Author: Writer Publisher

เป็นรายงานของศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ที่สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ ตรวจพบความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชา ในบางพื้นที่พบการยั่วยุ และเจตนาก่อกวน ด้วยการพูดคุยเสียงดัง หรือร้องตะโกนกล่าวหาว่าฝ่ายไทยพยายามจะรุกล้ำเข้าพื้นที่ “หากเข้ามาระวังเหยียบกับระเบิด” ตรวจพบโดรน 5 ลำ พบรถบรรทุก และรถยนต์หลายคันวิ่งเข้ามาในบางพื้นที่ ซึ่งกองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย ยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่นของตนเอง ขณะฝ่ายไทยจัดกำลังประจำจุดเฝ้าตรวจตามเหตุการณ์ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม และเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตอบโต้ตามสถานการณ์ สำหรับคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) จาก 8 ประเทศ วันนี้ลงพื้นที่ จังหวัดสุรินทร์ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของกัมพูชา โดยเฉพาะการโจมตีพลเรือนและสถานที่ที่ไม่ใช่เป้าหมายทางทหาร เข้าตรวจสอบสถานที่ควบคุมเชลยศึก เพื่อยืนยันว่าฝ่ายไทยปฏิบัติต่อเชลยศึกเป็นไปตามหลักสากล และอนุสัญญาเจนีวา เดินทางไปตรวจสอบพื้นที่จุ๊บตะโมก ที่ทหารพรานไทยเหยียบกับระเบิด หลังการเจรจาหยุดยิง รวมถึงหลักฐานสำคัญจากโทรศัพท์มือถือของฝ่ายกัมพูชา พบคลิปการสอนวางทุ่นระเบิด ชนิด PMN-2 ของทหารกัมพูชา และภาพการวางทุ่นระเบิดอีกจำนวนมาก ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชาวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในพื้นที่ของฝั่งไทย จงใจละเมิดข้อตกลงในการประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ณ ประเทศมาเลเซีย และละเมิดสนธิสัญญา Ottawa อย่างชัดเจน #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#mou43#WarCrimes#HumanRights#ฮุนเซนอาชญากรสงคราม#hunsenwarcriminal#กัมพูชายิงก่อน#CambodiaOpenedFire#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด#TruthFromThailand#ทุ่นระเบิดผิดสนธิสัญญา#อนุสัญญาออตตาวา

Read More

ศาลอาญากรุงเทพใต้ นัดฟังคำสั่งชั้นไต่สวนมูลฟ้อง กรณีพลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล (โจทก์) ยื่นฟ้องนายนพรัฐ พรวนสุข (จำเลย) สื่อใหญ่ที่ทำหน้าที่วิเคราะห์ข่าวย่านถนนพระอาทิตย์ ฐานหมิ่นประมาท และหมื่นประมาทโดยการโฆษณา ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี โดยศาล มีคำสั่งประทับรับฟ้อง หลังจาก ”พิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบในชั้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่า จำเลยกล่าวถ้อยคำที่เผยแพร่ผ่านทางสื่อออนไลน์ด้วยข้อความ ที่เป็นความเท็จ กรณีการจัดซื้อระบบไบโอเมทริกซ์ ของ สตม. ซึ่งอาจทำให้ประชาชนที่ ได้รับข้อมูลข่าวสารไม่ครบถ้วน อาจเข้าใจได้ว่า โจทก์ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือปฎิบัติหน้าที่โดยทุจริต ทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ศาลนัดสอบคำให้การให้ ตรวจพยานหลักฐาน และกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 10 พฤศจิกายนเวลา 13.30 น. #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #บิ๊กโจ๊ก #ฟ้องหมิ่นประมาท #สื่อใหญ่ถนนพระอาทิตย์

