Author: Writer Publisher

กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เปิดปฏิบัติการ “รื้อเหมืองขุดบิตคอยน์ลับ” (Bitforge Operation) บุกทลายเหมืองขุดบิทคอยน์เถื่อน 3 แห่ง ในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ทำรัฐสูญเสียรายได้กว่า 500 ล้านบาท โดย พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจค้นโกดัง 3 แห่ง ใน จ.สมุทรสาคร ซึ่งต้องสงสัยว่าใช้เป็นสถานที่ลักลอบใช้ไฟฟ้าเพื่อตั้งเหมืองขุดเงินดิจิทัลผิดกฎหมาย สืบเนื่องจาก DSI ได้รับการร้องเรียนจาก กฟภ. เขต 3 (ภาคกลาง) ว่าพบการใช้ไฟฟ้าผิดปกติในโกดังหลายแห่ง ตรวจสอบพบว่าเป็นเครือข่ายขุดบิทคอยน์เถื่อนที่ใช้ไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ดำเนินการมาแล้วประมาณ 3 ปี ทำให้รัฐเสียหายกว่า 500 ล้านบาท จากการสืบสวนพบว่ามีเครือข่ายผู้ลักลอบกระทำความผิด ใช้โกดังลักษณะทำเป็นโรงงาน 3 แห่ง ใน จ.สมุทรสาคร เจ้าหน้าที่จึงได้ขอหมายค้นเข้าทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบเครื่องขุดสกุลเงินดิจิทัลรวม 1,788 เครื่อง จุดที่ 1 โกดังในพื้นที่ตำบลนาดี อำเภอเมือง จำนวน 396 เครื่อง จุดที่ 2 ในพื้นที่ตำบลบ้านเกาะ อำเภอเมือง จำนวน 462 เครื่อง จุดที่ 3 ตำบลท่าทราย อำเภอเมือง จำนวน 930 เครื่อง โดยปฏิบัติการครั้งนี้สามารถยึดเครื่องมืออุปกรณ์ในการขุดบิทคอยน์ได้มากที่สุดเท่าที่เคยจับกุมมา การกระทำดังกล่าวไม่เพียงแต่ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ แต่ยังกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและพลังงานของประเทศ ถือว่าเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลให้ความสำคัญ DSI จะดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด พร้อมขยายผลการสืบสวนเพิ่มเติม อธิบดี DSI ขอความร่วมมือเจ้าของและผู้พักอาศัยในอาคารพาณิชย์ ช่วยสังเกตพื้นที่โดยรอบ หากพบสิ่งผิดปกติหรือสถานที่ต้องสงสัย ให้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าเกี่ยวข้อง จะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด เพื่อรักษาผลประโยชน์และความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ

