Author: Writer Publisher

โดยมีคำสั่งเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี เรื่องให้พระสังฆาธิการลาออกจากตำแหน่ง เนื้อหาระบุว่าด้วยพระราชวิสุทธิประชานาถ (อลงกต) อายุ 65 ปี พรรษา 38 เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี ขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุนั้น อาศัยอำนาจตามความในข้อ 37 แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ จึงอนุญาตให้พระราชวิสุทธิประชานาถ (อลงกต) ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 19 สิงหาคม 2568 ลงชื่อเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี ก่อนหน้านี้มีข่าวลือหนาหูว่าหลวงพ่ออลงกตจะลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส แต่เมื่อคืนที่ผ่านมาหลวงพ่ออลงกตออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว กระทั่งมีหนังสือฉบับดังกล่าว #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #วัดพระบาทน้ำพุ #หลวงพ่ออลงกต

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS ถึงประธานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้มีคำสั่งเรียกบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นโต้แย้งคำให้การของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจากสมเด็จฮุนเซน ในรูปแบบข้อมูลทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่อดิจิทัลอื่นใด เพื่อให้ศาลได้ใช้ในกระบวนพิจารณาในการวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธารสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ หรือไม่ โดยนายเรืองไกรอ้างว่าจากความเห็นของนางสาวแพทองธาร ผู้ถูกร้องในคดีคลิปเสียงฮุน เซน พบว่ายังขาดข้อเท็จจริงจากผู้เกี่ยวข้อง คือสมเด็จฮุนเซน ซึ่งเมื่อดูจาก พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ และข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญ จึงมีเหตุจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องไต่สวนสมเด็จฮุนเซนด้วย ซึ่งหากไม่ได้รับความร่วมมือก็ถือว่าศาลได้ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายแล้ว ทั้งนี้คดีคลิปเสียงสนทนาอยู่ในช่วงท้ายของการพิจารณา หลังศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนพยานอีก 2 ปากคือนางสาวแพทองธาร ผู้ถูกร้อง และเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในวันที่ 21 สิงหาคม เกี่ยวกับเนื้อหาและเจตนาการเจรจาต่อรอง ก่อนมีคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคมว่าผู้ถูกร้องกระทำการเข้าข่ายไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่

กองทัพไทยนำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT 8 ประเทศคือบูรไน ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เมียนมา สิงคโปร์ เวียดนาม อินโดนีเซีย และลาว รวม 14 คน พร้อมคณะสื่อมวลชน ลงพื้นที่พิสูจน์ข้อเท็จจริงการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของกัมพูชาในจังหวัดอุบลราชธานี และศรีสะเกษ เริ่มจากบริเวณช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นจุดที่มีการรุกเข้ามาตัดลวดหนามของกัมพูชา และมีการวางกำลังของทหาร ไทยและกัมพูชา รวมถึงเป็นพื้นที่สู้รบ จึงมีกำลังทหารประจำการ โดยบริเวณตลาดชาวกัมพูชา ที่เคยขึ้นมาก่อสร้างสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งได้รับความเสียหาย จากการสู้รบ ปัจจุบันทหารไทยได้นำรั้วลวดหนามไปล้อมและเป็นจุดที่ทหารกัมพูชา เข้ามาตัดรั้วลวดหนาม ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ขณะที่ลงพื้นที่นั้นทหารกัมพูชาแสดงความไม่พอใจ และกันไม่ให้เข้าไปบริเวณอนุสาวรีย์ตาอม ก่อนจะเจรจาและนำคณะผู้สังเกตการณ์เข้าไปสำรวจพื้นที่ ทั้งนี้ในการลงพื้นที่ของคณะผู้สังเกตการณ์ และสื่อมวลชนมีกำลังทหารของไทยและกัมพูชาตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่อย่างเข้มงวด จากนั้นคณะผู้สังเกตการณ์เดินทางไปที่ผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ เพื่อสำรวจการวางกำลังของกัมพูชา รวมถึงพื้นที่ภูมะเขือ จุดที่วางทุ่นระเบิดใหม่ของกัมพูชา #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #รัฐบาลแพทองธาร #WarCrimes #HumanRights #ฮุนเซนอาชญากรสงคราม #hunsenwarcriminal #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #TruthFromThailand #ทุ่นระเบิดผิดสนธิสัญญา #อนุสัญญาออตตาวา

