Author: Writer Publisher

เป็นผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) ในระดับแม่ทัพ โดยพลโทอมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่ 1 นำแถลง ซึ่งทั้ง 2 ฝ่ายตกลงตอบรับ 13 ข้อตกลงหยุดยิงจากการประชุม GBC ที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังเห็นชอบเพิ่มเติม 3 ประเด็นจากที่ไทยเสนอ 4 ประเด็น โดยทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันกำจัดทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม ซึ่งจะหารือในการประชุม GBC ครั้งต่อไป พร้อมกับเห็นชอบประสานงานกันแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และเห็นควรให้เสนอหารือในการประชุม GBC ครั้งต่อไปด้วย รวมถึงเห็นชอบให้มีกลไกแก้ปัญหา ด้วยการจัดตั้งชุดประสานงา และคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น รองรับคณะ RBC ในการแก้ไขปัญหาระดับพื้นที่ ส่วนที่กัมพูชายังไม่รับข้อเสนอคือ การแก้ไขปัญหาการละเมิด MOU43 ซึ่งฝ่ายกัมพูชา ขอให้ใช้กลไกอื่น ในการหารือ เพราะไม่ได้อยู่ในอำนาจของ RBC โดยฝ่ายไทยยืนยันเสนอให้ฝ่ายกัมพูชาทราบว่าเป็นพื้นที่ที่สำคัญ และได้แจ้งเจตนารมย์ที่ชัดเจนของฝ่ายไทยในการแก้ไขปัญหา โดยเรื่องนี้ ทางกัมพูชาขอไปใช้กลไก JBC หรือคณะกรรมาธิการร่วมเขตแดนไทยกัมพูชา #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#mou43#WarCrimes#HumanRights#ฮุนเซนอาชญากรสงคราม#hunsenwarcriminal#กัมพูชายิงก่อน#CambodiaOpenedFire#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด#TruthFromThailand#ทุ่นระเบิดผิดสนธิสัญญา#อนุสัญญาออตตาวา

Read More

ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เผยแพร่บทความเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งปรับโครงสร้างภาษียาสูบ หลังจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภาษีบุหรี่ซิกาแรตเมื่อปี 2560 ยังสร้างปัญหาต่อเนื่อง และไม่สามารถลดการสูบบุหรี่ได้ตามเป้าหมาย ภาษีสูตรผสม–ผิดหลักการ ศ.นพ.ประกิต ระบุว่า ตั้งแต่ปี 2560 กระทรวงการคลังได้ปรับจากภาษีอัตราเดียวตามราคาขายปลีกที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2533 มาเป็นโครงสร้างภาษีสูตรผสม คือ คิดตามเปอร์เซ็นต์ของราคาขายปลีก บวกกับการเก็บเพิ่มต่อซองบุหรี่ยี่สิบมวน ซึ่งหลักการถือว่าถูกต้องตามระบบภาษีบุหรี่ที่ดีสากล แต่การกำหนดอัตราภาษีเป็น 2 ระดับ คือ 20% สำหรับบุหรี่ราคาต่ำกว่า 60 บาท และ 40% สำหรับบุหรี่ราคามากกว่า 60 บาทต่อซอง ถือว่า “ผิดหลักการของภาษีบุหรี่ที่ดี” เพราะเปิดช่องให้บุหรี่ต่างประเทศลดราคาลงมาเหลือ 60 บาทต่อซอง เพื่อเสียภาษีน้อยลง ส่งผลให้บุหรี่ไทยเสียส่วนแบ่งตลาด กำไรการยาสูบไทยหดหาย ชาวไร่ยาสูบได้รับโควตาปลูกลดลง และสุดท้ายคนสูบบุหรี่ก็ไม่ได้ลดลง WHO เตือนแต่ไทยยังนิ่ง องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญมาแนะนำตั้งแต่ปี 2562 ให้ไทยปรับโครงสร้างภาษีกลับมาใช้อัตราเดียว แต่เมื่อปี 2564 กระทรวงการคลังยังคงโครงสร้าง 2 อัตราไว้ ทำให้ปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข ศ.นพ.ประกิต ชี้ว่า กรมสรรพสามิตได้หารือเรื่องการปรับโครงสร้างและอัตราภาษีมาแล้วหลายปี แต่ยังไม่เดินหน้าอย่างจริงจัง ตัวเลขทางเลือกชัดเจน ศ.ดร.อิศรา ศานติศาสน์ อดีตอาจารย์เศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ และอดีตที่ปรึกษา WHO ได้วิเคราะห์ทางเลือกในการปรับภาษีบุหรี่ซิกาแรต พบว่ารัฐบาลสามารถเลือกรับรายได้เพิ่มขึ้นตั้งแต่ 4,000 ล้านบาท ไปจนถึงกว่า 15,000 ล้านบาทต่อปี ขึ้นอยู่กับอัตราภาษีที่จะเลือกใช้ “ซึ่งจะทำให้กระทรวงการคลังมีรายได้จากภาษีบุหรี่เพิ่มขึ้น คนสูบบุหรี่น้อยลง ส่งผลต่อค่ารักษาพยาบาลที่จะน้อยลงตามมา นโยบายดี ๆ เช่นนี้ทำไมจึงไม่รีบดำเนินการ เป็นเรื่องขาดภาวะการนำของฝ่ายที่เกี่ยวข้อง หรือมีอะไรอยู่เบื้องหลัง หมดเวลาที่รัฐบาลจะลังเลต่อไปแล้วครับ” — ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#ประกิตวาทีสาธกกิจ#เพิ่มภาษีบุหรี่ลดคนสูบ#มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบุหรี่