Read More

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ The Publisher ผ่านรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ดำเนินรายการโดย “สมจิตต์ นวเครือสุนทร” ถึงกรณีการตัดไฟฟ้าไปยังประเทฒเมียนมาจุดที่ตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ยังหาบทสรุปไม่ได้ว่า ไม่คิดว่าจะยากขนาดนี้เพราะสามารถดำเนินการได้ เนื่องจากทุกอย่างชัดเจนถึงขั้นทางการจีนเองก็พยายามเข้ามาเชิงรุกมากขึ้น ทุกอย่างก็น่าจะพร้อมแล้ว “อำนาจทั้งหมดอยู่ที่การไฟฟ้าฯ ถ้าไม่ตัดมหาดไทยที่กำกับดูแลก็สั่งการได้ แต่นายอนุทิน แต่ก็ยังอ้างว่าต้องรอคำสั่ง โยนไปหาหน่วยงานด้านความมั่นคง ทั้งที่เขาไม่ได้มีอำนาจในการสั่งการ ทำได้เพียงให้ความเห็น ถ้าให้ความเห็นไม่ตรงกันก็อาจเข้าทางดึงเรื่องกันไปมาอีก คนรับกรรมคือประชาชน และที่มีการดึงเรื่องออกไป ผมคิดว่าไปเจอตอผลประโยชน์เพราะผลประโยชน์ในเมียวดีมีเยอะ ทั้งกาสิโน และธุรกิจผิดกฎหมายอื่น เพราะถ้าตัดไฟที่เมียวดีก็ดับกันทั้งเมือง อาจเป็นตอสำคัญที่ทำให้รัฐบาลยังไม่ขยับ” นายรังสิมันต์ โรม กล่าว ปธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ ยังวิพากษ์การบริหารของรัฐบาลในการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่า การที่มีมติครม.ตั้งแต่รัฐบาลเศรษฐาเมื่อวันที่ 2 เม.ย. 66 ให้ทั้งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการประปาส่วนภูมิภาค ตัดไฟฟ้าและน้ำประปา แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ อีกทั้งยังมีการเปิดข้อมูลจากการไฟฟ้าฯ ว่าทำหนังสือไปหลายหน่วยงานแต่ทุกอย่างเงียบไม่ได้รับคำตอบกลับมา สะท้อนความล้มเหลวและไม่เอาจริงเอาจังในการแก้ปัญหา มติครม.แทบไม่มีผลอะไร เพราะหน่วยปฏิบัติไม่ปฏิบัติตาม แต่ความจริงทั้งการไฟฟ้าฯ และการประปาฯ ดำเนินการตามมติครม.ได้เลย ถ้าจะถามใครก็อาจถามไปที่กระทรวงมหาดไทยในฐานะเป็นผู้กำกับดูแล จึงคิดว่าไม่จำเป็นต้องรอหน่วยงานอื่นเพราะเป็นความรับผิดชอบโดยตรงอยู่แล้ว จะดำเนินการให้แล้วเสร็จเมื่อไหร่ ต้องชี้แจงกับประชาชน “ผมมองเรื่องนี้ด้วยจความเศร้า ประชาชนหลายคนยังไม่มีไฟฟ้าใช้ กว่าจะได้ไฟฟ้ายากเย็นแสนเข็ญ บางคนไม่มีเงินจ่ายไฟฟ้า ที่บ้านมีผู้ป่วยติดเตียงยังโดนยกหม้อ แบบนี้การไฟฟ้าฯ เร็วมาก แต่พอเป็นเรื่องตัดไฟฟ้าตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับดูยากเย็น กระบี่เป็นของคุณอนุทิน แต่เขาเลือกที่จะไม่ใช้อ้างต้องรอคำสั่งนายกฯ เท่ากับมอบกระบี่ให้คุณอุ๊งอิ๊งค์ ก็รอดูว่าคุณอุ๊งอิ๊งค์จะใช้กระบี่นี้มั้ย สำหรับผมใครก็ได้สักคนทำให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ทำงานไม่ได้ง่ายดายแบบนี้ แต่สุดท้ายแล้วผมคิดว่านายกฯ ก็ต้องลงมาจัดการปัญหาด้วยตัวเอง เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ช้าก็เร็วนายกฯ ต้องเข้ามาดู ไม่อย่างนั้นประเทศเดินต่อไม่ได้” ปธ.กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ กล่าว นายรังสิมันต์ ยังเปิดข้อมูลน่าสนใจสามประเด็น ไล่ตั้งแต่ตัวละครสำคัญที่อาจเกี่ยวพันเรื่องผลประโยชน์ในเมียวดี ซึ่งเป็นนายตำรวจยศพลตำรวจตรีชื่อย่อ ต. เป็นผู้ยิ่งใหญ่ในเมียวดี เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นอยู่ใน “เมียวดีคอมเพล็กซ์“ ซึ่งเป็นกาสิโนของคนไทยที่มีชื่อเสียง และเป็นนายตำรวจที่ยังรับราชการอยู่ด้วย เพราะอาจทราบข้อมูลที่พัวพันไปถึงเรื่องยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วย จึงอยากให้ ผบ.ตร.ตรวจสอบเพื่อล้างบางธุรกิจสีเทา อย่างไรก็ตาม กมธ.ฯ…