เป็นกรณีที่ นาย เฮง รัตนา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา (CMAC) อ้างว่าผู้เชี่ยวชาญของ CMAC ตรวจพบกระสุนปืนใหญ่ขนาด 155 มิลลิเมตร บรรจุสารฟอสฟอรัสขาว (White Phosphorus – WP) ในพื้นที่จังหวัดอุดรมีชัย มาจากการยิงของกองทัพไทย ซึ่งเป็นกระสุนที่มีลักษณะเป็นอาวุธเพลิงและก่อควันพิษนั้น เรื่องนี้พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงว่ากองทัพบกยืนยันข้อกล่าวหาดังกล่าวเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ปราศจากหลักฐานสนับสนุน และไม่มีน้ำหนักทางกฎหมาย โดยระบุกระสุนฟอสฟอรัสขาว (WP) มีวัตถุประสงค์ใช้สร้างควัน แสงสว่าง ระเบิด และเพลิง ไม่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มอาวุธเคมีตามอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมี (Chemical Weapons Convention – CWC) และไม่มีสนธิสัญญาระหว่างประเทศใดที่ห้ามการเก็บรักษาหรือการใช้งานกระสุนชนิดนี้ ประเทศไทยจึงสามารถเก็บรักษาและใช้ตามภารกิจทางทหารได้ภายใต้กรอบกฎหมายสากล ในส่วนของอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้อาวุธตามแบบบางชนิด (Convention on Certain Conventional Weapons – CCW) พิธีสารที่ 3 กำหนดห้ามการใช้อาวุธเพลิงที่ออกแบบมาเพื่อเผาไหม้บุคคลโดยตรง แต่กระสุน WP ไม่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มดังกล่าว อีกทั้งการใช้กระสุน WP ของกองทัพบกไทยอยู่ภายใต้ระเบียบการควบคุมอย่างเข้มงวด ใช้ต่อเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และไม่เคยมีการนำไปใช้เพื่อมุ่งทำลายชีวิตพลเรือนแต่อย่างใด “การครอบครองและการใช้กระสุน WP ของกองทัพไทยเป็นไปอย่างเคร่งครัดตามกรอบกฎหมายสากล ควบคุมรัดกุม และสอดคล้องกับหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศทุกประการ จึงเห็นได้ว่าข้อกล่าวหาที่กัมพูชาเผยแพร่เป็นเพียงความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อสร้างความเข้าใจผิดในเวทีสาธารณะเท่านั้น” พลตรีวินธัยกล่าว #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #WarCrimes #HumanRights #ฮุนเซนอาชญากรสงคราม #hunsenwarcriminal #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #TruthFromThailand #ทุ่นระเบิดผิดสนธิสัญญา #อนุสัญญาออตตาวา

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.โพสต์กรณีการนัดไต่สวนพยานของศาลรัฐธรรมนูญปมคลิปเสียงสนทนาฮุนเซน-แพทองธาร ซึ่งวันที่ 21 สิงหาคมนี้ศาลนัดนางสาวแพทองธาร ชินวัตรเข้าให้ปากคำ โดยวันนี้นายสมชัยจั่วหัวไว้ว่า “เวทีนี้ไม่มีไอแพด” พร้อมระบุว่า การไต่สวนคุณแพทองธาร โดยศาลรัฐธรรมนูญที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 21 สิงหาคม 2568 นี้ หากไปขึ้นศาล จะเป็นการพิสูจน์ความสามารถของตัวคุณแพทองธาร ว่า เป็นทองหรือเป็นธาร ในห้องไต่สวน ตุลาการศาล 9 ท่านนั่งบนบัลลังก์ ผู้ถูกไต่สวนยืนในคอก สาบานตนต่อพระแก้วมรกตว่าหากพูดความจริงชีวิตจะเจริญรุ่งเรือง หากกล่าวเท็จความพินาศวายวอดจะเกิดแก่ตัวเองและครอบครัว ตุลาการ 9 ท่าน มีภูมิหลังแตกต่างกัน บางท่านเป็นอดีตผู้พิพากษา บางท่านเป็นอดีตข้าราชการระดับสูง บางท่านเคยเป็นทูต บางท่านเป็นอดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยทั้งทางรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ คำถามการไต่สวนจึงพรั่งพรูจากทุกทิศทาง ยากต่อการเก็งข้อสอบ ยากต่อการมีข้อสอบรั่ว “การไม่ไปชี้แจงของนายกแพทองธาร นั้นเป็นสิทธิของผู้ถูกร้อง แต่การไปชี้แจงน่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ถูกร้องยิ่งกว่า ยกเว้นว่า ทุกครั้งที่ท่านเข้าสอบจะมีตัวช่วย แต่คราวนี้ไม่มีทั้งผู้ช่วย ไม่มีทั้งไอแพด ต้องใช้สมองและความจริงใจล้วน ๆ ครับ” นายสมชัยระบุในตอนท้าย #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#แพทองธาร#แพทองธารชินวัตร#คลิปเสียงแพทองธารฮุนเซน#ฮุนเซน#ศาลรัฐธรรมนูญ#กระดานการเมือง#สมชัยศรีสุทธิยากร