Read More

นายเชาว์ มีขวด ทนายความ ผู้รับมอบอำนาจจากเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์สาว ที่ถูกอธิบดีผู้พิพากษาศาลฯ คนหนึ่งลวนลาม หมายจะข่มขืน บนขบวนรถไฟสายกรุงเทพ-เชียงใหม่ ได้ยื่นหนังสือถึงผู้บังคับการปราบปราม เพื่อเร่งรัดคดี หลังได้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหาเมื่อวันที่ 10 ก.ค.67 ผ่านไปปีกว่า แต่ยังไม่สามารถสรุปสำนวนส่งฟ้องคดีต่อศาล ทั้งที่พยานหลักฐานแน่น นายเชาว์ กล่าวว่า ตามที่นางสาว ส.(นามสมมุติ) แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 4 กองบังคับการกองปราบ ให้ดำเนินคดีกับนาย ย. (นามสมุติ) อธิบดีศาล ในความผิดฐานกระทำโดยใช้กำลังประทุษร้าย และความผิดอื่นตามที่ปรากฏในทางสอบสวน เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2567 เวลาล่วงเลยไป 1 ปีเศษแล้ว แต่พนักงานสอบสวนยังไม่สามารถสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการฟ้องคดีต่อศาล ประกอบกับการประชุมคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม ครั้งที่ 20/2568 วันที่ 18 สิงหาคม 2568 มีมติเรื่องพิจารณารายงานผลการสอบสวนข้าราชการตุลาการ 1 ราย คือ อธิบดีคนดังกล่าว กรณีกระทำการในลักษณะคุกคามทางเพศ ทำร้ายร่างกาย และทำให้ทรัพย์สินของผู้ร้อง ซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาได้รับความเสียหาย อันเป็นพฤติการณ์ที่ไม่เหมาะสม ทำให้เสียเกียรติศักดิ์แห่งตำแหน่งหน้าที่ราชการ เป็นการไม่ถือและปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนและ ประเพณีปฏิบัติของทางราชการ และจริยธรรมของข้าราชการตุลาการตามที่ ก.ต. กำหนด เป็นการกระทำความผิดวินัยอย่างร้ายแรง เห็นควรลงโทษไล่ออกจากราชการ โดยนายเชาว์ได้ยื่นหนังสือถึงผู้บังคับการปราบปราม เพื่อกำชับพนักงานสอบสวนเร่งรัดพิจารณาคดีนี้โดยไม่ชักช้า เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมที่ผู้กล่าวหา (ผู้เสียหาย) ควรจะได้รับจากกระบวนการสอบสวนโดยรวดเร็วและเป็นธรรม พร้อมยื่นมติ ก.ต.เป็นพยานหลักฐานเข้าสู่สำนวนเพื่อประกอบการพิจารณาสั่งคดีด้วย #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #เชาว์มีขวด #ลวนลามบนรถไฟ #กองปราบปราม #คุกคามทางเพศเจ้าหน้าที่ศาล

Read More

ในการอภิปรายสาธารณะ “บทเรียนและทางออกคดีฮั้ว สว.67” ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความคืบหน้า การดำเนินคดีฮั้ว สว. ทั้งในส่วนของ กกต. และ กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยนายระวี อักษรศิริ เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI บอกด้านคดีมีความคืบหน้ากว่า 80% ขณะนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วน ส่วนการดำเนินคดีของดีเอสไอ ฐานอั้งยี่ฟอกเงิน น่าจะออกหมายจับผู้ต้องหา 229 คนภายใน 1-2 เดือนนี้ รอเพียงพยานหลักฐานที่ครบถ้วนเท่านั้น ด้านนายชยพล ดโนทัย โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือ iLaw แสดงความกังวล สว. ชุดปัจจุบันกำลังจะเลือก กกต. เข้ามาตัดสินคดีฮั้ว สว. ที่กำลังถูกดำเนินคดี ดังนั้นการดำเนินคดีของ กกต. ไม่จำเป็นต้องรอให้ครบ 240 วัน ขณะที่ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล ผู้อำนวยการศูนย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เชื่อว่าเมื่อ กกต. ส่งหลักฐานคดีฮั้วเลือก สว. ศาลจะรับคำร้อง และสั่งให้ สว.136 คนหยุดปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นขอให้สังคมร่วมกันเรียกร้อง กกต.7 คนให้วินิจฉัยและส่งศาลฏีกาดำเนินคดีทันที ไม่ต้องตั้งคณะอนุกรรมการที่ต้องใช้เวลาอีก 90 วัน หรือรอให้หมดวาระ และ สว.ที่ถูกดำเนินคดีเลือก กกต.ชุดใหม่ 5 คนกลายเป็นผลประโยชน์ทับซ้อน “วอนสังคมร่วมเรียกร้องให้ กกต.7 คนอย่าตั้งอนุกรรมการวินิจฉัยอีก ไม่เช่นนี้สงสัยได้เลยว่าต้องการยื้อคดีหรือไม่ ควรส่งศาลฏีกาวินิจฉัยผิดถูกอย่างไรว่ากันตามเนื้อผ้า” #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #คดีฮั้วสว #ศาลฏีกา #กกต #DSI #ilaw #พิจารณาคดี #กระดานการเมือง #อั้งยี่ซ่องโจร #วันพิพากษา