Read More

จากเอกสารสรุปผลคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่วันนี้ศาลอาญา นัดฟังคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องตามความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 (ม.112) และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ กรณีจำเลยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเกาหลีใต้เมื่อปี 2558 มีลักษณะพาดพิงสถาบัน โดยศาลพิเคราะห์จากพยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลยแล้วเห็นว่า คลิปดังกล่าวเป็นบุคคลและเสียงของจำเลยที่ให้สัมภาษณ์จริง ส่วนข้อความเป็นการพูดหรือแสดง หรือพาดพิงหรือทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นลักษณะหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อองค์พระมหากษัตริย์หรือไม่ ศาลเห็นว่าจะต้องระบุถึงตัวบุคคล หรือมีข้อเท็จจริงหมายถึงบุคคลใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ ส่วนการดูหมิ่นต้องพิจารณา ว่าเป็นการดูถูกเหยียดหยาม หรือสบประมาทถึงขนาดทำให้อับอายหรือไม่ อีกทั้งความผิดฐานหมิ่นประมาท หรือดูหมิ่นผู้อื่น เมื่อวิญญูชนทั่วไปได้พบเห็นหรืออ่าน หรือได้ยินแล้ว จะส่งผลให้ผู้ถูกกระทำเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือเกลียดชังหรือไม่ เมื่อพิจารณาแล้วจำเลยมิได้ใช้คำ หรือสรรพนามที่ระบุเฉพาะเจาะจงให้เข้าใจว่าหมายถึงพระมหากษัตริย์ แต่ใช้สรรพนามบุรุษที่ 3 ว่า “เขา” และยังมีคำว่า องคมนตรี ทหาร Palace Circle และคนในวัง ส่วนพยานโจทก์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษา กับพยานบุคคลที่โจทก์อ้าง ล้วนเข้าร่วมชุมนุมขับไล่จำเลย ส่อแสดงว่าเป็นผู้มีอคติต่อจำเลย มีข้อสงสัยถึงความเป็นกลาง ไม่อาจแสดงให้เชื่อได้ว่า วิญญูชนทั่วไปจะตีความข้อความที่จำเลยกล่าวไปในลักษณะที่พยานเข้าใจ ในสรุปคำพิพากษายังระบุพยานตำรวจของฝ่ายโจทก์ ก็ต่างเห็นว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอที่จะสั่งฟ้องจำเลย เพราะคลิปวิดีโอของกลางไม่อาจยืนยันได้ว่าเป็นต้นฉบับ ประกอบเมื่อพิจารณาคลิปมาเผยแพร่เข้าใจว่าจำเลยโจมตีการยึดอำนาจ และรัฐประหาร พาดพิงนายสุเทพ กับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ และองคมนตรีเท่านั้น พยานหลักฐานทั้งหมด จึงยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้รับฟังว่า จำเลยกล่าวข้อความตามคำฟ้อง หรือเมื่อวิญญูชนทั่วไปพบเห็นหรืออ่านข้อความแล้วจะเข้าใจเช่นนั้น อีกทั้งการสืบพยานหลักฐานของโจทก์ก็ไม่พิสูจน์ว่าจำเลยกระทำผิด และเมื่อรับฟังไม่ได้ว่ากระทำผิดตามฟ้องแล้ว จำเลยจึงไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ด้วย #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#ศาลฎีกา#ทักษิณชินวัตร#ม112