Read More

นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่ผ่านมา มีมติเอกฉันท์รับหลักการร่าง พ.ร.บ. การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการเดินทางของประชาชน โดยสามารถใช้บัตรใบเดียวเดินทางได้ทุกระบบขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟ, รถไฟฟ้า, รถเมล์ และเรือโดยสาร ร่าง พ.ร.บ. จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวาระที่ 2 และ 3 และคาดว่าจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาในกลางปี 2568 โดยมี 5 หลักการสำคัญ ได้แก่ การจัดทำมาตรฐานทางเทคโนโลยี, กำหนดอัตราโดยสารร่วม, การจัดตั้งกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม, กำหนดผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตเพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองทุน และในกรณีมีความจำเป็นให้ตรา พ.ร.ก. กำหนดให้มีการประกอบกิจการขนส่งสาธารณะใดเป็นกิจการที่ต้องใช้ระบบตั๋วร่วม และต้องได้ใบรับอนุญาตตามกฎหมายฉบับนี้ ขณะที่ร่างกฎหมายลำดับรอง เตรียมรับฟังความเห็น และเสนอประกาศกฎหมายลำดับรองภายในเดือน ก.ย. 68 เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายครบทุกสี ทุกสาย ทุกเส้นทาง ผ่านการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วมต่อไป พ.ร.บ. นี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อลดค่าใช้จ่ายและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในขณะเดียวกันก็ช่วยส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามเป้าหมายของรัฐบาล

Read More

เป็นภาพที่กระทรวงแรงงานนำมาเปิดเผย ซึ่งจะเห็นว่าทั้ง 5 คนประกอบด้วย นายวัชระ ศรีอ้วน อายุ 32 ปี ภูมิลำเนาเป็นชาวจังหวัดอุดรธานี นายพงษ์ศักดิ์ แทนนา อายุ 35 ปี ภูมิลำเนาเป็นชาวจังหวัดบุรีรัมย์ นายเสถียร สุวรรณคำ อายุ 34 ปี ภูมิลำเนาเป็นชาวจังหวัดหนองบัวลำภู นายสุระศักดิ์ ลำเนา อายุ 30 ปี ภูมิลำเนาเป็นชาวจังหวัดอุดรธานี และนายบรรณวัชร แซ่ท้าว ภูมิลำเนาเป็นชาวจังหวัดน่าน ซึ่งอยู่ที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล หลังถูกกลุ่มฮามาสจับตัวไปตั้งแต่ตุลาคม 2566 และได้รับการปล่อยตัวเมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา ทุกคนแข็งแรงและยิ้มแย้มแจ่มใส โดยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน บอกทั้ง 5 คนได้รับการประเมินทางการแพทย์เบื้องต้นแล้ว ทุกคนปลอดภัยสุขภาพจิตยังดีอยู่ พูดคุยได้เป็นปกติ ขณะนี้อยูที่โรงพยาบาล Shamir Medical Center (Assaf Harofe) โดยทางการอิสราเอลขอให้พักรักษาตัว อย่างน้อย 7 วัน สำหรับสิทธิประโยชน์ที่แรงงานไทยทั้ง 5 คนจะได้รับหลังถูกปล่อยตัวคือเงินชดเชยจากสถาบันประกันภัยอิสราเอล ซึ่งทายาทขอรับสิทธิประโยชน์เรียบร้อยแล้ว เงินชดเชยกรณีถูกเลิกจ้าง หรือเงินปิซูอิม และหากเป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ จะได้รับเงินสงเคราะห์กรณีเดินทางกลับประเทศจากภัยสงคราม จากกรมการจัดหางาน และสิทธิประโยชน์ประกันสังคม ทั้งนี้เหลือตัวประกันไทยอีก 1 คนที่ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันสถานะได้ โดยกระทรวงการต่างประเทศ ระบุจะพยายามเร่งดำเนินการการช่วยเหลือตัวประกันที่เหลือ โดยจะประสานงานกับทางการอิสราเอลและมิตรประเทศอื่นๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ได้รับการปล่อยตัวอย่างปลอดภัยโดยเร็วที่สุด