Read More

โดยเพจกองทัพบกทันกระแส โพสต์ภาพชุดที่เผยให้เห็นว่าบุคคลร่วมกันวางทุ่นระเบิด ตามแนวชายแดนไทยนั้นเป็นทหารกัมพูชา ไม่ใช่เป็นฝ่ายไทยจัดฉากด้วยการใช้ชุดทหารกัมพูชา ตามที่ฝ่ายกัมพูชากล่าวหาแต่อย่างใด ในภาพชุดดังกล่าวได้นำภาพบุคคลที่กำลังวางทุ่นระเบิด กับภาพนายทหารกัมพูชาที่เคยถ่ายภาพร่วมลาดตระเวนกับทหารไทยก่อนหน้านี้มาเปรียบเทียบ ซึ่งพบว่าเป็นคนเดียวกัน ซึ่งภาพและข้อมูลดังกล่าวถือเป็นหลักฐานสำคัญว่าทหารกัมพูชาละเมิดห้ามใช้ระเบิดสังหารบุคคล ตามอนุสัญญาออตตาวา ทั้งนี้ในเพจกองทัพบกทันกระแสโพสต์ข้อความว่า “เห็นยืนอยู่ใกล้ๆไว้ใจไม่ได้เลย หลักฐานใหม่ ไทยไม่ได้จัดฉาก! มาลีๆๆๆ มาดูนี่ ภาพถ่ายทหารไทยกับทหารกัมพูชา ที่เคยลาดตระเวนร่วมกัน โป๊ะ!!…คนเดียวกับในรูป /คลิป ขอบคุณ FB:กองทัพบกทันกระแส #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #mou43 #WarCrimes #HumanRights #ฮุนเซนอาชญากรสงคราม #hunsenwarcriminal #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #TruthFromThailand #ทุ่นระเบิดผิดสนธิสัญญา #อนุสัญญาออตตาวา

Read More

ร้อยโทหญิง ปวิชญา วลีสุขสันต์ หรือผู้กองอะตอม ผู้ช่วยโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งทำหน้าที่เป็นล่ามของกองการภาษาต่างประเทศ กรมข่าวทหาร ให้กับคณะผู้สังเกตการณ์ 8 ประเทศและสื่อมวลชนลงพื้นที่ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ และกลายเป็นไวรัลในโลกโซเชียลและถูกแชร์อย่างกว้างขวาง เมื่อมีภาพที่เธอในชุดทหารหญิงยืนสั่งการอย่างมั่นใจ และชี้นิ้วให้ทหารกัมพูชาที่ก่อกวนคณะสังเกตุการณ์ จนอีกฝ่ายต้องถอยกลับไป ภาพนั้นสร้างความประทับใจให้กับประชาชนจำนวนมาก หลายคนต่างอยากรู้ว่าเธอคือใคร  ซึ่งภายหลังก็มีข้อมูลเกี่ยวกับผู้กองอะตอมออกมาทุกสื่อฯ ล่าสุดเธอโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ขอบคุณทหาร ทหารพราน ตชด.ที่ปฏิบัติหน้าที่ พร้อมกับชี้แจงเหตุการณ์ช่วงนั้น โดยระบุว่า  “ขออนุญาตใช้พื้นที่นี้ ขอบคุณพี่ ๆ ตชด. ทหารพราน และพี่ ๆ ทหารทุกท่าน ที่ปฏิบัติหน้าที่กันอย่างเต็มความสามารถค่ะ ความทุ่มเท ความเสียสละของทุกท่าน ไม่มีวันเสียเปล่าค่ะ ส่วนภาพชี้นิ้วเมื่อวาน ไม่ได้ตึงแต่อย่างใดค่ะ แค่กลัวตามคณะไม่ทันเฉย ๆ + ตาแห้ง ค่าาา ป.ล. ระวังมิจจี้ระบาด สำหรับผู้กองอะตอม ร้อยโทหญิง ปวิชญา วลีสุขสันต์  ปัจจุบันเป็นนายทหารล่าม กองการภาษาต่างประเทศ กรมข่าวทหาร และ ผู้ช่วยโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย จบคณะมนุษยศาสตร์ สาขาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผ่านการอบรมหลักสูตรนายทหารชั้นต้น และ หลักสูตรนายทหารการข่าว ขอบคุณ FB:Atomm Pavichaya #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #ผู้กองอะตอม #WarCrimes #HumanRights #ฮุนเซนอาชญากรสงคราม #hunsenwarcriminal #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #TruthFromThailand #ทุ่นระเบิดผิดสนธิสัญญา #อนุสัญญาออตตาวา