Read More

โดย 10 นาฬิกาวันนี้ (22 ส.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 902 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบันที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิด ฐานดูหมิ่นสถาบันตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือ ม.112 และความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 กรณีห้สัมภาษณ์สื่อทีวีประเทศเกาหลีใต้ พาดพิงดูหมิ่นสถาบันกษัตริย์ เมื่อปี 2558 หลังศาลอาญาสืบพยานโจทย์-จำเลยเสร็จเมื่อวันที่ 16 กรกฏาคมที่ผ่านมา สำหรับบรรยากาศช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ประจำศาลนำแผงเหล็กมากั้นเป็นรั้วบริเวณทางขึ้นด้านหน้าอาคารศาลอาญา กำหนดพื้นที่ทางเข้า-ออก และมีตำรวจศาล ตำรวจ สน.พหลโยธิน มาดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยอย่างเข้มงวด พร้อมกำหนดจุดสำหรับสื่อมวลชน ไม่อนุญาตให้ไปจุดอื่นเกินกว่าที่ศาลจัดไว้ ส่วนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ที่เมื่อวาน ศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวน คดีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุนเซน ว่าเข้าข่ายความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และการฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ กระทั่งมีข้อเรียกร้องให้นางสาวแพทองธารลาออกนั้น นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ถึงโอกาสของ อุ๊งอิ๊งค์ จะลาออกก่อนมีคำวินิจฉัย 29 สิงหาคม ตั้งแต่ครั้งแรกวันที่คลิปเสียงหลุดเผยแพร่บนสื่อโซเชียล จนถึงเมื่อวานนี้ที่เป็นวันเกิดของก็เป็นโอกาสหนึ่ง ที่นางสาวแพทองธาร ลาออกเพื่อเป็นของขวัญให้กับประชาชนคนไทย และได้ปลดปล่อยตัวเองไม่ต้องทนทุกข์ ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องกังวล และเป็นโอกาสที่ทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากคดีไปด้วย และครั้งต่อไปน่าจะเป็นครั้งสุดท้าย คือก่อนวันที่ 29 สิงหาคมที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดลงมติ-อ่านคำวินิจฉัย สามารถเขียนใบลาออกได้จนถึงวันที่ 28 สิงหาคม ถ้าหากว่านางสาวแพทองธารลาออก ยังไม่สายเกินไปและเชื่อว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดของนางสาวแพทองธาร “ผมจึงสนับสนุนให้นางสาวแพทองธาร ตัดสินใจลาออกจากนายกรัฐมนตรี ก่อนถึงวันศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยครับ” #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #รัฐบาลเพื่อไทย #รัฐบาลแพทองธาร #ศาลรัฐธรรมนูญ #ทักษิณชินวัตร #แพทองธารชินวัตร #คลิปเสียงแพทองธารฮุนเซน #ฮุนเซน #ศาลอาญารัชดา #ม112

