรูปแบบ “จากนี้รูปแบบการจ้างงานจะเปลี่ยนไป จากฟูลไทม์และพาร์ทไทม์ โดยจะมีการใช้พนักงานสัญญาจ้างมากขึ้น โดยเฉพาะองค์กรขนาดใหญ่ ผลจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่จะกระทบต่อความมั่นคงการจ้างงาน รายได้ และสิทธิตามกฎหมายของแรงงาน” นายดนุชา กล่าว ข้อมูลยืนยันแนวโน้มนี้ชัดเจน: ปี 2565 บริษัทที่จ้างพนักงานประจำไม่เต็มเวลามีเพียง 6% แต่ปี 2567 เพิ่มขึ้นเป็น 42% ขณะที่การจ้างพนักงานสัญญาจ้าง/ชั่วคราวไม่เต็มเวลาเพิ่มจาก 4% เป็น 28% ในช่วงเวลาเดียวกัน แรงงานไทยเผชิญโจทย์ซ้อน • แรงกดดันภายนอก: การปรับอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ทั้งภาษีเฉพาะสินค้า (Specific Tariffs), ภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ที่ไทยถูกจัดเก็บ 19% และมาตรการกฎแหล่งกำเนิดสินค้า (Rule of Origin) ซึ่งกระทบอุตสาหกรรมส่งออกและการจ้างงานโดยตรง • แรงงานต่างด้าว: ปัจจุบันมีแรงงานต่างด้าว 3.88 แสนคนไม่ต่อใบอนุญาตทำงาน ขณะที่รัฐบาลกัมพูชาดึงแรงงานกลับประเทศ เสี่ยงให้ภาคก่อสร้าง การผลิต และเกษตรขาดแคลนแรงงาน แม้ ครม.จะอนุมัตินำเข้าแรงงานศรีลังกา เนปาล ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซียมาทดแทนแล้ว • ความปลอดภัยในการทำงาน: งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยศิลปากรพบว่า แม้กรณีร้ายแรงไม่มาก แต่การสูญเสียอวัยวะ เช่น นิ้ว มือ หรือแขน ส่งผลรุนแรงต่อฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมแรงงาน รวมถึงผลกระทบทางจิตใจที่ไม่อาจชดเชยได้เต็มที่ ภาพรวมตลาดแรงงานไตรมาส 2/68 • ผู้มีงานทำรวม 39.5 ล้านคน เพิ่มขึ้น 0.02% จากปีก่อน…

Read More

📌 26 มิ.ย. 68 ปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าฯ สระแก้ว เสนอแนะต่อแพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ระหว่างการลงพื้นที่ 1. ยกเลิกงดเว้นเก็บค่าธรรมเนียมแรงงานกัมพูชาช่วงสงกรานต์ (ไทยเสียรายได้ 74 ล้าน) 2. ชะลอ/ยกเลิกกิจกรรมความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชา 75 ปี 3. ทบทวนโครงการก่อสร้างสะพานโป่งน้ำร้อน 4. ระงับความช่วยเหลือกัมพูชาแบบให้เปล่าทุกชนิด วันนั้น…ถูกยกย่องว่า “กล้าชน” เพื่อผลประโยชน์ประเทศ 📌 22 ส.ค. 68 ผู้ว่าฯ สระแก้ว ร่วมแถลงกับแม่ทัพภาคที่ 1 ระบุว่า พื้นที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ที่ถูกกัมพูชารุกล้ำยึดครอง เป็นพื้นที่ไม่มีเอกสารสิทธิ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือกัมพูชา 📌 23 ส.ค. 68 ออกแถลงการณ์ “ขอโทษ” บอกเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน แต่สายไปแล้ว… เพราะสื่อกัมพูชานำคำพูดนั้นไปขยายผลทันที ว่า “คนไทยไม่มีสิทธิ กัมพูชาอยู่มานานหลายสิบปี” ขณะที่ ครม. มีมติ ต่ออายุราชการให้ผู้ว่าฯ สระแก้วอีก 1 ปี ทั้งที่เดิมจะดำรงตำแหน่งครบ 4 ปีในวันที่ 30 กันยายน 68 ให้ปฏิบัติหน้าที่ถึงกันยายน 2569 จาก “ฮีโร่ผู้ปกป้องชาติ” → วันนี้ถูกวิจารณ์ว่าทำให้เสียเกียรติภูมิของแผ่นดิน ❓คำถามคือ… บทเรียนครั้งนี้จะสะท้อนอะไรให้กับการทำงานของผู้ว่าฯ ในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา? สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนบทเรียนสำคัญ 3 เรื่อง : 1️⃣ คำพูดของเจ้าหน้าที่ชายแดนไม่ใช่แค่ความเห็นส่วนตัว แต่เป็น “น้ำหนักทางการทูต” ที่เพื่อนบ้านสามารถนำไปใช้เป็นเครื่องมือได้ทันที 2️⃣ ระบบราชการชายแดนยังขาดกลไกคุมเสียงสื่อสาร ทั้งที่คำพูดเพียงประโยค อาจบั่นทอนจุดยืนของประเทศมากกว่าการเจรจาในหลายวงประชุม 3️⃣ การต่ออายุราชการท่ามกลางข้อถกเถียง ทำให้สังคมตั้งคำถามถึงมาตรฐานการประเมินผลงานราชการ : เราให้รางวัลกับ “คนกล้าเสนอ” หรือหลับตากับ “คำพูดคลาดเคลื่อนที่กระทบเกียรติภูมิชาติ”? ชายแดนไม่ใช่พื้นที่ทดลองคำพูดของใคร เพราะทุกถ้อยคำอาจกลายเป็น “กระสุน”…