Read More

นางรุ่ง มัลติกะมาส รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) หรือ แบงก์ชาติ เปิดเผยว่า ธปท. ยกระดับมาตรการป้องกัน “บัญชีม้า” สกัดภัยทุจริตทางการเงิน หลังพบมิจฉาชีพใช้กลโกงใหม่ ๆ ธปท. สั่งห้ามโอนเงินเข้า-ออก บัญชีต้องสงสัย พร้อม 3 มาตรการกวาดล้างเข้มข้น ได้แก่ กวาดล้างบัญชีม้าให้มากขึ้น: ปรับเงื่อนไขให้ครอบคลุมพฤติกรรมมิจฉาชีพที่เปลี่ยนไป จัดการบัญชีม้าระดับบุคคลเข้มข้นขึ้น: ระงับการโอนเงินและปฏิเสธการเปิดบัญชีใหม่ รวมถึงบัญชีที่มีความเสี่ยงสูง ขยายการจัดการในวงกว้างขึ้น: แลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีต้องสงสัยระหว่างธนาคารโดยวันนี้ (31 ม.ค. 68) จะเป็นวันแรกที่ให้ทุกสถาบันการเงิน ห้ามทำธุรกรรม หรือห้ามโอนเงินเข้าบัญชีต้องสงสัย เป็นบัญชีม้า โดยหากเป็นบัญชีต้องสงสัยจะไม่สามารถโอนเงินเข้าบัญชีดังกล่าวได้ และธนาคารจะมีการส่งแจ้งเตือนถึงผู้ใช้บริการทางการเงิน ว่าบัญชีดังกล่าวเสี่ยงเป็นมิจฉาชีพ หรือเป็นบัญชีที่มีความเสี่ยง ซึ่งหลังจากนี้จะเห็นสถาบันการเงิน ร่วมกันแชร์ข้อมูลบัญชีม้า และบัญชีต้องสงสัยร่วมกันทั้งระบบได้ เพื่อให้เห็นบัญชีต้องสงสัยทั้งระบบร่วมกัน จากเดิมที่ แบงก์ไม่สามารถแชร์ข้อมูลร่วมกันได้ เหล่านี้เพื่อป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นจากบัญชีม้าในอนาคต เพื่อสกัดความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงที ทั้งการระงับการโอนเงินเข้า ระงับการโอนเงินออก และห้ามเปิดบัญชี หากมีพฤติกรรมสงสัยว่า เสี่ยงเป็นบัญชี “ม้า” ดำ ม้าน้ำตาลเข้ม ม้าเทาต่างๆ นอกจากนี้ ธปท. สั่งธนาคารพัฒนาการจัดการบัญชีม้าต่อเนื่อง พร้อมย้ำทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน หากฝ่ายใดละเลย ควรต้องแสดงความรับผิดชอบและชดเชยความเสียหาย