Read More

สุพรรณบุรีกลายเป็นเวทีทดลองสำคัญของการพลิกโฉมการทำนาไทย เมื่อ ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน รองประธานคณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ลงพื้นที่เยี่ยมชมแปลงนาทดลองของ บริษัทนาเฮียใช้ จำกัด ร่วมกับ บริษัทซีบริงค์ จำกัด ภาพตรงหน้าคือแปลงนาข้าวที่ต้นแข็งแรง รวงข้าวสวยเสมอกันทั้งแปลง จนทำให้เขาต้องถามว่า “ทำได้อย่างไร” ⸻ ความสำเร็จจากการให้ปุ๋ยทางใบ คำตอบคือ เมล็ดพันธุ์คุณภาพสูง และการจัดการดิน–น้ำ–ปุ๋ยที่แม่นยำ โดยครั้งนี้ บริษัทซีบริงค์ทดลองใช้ โดรนพ่นปุ๋ยทางใบ แทนการหว่านปุ๋ยเม็ดแบบดั้งเดิม วิธีนี้ทำให้ข้าวดูดซับสารอาหารได้ตรงจุด ต้นแข็งแรง ต้านทานโรคและแมลง ลดการใช้สารเคมี และต้นทุนก็ต่ำลง “นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนวิธีการให้ปุ๋ยในอนาคต” ศ.ดร.กนก ระบุ พร้อมชี้ว่าผลลัพธ์ที่แท้จริงต้องวัดจากรายได้ของชาวนาว่าเพิ่มขึ้นจริงหรือไม่ ⸻ 5 ปัญหาใหญ่ที่กดข้าวไทย ในการแลกเปลี่ยนกับนักวิชาการและเจ้าหน้าที่บริษัท ศ.ดร.กนก สรุป 5 ประเด็นที่ทำให้ข้าวไทยแข่งขันไม่ได้ คือ 1. พันธุ์ข้าวไทยล้าหลัง พัฒนาไม่ทันคู่แข่งอย่างเวียดนาม 2. วิธีปลูกเหมือนเดิมกว่า 40-50 ปี ดินสะสมสาร P และ K จนข้าวดูดปุ๋ยได้น้อยลง 3. ใช้สารเคมีเกินมาตรฐาน ส่งผลต่อสุขภาพชาวนา ค่าพิษในเลือดสูงเกือบ 100% 4. นโยบายรัฐทำชาวนาอ่อนแอ ทั้งจำนำข้าวและประกันรายได้ ไม่ช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน 5. ประเทศคู่แข่งผลิตเองได้ ทั้งผู้ซื้อเก่าอย่างอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และผู้ส่งออกอย่างอินเดีย เวียดนาม ทำให้ไทยเสียตลาดสำคัญ ⸻ วิกฤตใหญ่กว่าชายแดน ศ.ดร.กนก เน้นย้ำว่า ปัญหาข้าวไทยไม่ใช่ของกระทรวงหรือรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง แต่เป็นโครงสร้างของระบบเกษตรและการค้าที่กดทับเกษตรกรมาอย่างยาวนาน “วิกฤตข้าวที่ไทยเผชิญ สร้างความเสียหายต่อประเทศมากกว่าวิกฤตที่ชายแดนไทย–กัมพูชาเสียอีก” ⸻ ที่มา: Facebook ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#กนกวงษ์ตระหง่าน#ข้าวไทย#ข้าวเวียดนาม#วิกฤตข้าวไทย#ความสามารถในการแข่งขันของชาวนาไทย

Read More

สภาองค์กรของผู้บริโภค แถลงความคืบหน้าในการฟ้องคดีต่อศาลปกครองให้มีคำสั่งเพิกถอนค่าใช้จ่ายภาครัฐที่สนับสนุนผู้ผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน หรือ Adder หลังจากพบว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องมีค่า Adder เพื่ออุ้มภาคเอกชนในการผลิตไฟฟ้า และให้ประชาชนแบกรับค่าไฟฟ้าแพงอีกต่อไป นางสาวรสนา โตสิตระกูล กรรมการนโยบาย สภาองค์กรของผู้บริโภค ผู้เชี่ยวชาญด้านบริการสาธารณะ พลังงาน และสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันเทคโนโลยีผลิตไฟฟ้าหมุนเวียนถูกลง จนหมดความจำเป็นจ่ายค่า Adder อุ้มเอกชนอีกแล้ว และการตัดค่า Adder จะลดค่า FT ได้ 17 สตางค์/หน่วย หรือ 37,400 ล้านบาทต่อปี เพื่อช่วยลดภาระค่าไฟให้กับประชาชน แต่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธานอ้างติดสัญญากับเอกชน สภาองค์กรของผู้บริโภคจึงตั้งเรื่องฟ้องศาลปกครองเพื่อให้ยกเลิกค่า Adder เพื่อลดค่าไฟฟ้าให้กับประชาชน ด้าน ศ.ดร.บรรเจิด สิงคะเนติ อดีตกรรมการปฏิรูปกฎหมาย เปิดข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อชี้ให้เห็นว่ามีการกระทำที่ขัดกับกฎหมาย พร้อมระบุการที่รัฐยังคิดค่า PE หรือค่าใช้จ่ายตามนโยบายรัฐ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เอกชนเพื่อผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นแล้ว เป็นการผลักภาระเกินสมควรและไม่มีข้อจำกัดให้ประชาชนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นเป็นเหตุผลสมควรฟ้องให้รัฐให้ดำเนินการเพิกถอน เพื่อลดภาระของประชาชนในการจ่ายค่าไฟฟ้า ขณะที่นางสาว ส.รัตนมณี พลกล้า ทนายความบอกตอนนี้รวบรวมหลักฐานเพื่อฟ้องคดีกับศาลปกครองเสร็จภายในสิ้นเดือนนี้ และสภาฯ จะยื่นฟัองประมาณต้นเดือนหน้าต่อไป #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #ไฟฟ้าประชาชน #พลังงานเพื่อทุกคนไม่ใช่แค่ทุน #กพช #กกพ #ค่าไฟแพงเพราะใคร #สิทธิของเราเราต้องรักษา #ฟ้องPE #หยุดค่าAdder #สภาองค์กรของผู้บริโภค