Read More

22 ส.ค. ทักษิณ ชินวัตร เพิ่งรอดคดี 112 ศาลอาญายกฟ้อง แต่ยังมีอีกคดีใหญ่รออยู่—“คดีชั้น 14”ศาลฎีการแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะชี้ว่า การบังคับโทษ 1 ปี เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หลังทักษิณไม่เคยติดคุกอ้างอาการป่วยอยู่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจยาวนานถึง 181 วัน ซึ่งจากการไต่สวนที่ผ่านมาคดีนี้ “รอดยาก” รอดูว่า “ทักษิณ” จะไปฟังคำสั่งศาลในวันที่ 9 กันยายนหรือไม่ 29 ส.ค. แพทองธาร ชินวัตร ต้องลุ้นคดีจริยธรรมร้ายแรงจาก “คลิปอังเคิลฮุน–หลานอิ๊งค์” ถ้าศาลยกคำร้อง — แพทองธารได้กลับมาเป็นนายกฯ ต่อ แต่กระแสสังคมที่เห็นว่า “สิ่งที่เธอสนทนา ขัดจริยธรรมร้ายแรง ทำให้ตำแหน่งนายกฯ เสียเกียรติภูมิ” จะยิ่งขยายตัว แรงกดดันให้ลาออกอาจดังสนั่นยิ่งกว่าเดิม ถ้าศาลชี้ว่าผิด — แพทองธารถูกพ้นตำแหน่งทันที โจทย์ใหญ่คือ เพื่อไทยจะยังคุมเกมเป็นแกนนำรัฐบาลได้หรือไม่? • ไพ่แรก: ผลักดัน ชัยเกษม นิติสิริ (บัญชีนายกฯ ลำดับ 3) มาขัดตาทัพ หากพรรคร่วมรัฐบาลยังอุ้มเพื่อไทย กอดอำนาจร่วมกันต่อ • ไพ่สอง: ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลแปรพักตร์ อาจใช้กลยุทธ์ให้ ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกฯ แล้วประกาศยุบสภา ตัดเกมไม่ให้ขั้วอำนาจเปลี่ยน • ไพ่สาม: ยอมเสียตำแหน่งนายกฯ แต่ดันบัญชีนายกฯ จากพรรคร่วม เช่น พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากรวมไทยสร้างชาติ — แต่ติดเงื่อนไขทางกฎหมาย เพราะปัจจุบันเป็นองคมนตรี ซึ่งอาจตีความว่าไม่สามารถกลับมาเป็นบัญชีนายกฯ ได้ อีกด้าน พรรคประชาชนก็เสนอแนวทาง “รัฐบาลเฉพาะกิจ” — เปิดทางให้ใครก็ได้เป็นนายกฯ โดยมีกรอบเวลาชัด: ยุบสภา + แก้รัฐธรรมนูญ ไม่ว่าศาลจะชี้ขาดอย่างไร 29 ส.ค. จะเป็นวันที่สะเทือนเสถียรภาพของรัฐบาลเพื่อไทย และอาจเป็นจุดเปลี่ยนทิศทางการเมืองไทยครั้งสำคัญ ขณะที่ 9 กันยายน…