Read More

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้วิเคราะห์ถึงช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา 2 พ่อ-ลูก คือนายทักษิณ กับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เก็บตัวเงียบ ไม่มีท่าทีหรือการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง หรือเกี่ยวกับคดีความที่ศาลนัดคดีต่างๆ คือศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนพยานคดีคลิปเสียงสนทนาของนางสาวแพทองธาร ในวันที่ 21 สิงหาคม และนัดฟังคำวินิจฉัย 29 สิงหาคมนี้ ส่วนนายทักษิณศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาคดีมาตรา 112 ในวันที่ 22 สิงหาคม และศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำสั่งปมชั้น 14 วันที่ 9 กันยายน 2568 นายเทพไทบอก ทุกคดีมีผลต่อสถานการณ์และอนาคตทางการเมืองทั้งสิ้น โดยเฉพาะคดีของนางสาวแพทองธาร และพรรคเพื่อไทย จึงเห็นการเก็บตัว หลีกเลี่ยงสื่อมวลชนมาโดยตลอด ตั้งแต่วันที่ 12 สิงหาคม รวมถึงการลาประชุม ครม. 2 สัปดาห์ ไม่เข้าประชุม สส. เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา สาเหตุสำคัญคือกลัวว่าการแสดงความเห็นใดๆ เกี่ยวกับคดีความ ที่อาจเป็นประเด็น หรือเป็นจุดอ่อน หรือพลาดพลั้งต่อการดำเนินคดี ที่ทำให้แก้ไขได้ยาก จึงใช้วิธีการปิดปากเงียบ กรณีของนายทักษิณก็เช่นเดียวกัน คงรู้สถานการณ์ทางการเมืองดีว่า ตอนนี้ตกอยู่ในชะตากรรมเช่นไร จึงเก็บเนื้อเก็บตัวและปิดปากเงียบเช่นกัน ซึ่งผิดวิสัยของนายทักษิณมาก “แสดงว่าทั้ง 2 พ่อลูก กำลังเคร่งเครียดและกำลังลุ้นกับผลคดีที่ศาลจะมีคำตัดสินออกมาทั้ง 3 คดี จึงเกิดอาการวิตกกังวล ถ้าดูอาการของ 2 พ่อลูกแล้ว วิเคราะห์ได้ผลการตัดสินของศาลใน 3 คดีนี้จะออกมาเช่นไร ถ้าจะให้วิเคราะห์เชื่อว่าน่าจะรอด 1 คดี ไม่รอด 2 คดี ความหมายคือผลที่ออกมา 2:1 ต้องรอลุ้นกันว่า จะเป็นไปตามที่หลายฝ่ายคาดหมายหรือไม่” นายเทพไทระบุตอนท้าย #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #แพทองธาร #แพทองธารชินวัตร #ทักษิณ #ทักษิณชินวัตร #วิบากกรรมตระกูลชิน #พิจารณาคดี #กระดานการเมือง #เทพไทเสนพงศ์ #วันพิพากษา