Read More

องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ไต่สวนพยานบุคคลกรณีที่ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องของ สว.ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรี ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยเริ่มไต่สวน นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการ สมช. เป็นคนแรก และตามด้วยนางสาวแพทองธาร โดยให้ นายวิรุฬห์ แสงเทียน และนายนภดล เทพพิทักษ์ ทำการไต่สวน ทั้งนี้ศาลไม่อนุญาตให้มีการถ่ายทอดภาพและเสียงในการไต่สวน เนื่องจากพยานบุคคลที่มาให้ถ้อยคำเป็นพยานคู่ และเป็นคดีที่เป็นความลับเกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ พร้อมย้ำเป็นความลับความมั่นคง สั่งห้ามเปิดเผยรายละเอียดการไต่สวน-บิดเบือนข้อกฎหมายทำสังคมสับสน #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#แพทองธาร#แพทองธารชินวัตร#ทักษิณ#ทักษิณชินวัตร#วิบากกรรมตระกูลชิน#พิจารณาคดี#คลิปเสียงสนทนา#ศาลรัฐธรรมนูญ

Read More

คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย จัดกิจกรรม “แสดงพลังปกป้องอธิปไตยไทย” บริเวณด้านหน้ารัฐสภา เพื่อเกาะติดญัตติด่วนในสภาผู้แทนราษฎร เกี่ยวกับบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543 และ 2544 ระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นประเด็นที่เชื่อว่าเป็นต้นตอของปัญหาข้อพิพาทเขตแดนไทย–กัมพูชา ในพื้นที่ทางบก และพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลที่มีทรัพยากรพลังงานมหาศาล คณะรวมพลังแผ่นดินฯ ยังเรียกร้องให้ทั้งรัฐบาลและทุกพรรคการเมือง ตระหนักว่า MOU 43–44 มีผลกระทบต่อประเทศ จนเกิดเหตุการณ์ปะทะชายแดนหลายครั้ง และเห็นว่าญัตติ MOU 43–44 เป็นโอกาสสำคัญที่ประชาชนควรติดตาม หากรัฐสภาปล่อยให้มีข้อตกลงระหว่างประเทศ โดยไม่ผ่านความเห็นชอบของประชาชน เท่ากับละเลยหน้าที่ที่แท้จริงในการปกป้องชาติ ขณะที่ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่าพรรคสนับสนุนการยกเลิก MOU 2543 และ MOU 2544 เพราะมีข้อบกพร่องร้ายแรง ทั้งการใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ที่ทำให้ไทยเสียเปรียบทางการเจรจา รวมถึงการเปิดช่องให้ไทยต้องแบ่งผลประโยชน์ใต้เกาะกูดให้แก่กัมพูชา ทั้งที่เป็นของไทยโดยชอบธรรม พร้อมย้ำประเทศไทยสามารถประกาศยกเลิก MOU ได้ทันทีโดยไม่ต้องรอความเห็นชอบจากกัมพูชา พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลหยุดอ้างข้อจำกัดที่ไม่มีอยู่จริง ที่สำคัญที่สุดคือการบริหารบ้านเมืองต้องตั้งอยู่บนรากฐานของ “ชาติและประชาชน” ไม่ใช่ผลประโยชน์ส่วนตนหรือครอบครัว #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #ชุมนุมหน้ารัฐสภา #แพทองธารชินวัตร #mou43 #ทักษิณชินวัตร #รวมพลังแผ่นดิน #mou44 #ไทยกัมพูชา #รัฐสภา