Read More

ศาลรัฐธรรมนูญออกแถลงการณ์ ยืนยันเสียงจริงที่เกิดขึ้นในการพิจารณาคดีเมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีการไต่สวนพยานบุคคลสองปากคือ แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ และฉัตรชัย บางชวด เลขาฯ สมช. โดยศาลฯ มีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามมิให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นมีการเผยแพร่คลิปและข่าวบิดเบือนข้อเท็จจริงในกระบวนการไต่สวนของศาล ลักษณธที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชนก่อให้เกิดความเสียหายต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยกล่าวอ้างว่าตถลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งพูดกับนายกฯ ว่า ”นั่งลงลูก“ ซึ่งความจริงคือ ”นั่งลงครับ“ การเผยแพร่และบิดเบือนดังกล่าว เข้าข่ายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง และเข้าข่ายะเมิดอำนาจศาลตามมาตรา 38 และ 39 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 และข้อ 10,11 ของข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2562 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญจะดำเนินการทางกฎหมายแก่บุคคลที่กระทำการบิดเบือนและเผยแพร่คลิปดังกล่าวต่อไป #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#รัฐบาลเพื่อไทย#รัฐบาลแพทองธาร#ศาลรัฐธรรมนูญ#แพทองธาร#แพทองธารชินวัตร#คลิปเสียงแพทองธารฮุนเซน#ฮุนเซน#ศาลรัฐธรรมนูญ#ความมั่นคง#กัมพูชายิงก่อน#CambodiaOpenedFire#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด#TruthFromThailand

Read More

ดร.ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ประธานสถาบันประชาธิปไตยสุจริต แสดงความเห็นต่อกรณีคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี (ที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ) กับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา หรือที่ถูกเรียกกันว่า “คลิปอังเคิล” ดร.ดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า “ฟังคลิปเสียงฉบับเต็มและเสียงวุ้นเส้นฉบับแปลแล้ว เป็นเรื่องประเทศชาติที่ไม่ควรไปแอบคุยกัน และผมเห็นว่ามีเรื่องลับทางทหาร รวมทั้งมีข้อความหารือกันแก้ปัญหาที่กองทัพไทยต้องดำเนินการตามกฎอัยการศึกด้วย” พร้อมกันนี้ย้ำว่า ทุกฝ่ายควร “เคารพศาลและเคารพกันและกัน” เพื่อให้การพิจารณาเดินไปตามกระบวนการยุติธรรม สำหรับคดีดังกล่าว เกิดจากการที่สมาชิกวุฒิสภายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้วินิจฉัยว่าแพทองธารกระทำผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงจากการสนทนากับฮุน เซน โดยศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว และกำหนดอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคมนี้