Read More

แชร์ว่อนโซเชียล คำพูดหลิวจงอี ผู้ช่วยรมว.ความมั่นคงและสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน 為什麼你對照顧自己的國家不感興趣 ? “ทำไมท่านไม่ค่อยสนใจการดูแลบ้านเมืองของท่านบ้างเลย?” จนทำให้พล.ต.ท. ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. นั่งไม่ติด สอบถามไปยัง Mr.Zhao Yongning ผู้ช่วยทูตตำรวจประจำสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ซึ่งทำหน้าที่เป็นล่ามภาษาจีนและภาษาไทยที่ติดตามคณะ นายหลิว จงอี้ ตลอดการเดินทางมาเยือนประเทศไทย ได้รับคำยืนยันว่า ยืนยันทางรัฐมนตรีหลิว ชงอี้ ไม่เคยพูด หรือมีคำพูดที่สื่อสารไปในเชิงลักษณะดังกล่าว พร้อมย้ำว่า การเยือนประเทศไทยในครั้งนี้เพื่อแสวงหาความร่วมมือในการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมข้ามชาติที่สร้างความเสียหายให้กับพี่น้องประชาชนชาวไทยและประชาคมโลก และเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างทางการไทยและทางการประเทศจีน ขณะที่ปฏิกริยาของโลกออนไลน์มีทั้งคนที่เชื่อว่านายหลิวพูดจริง และคนที่มองว่าเป็นข่าวปลอม บางส่วนแสดงความเห็นว่า หากเป็นเรื่องจริงก็ถือเป็นการดูถูกประเทศไทย ในขณะที่บางส่วนเรียกร้องให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนที่จะวิพากษ์วิจารณ์ สำหรับ “หลิว จงอี” นอกจากจะเข้าพบกับตำรวจชั้นผู้ใหญ่ของไทยแล้ว ยังได้ลงพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ที่อยู่ตรงข้าม อ.แม่สอด ที่เป็นจุดเคเคพาร์ก ตรงข้ามบ้านแม่กุใหม่ท่าซุง ตำบลแม่กุ และชเวโก๊กโก่ ตรงข้ามบ้านวังแก้ว ตำบลแม่ปะ อำเภอแม่สอดด้วย และมีแผนที่จะทำงานร่วมกับฝ่ายไทย ด้วยการส่งชุดสืบสวนของจีนลงพื้นที่ชายแดน มีสถานที่ทำงานร่วมกัน รวมทั้งจะมีการฟื้นฟูการท่องเที่ยวระหว่างจีนกับไทย และขอให้ฝ่ายไทยช่วยปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีอยู่มากถึง 50,000 รายในพื้นที่ฝั่งจังหวัดเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมา ตลอดจนตัดน้ำ ตัดไฟ รวมไปถึงเส้นทางการเงินด้วย

Read More

ความพยายามที่จะทวงความยุติธรรมให้กับ “แตงโม” ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ที่เสียชีวิตไปเกือบสามปียังไม่ยุติ แม้ในทางคดีใกล้จะสิ้นสุด โดยยังไม่มีข้อมูลหรือหลักฐานจากฝั่งที่คิดว่าการเสียชีวิตของ “แตงโม” เป็นอำพรางเข้าสู่สำนวน แต่ก็ยังไม่ถึงกับไร้ความหวัง เนื่องจากดีเอสไออยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามคำร้อง หากพบว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมในคดีนี้ ก็อาจส่งเรื่องไปให้อัยการเพื่อเพิ่มเติมสำนวนเข้าสู่ชั้นศาลฯ ที่กำลังอยู่ระหว่างพิจารณาคดี เรื่องลึกที่เริ่มไม่ลับ ถูกเปิดเผยโดย อัจฉริยะ เรืองรรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลืออาชญากรรม เปิดแบบหมดเปลือก มาทวงความยุติธรรมคดีนี้ ตามคำร้องขอของ “พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล” ตั้งแต่ยังไม่ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. เพราะมีการกล่าวหาพาดพิงไปถึง พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ และพี่ชาย ดึงเอาสำนักพระราชวังเข้ามาเกี่ยวข้อง “อัจฉริยะ” ยังระบุว่าแรงจูงใจก่อคดีมาจากการล่วงละเมิดทางเพศ มีอดีตสว.บงการคดีแตงโม และลูกชายอดีตสว.คนนี้อยู่ในเหตุการณ์ด้วย พร้อมยืนยันมีคนอยู่เบื้องหลังเยอะ ไม่เกินสามเดือนน่าจะจับได้หมด “บุคคลนี้เคยเป็น อดีต สว.ชื่อดัง และมีอำนาจอย่างมากในอดีต ตำรวจที่ต้องการวิ่งเต้น เพื่อเลื่อนตำแหน่งหรือโยกย้ายล้วนต้องผ่านบุคคลนี้จึงจะสำเร็จ บุคคลดังกล่าวยังเป็นนักการเมืองระดับประเทศ และมีลูกชายเป็นตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีแตงโม คดีนี้ยังเชื่อมโยงกับกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและเว็บพนันออนไลน์ รวมถึงกลุ่มที่จัดปาร์ตี้บนเรือ ซึ่งมีพฤติกรรมล่อลวงผู้หญิงเป็นประจำ สาเหตุที่ทำให้ แตงโม ตกเป็นเหยื่อ อาจเป็นเพราะล่วงรู้ความลับบางอย่างเกี่ยวกับขบวนการค้ายาเสพติดของบุคคลที่มีอำนาจ ส่งผลให้ถูกนำตัวไปขายในราคา 400,000 บาท” คำกล่าวของ “อัจฉริยะ” เป็นการเปิดตัวละครใหม่ ๆ ที่ถูกอ้างว่าเกี่ยวพันในคดีแตงโม ส่วนจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ของคดีนี้จาก “อุบัติเหตุ” เป็น “ฆาตกรรม” ได้หรือไม่ยังต้องรอดู