Read More

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ไปปรากฎตัวที่ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ปากคำหลังได้รับการนัดไต่สวนคดีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุนเซน ผู้นำกัมพูชา โดยเจ้าตัวสวมสูทสีดำ โดยมีทีมที่ปรึกษา และนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามีติดตามมาด้วย ซึ่งนางสาวแพทองธารยังคงยิ้มทักทายสื่อมวลชนที่มาติดตามรายงานข่าว สำหรับการไต่สวนจะเริ่มขึ้นในเวลา 10 นาฬิกา 30 นาที ขณะที่บริเวณโถงกลางของอาคาร ตำรวจนำรั้วเหล็กมาตั้งจำกัดขอบเขต และเข้าตรวจสอบพื้นที่เพื่อความปลอดภัย ส่วนบริเวณศาลรัฐธรรมนูญ เจ้าหน้าที่นำจอโทรทัศน์มาติดตั้งถ่ายทอดบรรยากาศภายในห้องพิจารณาไต่สวน โดยมีสื่อมวลชนหลายสำนักมาเกาะติดรายงานข่าวการไต่สวนในวันนี้ ส่วนโดยรอบมีกำลังตำรวจจากกองบังคับการตำรวจนครบาลดูแลความเรียบร้อย ทั้งนี้ศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนพยาน 2 ปาก โดยมีนางสาวแพทองธาร และนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการ สมช. ในคดีที่ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรี ของนางสาวแพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากกรณีคลิปเสียงบทสนทนากับสมเด็จฯฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา หลังจากการไต่สวนวันนี้แล้ว ศาลรัฐธรรมนูญจะนัดประชุมแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติในช่วงเช้า ก่อนที่ 15 นาฬิาเป็นต้นไปจะอ่านคำวินิจฉัยคดีดังกล่าว #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #แพทองธาร #แพทองธารชินวัตร #ทักษิณ #ทักษิณชินวัตร #วิบากกรรมตระกูลชิน #พิจารณาคดี #คลิปเสียงสนทนา #ศาลรัฐธรรมนูญ

Read More

เป็นวันสำคัญสำหรับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ที่ ศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนพยานคดีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุนเซน ซึ่งนอกจากนางสาวแพทองธารแล้วยังมีนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช.อีก 1 คน ซึ่งจะเริ่มในเวลา 10 นาฬิกาวันนี้ และเชื่อว่านางสาวแพทองธารจะเดินทางไปศาลด้วยตัวเอง หลังจากเธอเก็บตับเงียบ งดภารกิจต่างๆ เช่นลาประชุม ครม.2 สัปดาห์ติดต่อกัน ไม่เข้าประชุมพรรค และไม่ให้สัมภาษณ์มาตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม รวมถึงเมื่อวานที่ยกเลิกเข้าทำงานที่กระทรวงวัฒนธรรม ขณะที่วันนี้ที่นางสาวแพทองธารต้องเข้าให้ปากคำศาลรัฐธรรมนูญ ก็เป็นวันที่ตรงกับวันคล้ายวันเกิดครบ 39 ปีอีกด้วย โดยนางสาวพิณทองทา ชินวัตร พี่สาวได้โพสต์ไอจีภาพนายทักษิณ นางสาวพิณทองทา นางสาวแพทองธาร พร้อมสามีเข้าเฝ้าสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาปรินายก เพื่อถวายเครื่องสักการะ ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบ 39 ปี ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งตรงกับวันที่ 21 สิงหาคม ล่าสุดเป็นภาพทั้งคู่ไปทำบุญ พร้อมอวยพร พร้อมระบุด้วยว่า “ให้มีสติและทำทุกอย่างด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ตั้งใจทุ่มเททำเพื่อประเทศและทุกคนแบบที่น้องทำมาตลอด…พี่เชื่อมั่นว่า “เจตนาที่บริสุทธิ์ และความเสียสละ ของน้องจะเป็นบุญอันใหญ่หลวงที่ปกป้อง ให้น้องผ่านทุกอุปสรรคไปได้ด้วยดี ” สำหรับการไต่สวนคดีของศาลรัฐธรรมนูญวันนี้ ศาลฯ ไม่อนุญาตให้ถ่ายทอดสดตามที่กลุ่มของนายสมชาย แสวงการ อดีต สว.ยื่นคำร้อง แต่จะถ่ายทอดภาพ-เสียงในช่วงแรกและช่วงสุดท้ายออกมาเท่านั้น โดยในช่วงการไต่สวนงดถ่ายทอดทุกกรณี ขณะที่จะอนุญาตผู้เข้าฟังการไต่สวนเป็นรายบุคคล หลังการไต่สวนแล้วศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือและลงมติในวันศุกร์ที่ 29 สิงหาคมในช่วงเช้า จากนั้นนัดฟังคำวินิจฉัยในเวลา 15 นาฬิกา ณ ห้องพิจารณาคดี ชั้น 3 ศาลรัฐธรรมนูญ ขอบคุณ IG:aimpintongta #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #แพทองธาร #แพทองธารชินวัตร #ทักษิณ #ทักษิณชินวัตร #วิบากกรรมตระกูลชิน #พิจารณาคดี #คลิปเสียงสนทนา

Read More