Read More

พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก พร้อมคณะผู้บังคับบัญชาของกองทัพบก ตรวจเยี่ยมและติดตามการปฏิบัติงานของหน่วยทหารในพื้นที่ชายแดนด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2/ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ให้การต้อนรับ และร่วมลงพื้นที่ โดยวานนี้ (22 ส.ค.68) ไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพล และติดตามการเสริมสร้างความมั่นคงในพื้นที่ ฐานปฏิบัติการภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พร้อมขอบคุณในความเสียสละ และเป็นกำลังใจให้กำลังพลทุกนายที่ปฏิบัติภารกิจที่สำคัญนี้ ด้วยความเสี่ยงและภายใต้ความกดดันบริเวณแนวชายแดน ขอให้มีความระมัดระวัง และยึดถือมาตรการรักษาความปลอดภัยในการปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัด มีวินัยและอดทนอดกลั้นต่อเหตุการณ์ที่ต้องเผชิญ นอกจากนี้ยังได้กำชับผู้บังคับหน่วยต้องกำกับดูแลใส่ใจกำลังพลในทุกระดับ หากต้องการขอรับการสนับสนุนเพิ่มเติมสามารถประสานมายังสายการบังคับบัญชาได้ในทันที ขณะเดียวกันหน่วยในพื้นที่ต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาแผนการปฏิบัติให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลอดเวลา ควบคู่กับการใช้มาตรการต่างๆ ที่ทำให้เกิดความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานเป็นสำคัญ ส่วนวันนี้ (23 ส.ค.68) ผู้บัญชาการทหารบก นอกจากรับฟังบรรยายสรุปแนวทางการบริการทางการแพทย์ ของหน่วยสายแพทย์กองทัพภาคที่ 2 ที่เตรียมความพร้อมของโรงพยาบาลทหารในพื้นที่ ในการดูแลป้องกันสุขภาพ และให้การรักษากำลังพลที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดนแบบองค์รวมแล้ว ยังไปสถานีเรือโขงเจียม จ.อุบลราชธานี เพื่อตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) ของกองทัพเรือที่ปฏิบัติภารกิจเสริมความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย-สปป.ลาวด้วย #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#mou43#WarCrimes#HumanRights#ฮุนเซนอาชญากรสงคราม#hunsenwarcriminal#กัมพูชายิงก่อน#CambodiaOpenedFire#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด#TruthFromThailand#ทุ่นระเบิดผิดสนธิสัญญา#อนุสัญญาออตตาวา

Read More

เป็นสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณทิศตะวันตก เนิน 350 ตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ห่างจากแนวเส้นปฏิบัติการเข้ามาฝั่งไทยประมาณ 100 เมตร หลังจากเมื่อเย็นวานนี้ ทหารฝ่ายไทยได้ตรวจพบทหารฝ่ายกัมพูชา 2–3 นาย คาดว่าเป็นหน่วย BHQ เนื่องจากสวมหมวกทรง FAST สีดำ ได้กระทำการดักซุ่มตรวจการณ์ฝ่ายไทย บริเวณดังกล่าว เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยเข้าทำการตรวจสอบพื้นที่ และตรวจพบ ทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณจุดที่พบทหารกัมพูชาดักซุ่ม จำนวน 1 ทุ่น หน่วยจึงได้ใช้เครื่องตรวจทุ่น ตรวจสอบพื้นที่โดยละเอียด และได้ทำเครื่องหมาย เพื่อรอรับการสนับสนุนชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดดำเนินการ และวันนี้ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบพบทุ่นระเบิด PMN-2 เพิ่ม รวมเป็น 3 ทุ่น และตะปูเรือใบจำนวนมาก โดยรูปถ่ายและข้อมูลทั้งหมดจะเก็บไว้เพื่อเป็นหลักฐานต่อไป จากสถานการณ์ดังกล่าวยืนยันได้ว่า ฝ่ายกัมพูชายังคงลักลอบใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในพื้นที่อธิปไตยของไทย ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและละเมิดสนธิสัญญาออตตาวาอย่างต่อเนื่อง ทหารฝ่ายไทยยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมปกป้องอธิปไตยของชาติ #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #mou43 #WarCrimes #HumanRights #ฮุนเซนอาชญากรสงคราม #hunsenwarcriminal #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #TruthFromThailand #ทุ่นระเบิดผิดสนธิสัญญา #อนุสัญญาออตตาวา