Read More

พรุ่งนี้ 1 กุมภาพันธ์ จะเป็นวันหย่อนบัตรเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด และสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด 47 จังหวัด ซึ่งต่างจากที่ผ่านๆ มาเพราะเป็นวันเสาร์ จากเดิมให้หย่อนบัตรกันในวันอาทิตย์ อีกทั้งการเลือกตั้ง อบจ.ไม่มีให้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า หรือนอกเขต จึงเชื่อว่าผู้ออกไปใช้สิทธิคราวนี้ลดลง เมื่อเทียบกับการเลือกตั้งในปี 2563 การเลือกตั้ง อบจ.ครั้งนี้ถูกจับตาเพราะบรรดาบิ๊กการเมืองต่างผันตัวเป็นผู้ช่วยหาเสียงกันคับคั่ง ต่างพาเหรดลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครในสังกัด และไม่ในสังกัดแต่รับรู้กันไปทั่วว่าอยู่พรรคไหน หวังกำชัยเบื้องต้น เพราะรู้กันดีว่าฐานเสียง สจ.และนายก อบจ.เป็นแรงขับชั้นดีของการเมืองระดับชาติ หากต้องการกวาดที่นั่ง สส.ในสภาฯ นี่คือจุดเริ่มต้นของการปักธงในพื้นที่ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นพรรคเก่าเจ้าเดิมในพื้นที่ หรือพรรคใหญ่ที่หวังส่วนแบ่งเก้าอี้จากบ้านใหญ่ แม้กระทั่งพรรคใหม่ที่ไม่เคยบริหาร อบจ.ก็หวังได้ซักเก้าอี้มาประเดิม และเชื่อว่าคืนนี้ กกต.ทั้งส่วนกลางและในพื้นที่ 47 จังหวัดต้องทำงานกันอย่างหนัก เพื่อป้องกันเสียงหมาหอนในคืนสุกดิบ ว่ากันว่าการเลือกตั้งวันพรุ่งนี้ จะกำหนดทิศทางการเมืองในภาพใหญ่ของแต่ละพรรคว่าจะเดินต่ออย่างไร เพราะเก้าอี้นายก อบจ.และ สจ.ในพื้นที่ จะเป็นหลักในการถักทอเครือข่ายเพื่อโยงใยฐานเสียงเข้าด้วยกัน เพื่อเป็นฐานสำคัญในการเลือกตั้งต่างๆ ในพื้นที่ และการเลือกตั้ง สส.ในภายภาคหน้า ทำให้วันพรุ่งนี้น่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง ไม่เพียงเท่านั้น หลังการเลือกตั้งเชื่อว่าจะมีปัญหาการร้องเรียนตามมาอีกอักโข ทั้งเรื่องการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งอย่างที่เป็นมา แต่ที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนคือการร้องว่านายทักษิณ ชินวัตร ที่เคยต้องโทษจำคุก และบรรดาแกนนำพรรคอนาคตใหม่-ก้าวไกลที่ถูกยุบและตัดสิทธิการเมือง ไปเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้ผู้สมัครนั้นทำได้หรือไม่ เป็นการกระทำผิดกฎหมายและรัฐธรรมนูญหรือไม่ เรื่องนี้ไม่เพียงกระทบกับผู้สมัครหากได้รับการเลือกตั้งที่ต้องหลุดจากเก้าอี้เท่านั้น หากถูกวางยาวไปถึงศาลรัฐธรรมนูญเมื่อถึงตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะไปถึงขั้นไหน นี่ก็ส่งผลกระทบต่อทิศทางการเมืองในกาลข้างหน้าเช่นกัน และไม่รู้ว่านั่นจะนำไปสู่ความวุ่นวายในภายหลังหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ มีอยู่พรรคหนึ่งที่สบายๆ ไม่เพียงรักษาฐานเสียงเดิม อบจ.ไว้ได้ บางพื้นที่อาจได้เพิ่มแบบฟลุกๆ จากคำร้องต่างๆ นั่นเท่ากับว่าพรรคนี้จะมีฐานเสียงทั้งระดับท้องถิ่น ระดับ สส. และ สว. นี่เรียกว่าครบทั้งกระบวนการ จะได้ว่านี่คือเสือนอนกินได้หรือไม่ อนันต์ จารุนันทภาคย์ รายงาน