Read More

เป็นแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศ ที่สนับสนุนคำแถลงของกองทัพบกไทยเกี่ยวกับกรณีพื้นที่บริเวณบ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเดิมเคยใช้เป็นที่พักพิงชั่วคราวของชาวกัมพูชาที่หนีภัยจากการสู้รบในอดีตเข้ามาในประเทศไทย และต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้ขยายชุมชนออกไป ถือเป็นการละเมิดบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543 และฝ่ายไทยได้คัดค้านและดำเนินการประท้วงการล่วงล้ำเข้ามาในพื้นที่ของไทยดังกล่าวมาโดยตลอด พร้อมกับย้ำประเด็นสำคัญ 1. ประเทศไทยได้แสดงความอดกลั้นอย่างสูงสุดมาโดยตลอดเป็นเวลาหลายปี และยึดมั่นในการดำเนินการอย่างสร้างสรรค์ในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่ดี โดยยินดีหารือข้อแตกต่างใด ๆ ผ่านกลไกทวิภาคีที่เหมาะสม เช่น คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ในทางตรงกันข้าม ฝ่ายกัมพูชากลับใช้ประชาชนของตนมารุกล้ำดินแดนอย่างไม่ชอบธรรม ผิดกฎหมาย และเป็นการยั่วยุให้เกิดความตึงเครียด 2. การอาศัยประโยชน์จากการให้ความช่วยเหลือชาวกัมพูชากลุ่มนี้ของไทยในอดีต ตามหลักมนุษยธรรมที่ไทยยึดถือมาโดยตลอด เป็นการกระทำที่ไม่เพียงแต่ขาดความจริงใจ แต่ยังสะท้อนถึงเจตนาร้ายที่แท้จริงของฝ่ายกัมพูชา 3. ส่วนการติดตั้งลวดหนามในเขตแดนไทยนั้น เป็นการดำเนินการเพื่อปกป้องอธิปไตยของไทย คุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนไทย ป้องกันมิให้มีการรุกล้ำเพิ่มเติมจากฝ่ายกัมพูชา และป้องกันการเข้ามาวางทุ่นระเบิดโดยฝ่ายกัมพูชา โดยการดำเนินการของไทยไม่ขัดต่อข้อตกลงจากการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สมัยวิสามัญ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ที่ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะละเว้นจากการก่อสร้างหรือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางทหาร หรือการเสริมความมั่นคงของที่ตั้งทางทหารล้ำออกไปนอกเขตของฝ่ายตน #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #mou43 #WarCrimes #HumanRights #ฮุนเซนอาชญากรสงคราม #hunsenwarcriminal #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #TruthFromThailand #ทุ่นระเบิดผิดสนธิสัญญา #อนุสัญญาออตตาวา

Read More

21 ลูกเผชิญศาล – 22 พ่อลุ้นคำพิพากษา สองวันร้อนของบ้านชินวัตร • 21 ส.ค. วันเกิดครบ 38 ปีของแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งศาล รธน. ตรงกับนัดไต่สวนคดี “คลิปสนทนาอังเคิล” ซึ่งยังไม่ชัดว่าเจ้าตัวจะไปชี้แจงหรือไม่ ขณะเดียวกัน กลุ่ม “รวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย” นัดรวมพลังกดดันหน้ารัฐสภา • 22 ส.ค. ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาคดีมาตรา 112 ของทักษิณ ชินวัตร บิดาแพทองธาร เป็นอีกวันแห่งการจับตา ว่า “รอดหรือร่วง” แต่เรื่องไม่จบแค่นั้น—เพราะ 9 ก.ย. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำสั่ง “คดีชั้น 14“ ว่าการบังคับโทษ 1 ปี ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หากไม่เป็นไปตามที่กำหนด ทักษิณต้อง ”กลับเข้าคุก“ สองวันติดกัน 21–22 ส.ค. ไม่ใช่แค่โชคชะตาของ “ลูกและพ่อ” แต่คือจังหวะชี้เป็นชี้ตายต่อทิศทางการเมือง โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยและตระกูลชินวัตร #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#แพทองธาร#แพทองธารชินวัตร#ทักษิณ#ทักษิณชินวัตร#วิบากกรรมตระกูลชิน#พิจารณาคดี

Read More

สำนักข่าวซินหัว ระบุองค์การขนส่งทางบกของสิงคโปร์รายงานว่าสิงคโปร่ กำลังเพิ่มความเข้มงวดในการปราบปรามการสูบบุหรี่ไฟฟ้า (vaping) ภายในระบบขนส่งสาธารณะ โดยทีมเจ้าหน้าที่ตามสถานีขนส่งดำเนินการลาดตระเวนเชิงรุก โดยมาตรการจะดำเนินการกับผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้า ด้วยการถูกนำตัวออกจากสถานีขนส่งสาธารณะและรายงานเหตุกับทางการ ส่วนผู้มีอาการมึนเมาจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า อาจถูกดำเนินการตามกฎหมายโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้านเอสเอ็มอาร์ที (SMRT) ผู้ให้บริการขนส่งของสิงคโปร์ กระตุ้นเตือนสาธารณชนแจ้งทางการหากพบเจอการสูบบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นสิ่งผิดกฎหมายในสิงคโปร์และผู้กระทำผิดอาจถูกปรับสูงถึง 2,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 5 หมื่นบาท) ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #บุหรี่ไฟฟ้า #สูบบุหรี่ไฟฟ้าในขนส่งสาธารณะ #กฎหมายสิงคโปร์

Read More