Read More

“คิดว่าใครเลียนแบบใคร ใครเลวร้ายใครดีกว่ากัน” — รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ——— เจิมศักดิ์ เทียบฟอร์ม “ทักษิณ–ฮุน เซน” : คำถามใหญ่ ใครเลียนแบบใคร? รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊กเปรียบเทียบผู้นำการเมืองร่วมสมัยอย่าง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย และ สมเด็จฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยหยิบ 6 ประเด็นหลักมาตั้งคำถามถึงความเหมือนและความต่าง พร้อมชวนสังคมคิดว่า “ใครเลียนแบบใคร และใครเลวร้ายหรือดีกว่ากัน” ⸻ 1. การผูกขาดอำนาจการเมือง • ทักษิณ ถูกวิจารณ์ว่าใช้นโยบายประชานิยมสร้างฐานเสียงจนผูกขาดอำนาจ แต่ผู้สนับสนุนมองว่าเป็นผลจากการตอบสนองประชาชนในระบอบประชาธิปไตย • ฮุน เซน ถูกมองว่าใช้กลไกรัฐกำจัดคู่แข่งทางการเมืองเพื่อคงอำนาจยาวนานกว่า 38 ปี ขณะที่ฝ่ายสนับสนุนชี้ว่าเป็นผลงานที่สร้างเสถียรภาพ 2. การลดบทบาทสถาบันกษัตริย์ • ทักษิณ ถูกตั้งข้อสังเกตว่าพยายามลดบทบาทสถาบัน แต่เจ้าตัวและฝ่ายสนับสนุนปฏิเสธ • ฮุน เซน ถูกวิจารณ์จากการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อลดพระราชอำนาจ ขณะที่ฝ่ายสนับสนุนเห็นว่าเหมาะสมกับยุคสมัย 3. การแทรกแซงสื่อมวลชน • ทักษิณ มีข้อกล่าวหาเรื่องควบคุมและซื้อกิจการสื่อ แต่ผู้สนับสนุนมองว่าเป็นเรื่องธุรกิจ • ฮุน เซน ใช้มาตรการปิดสื่อที่ไม่เห็นด้วย รัฐบาลอ้างเพื่อป้องกันข้อมูลบิดเบือนและภัยต่อความมั่นคง 4. การคอร์รัปชัน • ทักษิณ มีคดีผลประโยชน์ทับซ้อนและคอร์รัปชัน แต่ผู้สนับสนุนมองว่าเป็นคดีการเมือง • ฮุน เซน ถูกกล่าวหาว่ามีการทุจริตกว้างขวาง แต่รัฐบาลปฏิเสธและอ้างว่ามีมาตรการปราบปราม 5. การสืบทอดอำนาจ • ทักษิณ ถูกวิจารณ์เรื่องการส่งสมาชิกครอบครัวสู่สนามการเมือง แต่ผู้สนับสนุนย้ำว่าเป็นประชาธิปไตยผ่านการเลือกตั้ง • ฮุน เซน ส่งบุตรชาย พลเอกฮุน มาเนต สืบตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยฝ่ายสนับสนุนอธิบายว่าเป็นการเปลี่ยนผ่านอำนาจสู่คนรุ่นใหม่ 6. การกำจัดศัตรูทางการเมือง • ทักษิณ ถูกตั้งข้อสังเกตว่าใช้กฎหมายจัดการคู่แข่ง แต่ผู้สนับสนุนยืนยันว่าทำตามครรลองกฎหมาย • ฮุน เซน…