Read More

นายเชาว์ มีขวด ทนายความ โพสต์เฟซบุ๊ก ‘Chao Meekhuad’ เรื่อง โค้งสุดท้าย “ร่อนพิบูลย์” เมืองคอน เงินสะพัดแจกหัวละ 500 ! มีเนื้อหาระบุว่า ขณะนี้ตนทราบว่ามีขบวนการทุจริตการเลือกตั้ง สจ. เขตเลือกตั้งที่ 2 อำเภอร่อนพิบูลย์ มีการล่ารายชื่อประชาชนมาหลายวันแล้ว ทำกันโจ่งแจ้ง ใช้หัวคะแนนซึ่งเป็น ผู้นำท้องที่ผู้นำชุมชน วันนี้เริ่มแบ่งสายเดินแจกเงินชาวบ้านคนละ 500 บาท โดยไม่เกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง ผมไม่ทราบว่า กกต. ซึ่งมีหน้าที่จับทุจริตเลือกตั้ง หายหัวไปไหนกันหมด เพราะมีการกระทำกันอย่างโจ่งแจ้ง แต่พวกท่านใส่เกียร์ว่าง หรือ พวกท่านรู้เห็นเป็นใจ เพราะผมทราบมาว่ามีนักการเมืองระดับชาติเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการซื้อเสียง เป็นเรืองที่เลวร้ายมากที่เกิดขึ้นกับอำเภอร่อนพิบูลย์ เห็นประชาชนเป็นผักเป็นปลาตีค่าแค่คนละ 500 บาท เพื่อเป็นบันไดเข้าสู่อำนาจ แล้วถอนทุนโกงกินงบประมาณภาษีของพี่น้องประชาชน คือวงจรอุบาทว์ทางการเมือง ทำให้ภาพพจน์ของอำเภอร่อนพิบูลย์เสียหาย ถ้าทำสำเร็จ ต่อไปอำเภอร่อนพิบูลย์อาจจะถูกเรียกอำเภอร่อนพิบูลย์ 500 “เรื่องนี้ผมจึงรับไม่ได้และขอเรียกร้องไปที่พี่น้องประชาชนที่รับเงินจากนักการเมืองที่ใช้เงินซื้อเสียง อย่าไปกาคะแนนให้ เพราะถ้าการคะแนนให้ เท่ากับ สนับสนุนให้เขาเข้าไปโกง เป็นวงจรอุบาทว์ทางการเมืองไม่รู้จักจบสิ้น อยากได้ตัวแทนประชาชน สุดท้ายอาจได้แค่กาฝากเข้าไปดูดเลือดชาวบ้านกลายเป็นห่วงโซ่แห่งความชั่วร้าย ฉุดรั้งไม่ให้บ้านเกิดของเราพัฒนา ทุกท่านสามารถกำจัดวงจรอุบาทว์ได้ด้วยการไม่เลือกคนที่ทุจริตเลือกตั้ง” นายเชาว์ ระบุทิ้งท้าย