Read More

เป็นการตั้งโต๊ะแถลงของนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ และนายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กรณีที่ฝ่ายกัมพูชากล่าวหาว่าไทยวางรั้วลวดหนาม ในพื้นที่บ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ละเมิดพื้นที่อธิปไตยของฝ่ายกัมพูชา โดยนายนิกรเดชยืนยันเดิมเป็นพื้นที่พักพิงชั่วคราวของชาวกัมพูชาที่หนีภัยการสู้รบในอดีต ต่อมาได้ขยายพื้นที่ชุมชน ละเมิดข้อตกลง MOU 2543 ซึ่งฝ่ายไทยได้คัดค้านและประท้วงมาโดยตลอด ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาไม่ตอบสนองใดๆ ส่วนการวางรั้วลวดหนามในเขตไทยเพื่อปกป้องอธิปไตย และคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนไทย พร้อมย้ำการดำเนินการดังกล่าวไม่ขัดต่อข้อตกลงในการประชุม GBC ที่ประเทศมาเลเซีย ที่ละเว้นการก่อสร้างหรือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางทหาร หรือการเสริมความมั่นคงของที่ตั้งทางทหารที่ล้ำออกมานอกเขตของฝ่ายตน ด้านนายเบญจมินทร์ ระบุเมื่อสงครามยุติลงชาวกัมพูชาที่หนีภัยสู้รบเข้ามาก่อสร้างที่อาศัยขยายที่ดินทำกินจนออกมานอกแนวรั้ว ซึ่งฝ่ายไทยพยายามแก้ไขปัญหาไม่ให้ขยายพื้นที่ เร่งสำรวจและทำหลักเขตแดน รวมถึงขอให้ฝ่ายกัมพูชาย้ายออกไป กระทั่งเดือนกันยายน 2560 กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือประท้วงกรณีการขยายตัวของชุมชนบ้านหนองจาน มีการชักธงชาติกัมพูชาและจัดตั้งหน่วยงานทางการกัมพูชาในพื้นที่ เป็นการละเมิดอธิปไตยไทยและละเมิด MOU 43 จึงขอให้ปลดธงชาติและย้ายชุมชนออกจากพื้นที่ แต่ฝ่ายกัมพูชานิ่งเงียบ ไม่ชี้แจงหรือโต้แย้งแต่อย่างใด เมื่อถามว่ามีการประท้วงไปแล้วฝั่งกัมพูชาตอบกลับอย่างไร นายเบญจมินทร์ระบุมีหลายจุดมีการประท้วงอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีและนิ่งเฉย ดังนั้นไทยต้องปฏิบัติตามหลักการอันเป็นสากล คือแสดงจุดยืนและท่าทีของให้ชัดเจน ว่าจุดใดที่ล่วงล้ำเข้ามา ก็ต้องทำการประท้วง “การประท้วงของเราก็มีฐานทางกฎหมายรองรับ เพราะใน MOU 43 ก็พูดชัดเจนว่าไม่ควรจะมาทำให้พื้นที่ที่ยังไม่ชัดเจน ไปเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศ ซึ่งเป็นข้อห้ามที่ชัดเจนอยู่แล้วในข้อตกลง” นายเบญจมินทร์ ระบุ #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #mou43 #WarCrimes #HumanRights #ฮุนเซนอาชญากรสงคราม #hunsenwarcriminal #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #TruthFromThailand #ทุ่นระเบิดผิดสนธิสัญญา #อนุสัญญาออตตาวา

Read More

นายปรัก สุคนธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรองนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา นำผู้แทนจากสถานทูตต่างประเทศ 42 แห่ง และองค์การระหว่างประเทศ 20 แห่ง เดินทางยังหมู่บ้านชายแดนที่ชาวเขมรที่รุกลํ้าดินแดนของประเทศไทย ณ บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว เพื่อร้องกับบรรดาคณะทูต และองค์การระหว่างประเทศว่า กองทัพไทยรุกลํ้าดินแดนกัมพูชาฝ่ายเดียว โดยที่กัมพูชาตกเป็นเหยื่อที่ถูกกระทำมาโดยตลอด พร้อมขอให้ช่วยตรวจสอบกิจกรรมของฝ่ายทหารไทย ที่ได้ดำเนินการวางลวดหนาม ตาข่าย สิ่งกีดขวาง และยางรถยนต์ต่อดินแดนของกัมพูชา โดยทางการกัมพูชาระบุว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นการตรวจสอบกิจกรรมตามข้อตกลงหยุดยิง แต่นายปรัก สุคนธ์ ได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ชายแดนกัมพูชา-ไทย รวมถึงปัญหาทุ่นระเบิดนำเสนอกับบรรดาคณะทูตต่างประเทศและผู้แทนหน่วยงานสหประชาชาติ พร้อมระบุปัญหาชายแดนและการปะทะที่ผ่านมา เกิดจากฝ่ายไทยได้ละเมิดอธิปไตยของกัมพูชา และยังได้เปิดฉากการโจมตีก่อน ขอบคุณภาพจาก FB: Army Military Force #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#mou43#WarCrimes#HumanRights#ฮุนเซนอาชญากรสงคราม#hunsenwarcriminal#กัมพูชายิงก่อน#CambodiaOpenedFire#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด#TruthFromThailand#ทุ่นระเบิดผิดสนธิสัญญา#อนุสัญญาออตตาวา

Read More