Read More

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง ทำไม “อภิสทธิ์” ไปพัทลุง มีเนื้อหาระบุว่า มีการตั้งคำถามว่า ทำไมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถึงยอมเปลืองตัว ลงไปปราศรัยหาเสียงนายกอบจ.พัทลุง เมื่อวันที่ 29 มกราคม ที่สนามโรงเรียนพัทลุง ซึ่งหลายคนคงได้ฟังคำปราศรัยของนายอภิสิทธิ์ ทางสื่อโซเชียลไปบ้างแล้ว ส่วนตัวตนก็ลงพื้นที่เดินตลาดนัดเพื่อเช็คกระแส และไปให้กำลังใจคุณสาโรจน์ สามารถ ผู้สมัครนายกอบจ.พัทลุง ในช่วงวันที่ 23-25 มกราคม ที่ผ่านมา ผมไม่ได้ติดกำไลEM และความผิดของผมก็ไม่ได้เกี่ยวกับการซื้อเสียง ขอย้ำว่าไม่ได้ไปหาเสียง แต่ไปให้กำลังใจ ซึ่งมีเหตุผลในการลงพื้นที่จังหวัดพัทลุงดังนี้ 1.คุณสาโรจน์เป็นเพื่อนกับผม และได้มาช่วยงานท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะผู้ติดตาม และได้เป็นผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่ากรุงเทพมหานคร (พลตำรวจเอกอัศวิน ขวัญเมือง)มาแล้วด้วย 2.คุณสาโรจน์ตัดสินใจทำงานการเมืองในระดับท้องถิ่น โดยยึดมั่นอุดมการณ์ประชาธิปไตยสุจริต การเมืองสีขาว ไม่ซื้อเสียง ซึ่งตรงกับจุดยืนทางการเมืองของผม 3.คุณสาโรจน์ประกาศลงเลือกตั้งนายกอบจ. พัทลุง ในนามกลุ่มรักพัทลุง ไม่ได้สังกัดพรรคการเมืองใด การช่วยเหลือสนับสนุน จึงไม่ใช่การเลือกข้าง หรือสนับสนุนพรรคการเมืองใด 4.คุณสาโรจน์เคยเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์มาก่อน และตอนนี้ได้ลาออกแล้ว เราต่างก็เป็นศิษย์เก่าพรรคประชาธิปัตย์มาด้วยกัน ความผูกพันในฐานะคนอุดมการณ์เดียวกัน 5.คุณสาโรจน์ต้องการทำการเมืองแบบนครโมเดล ที่ผมเคยสนับสนุนจนประสบความสำเร็จมาแล้ว เมื่อมีการนำมาใช้กับการเมืองระดับท้องถิ่นจังหวัดพัทลุง จึงอยากเห็น“นครโมเดล”ประสบความสำเร็จในการเมืองท้องถิ่นของทุกจังหวัด 6.คุณสาโรจน์จะได้รับการสนับสนุนจากใคร กลุ่มการเมืองใด หรือพรรคการเมืองใด ก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละคน แต่ละกลุ่ม ไม่มีข้อผูกมัดหรือพันธะใดๆ ต้องแยกให้ออกระหว่างการเมืองท้องถิ่นกับการเมืองระดับชาติ 7.คุณสาโรจน์ลงสมัครแข่งขันกับรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่ใช่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่เรื่องของคนเคยอยู่พรรคประชาธิปัตย์ด้วยกัน มาแข่งขันกับคนของพรรคประชาธิปัตย์ปัจจุบัน “ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่ทำให้ผมต้องให้กำลังใจในการต่อสู้ทางการเมือง ของคุณสาโรจน์ สามารถ และผมคิดว่าการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปปราศรัยหาเสียงช่วยคุณสาโรจน์ ก็น่าจะมีเหตุผลไม่ต่างกับผมมากนัก ผมเป็นคนมีเพื่อน รักเพื่อน คำว่าเพื่อนไม่มีวันหมดอายุ รู้จักบุญคุณคน แม้แต่ใครเลี้ยงน้ำผมแก้วเดียว ก็ถือว่ามีบุญคุณกับผมแล้วครับ” นายเทพไท ระบุทิ้งท้าย

Read More