สมเด็จฮุน เซน โพสต์ข้อความเมื่อกลางดึกที่ผ่านมาเพื่อตอบโต้หลังรัฐบาลจะเดินหน้าดำเนินคดีกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังกัมพูชาโจมตีประเทศไทยทำให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก โดยสมเด็จฮุนเซนบอกหากไทยสามารถจับกุมผู้นำกัมพูชาได้ กัมพูชาก็สามารถจับกุมผู้นำไทยบางคนที่เคยรุกรานและสังหารประชาชนกัมพูชาได้เช่นกัน! โดยเขาระบุตามที่หนังสือพิมพ์ไทยได้ลงข่าวไปเมื่อไม่นานมานี้ว่า รักษาการนายกรัฐมนตรีของไทยได้พูดว่า นายฮุน เซน และ นายฮุน มาเนต จะถูกจับกุมทันทีหากพบตัวในประเทศไทย หากการเผยแพร่ของหนังสือพิมพ์เป็นคำพูดจริงของรักษาการนายกรัฐมนตรีที่ใกล้จะหมดวาระ แสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนป่าที่ไม่รู้จักอะไร คือกฎหมายจารีตประเพณีและไม่รู้จักแม้กระทั่งการทูต “หากไทยสามารถจับกุมผู้นำกัมพูชาได้ กัมพูชาก็สามารถจับกุมผู้นำไทยบางคนที่เคยรุกรานและสังหารประชาชนกัมพูชาได้เช่นกัน” กฎหมายจารีตประเพณีถูกทำลายโดยพวกผู้รุกราน นี่เป็นจุดประสงค์เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและมุ่งสู่ความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น หรือเป็นการทำลายเพื่อสร้างความขัดแย้งอีกครั้งหลังข้อตกลงหยุดยิง? #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#รัฐบาลแพทองธาร#WarCrimes#HumanRights#ฮุนเซนอาชญากรสงคราม#hunsenwarcriminal#กัมพูชายิงก่อน#CambodiaOpenedFire#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด#TruthFromThailand#ทุ่นระเบิดผิดสนธิสัญญา#อนุสัญญาออตตาวา

เป็นข้อมูลที่มาจากเพจ Army Military Force ที่ว่าเหตุผล สมเด็จฮุน เซน ออกมาเรียกร้องชาวเขมรอย่าเพิ่งควํ่าบาตรโค้กกลางดึก หลังแวนด้าถูกปลดพ้นจากพรีเซนเตอร์ โดยอ้างจะตกเป็นเครื่องมือของศัตรูทำลายเศรษฐกิจของประเทศ แต่ความจริงนั้นคืออะไร? โดยไล่เรียงข้อมูลที่ว่า บริษัทโคคา-โคลา Coca-Cola (โค้ก) เข้ามาทำตลาดในกัมพูชา เมื่อปี 1993 และมี บริษัท Cambodia Beverage Company Ltd. (CBC) ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับนักธุรกิจชาวกัมพูชา หนึ่งในผู้ถือหุ้นหลักถูกระบุคือ นางฮุน มานา บุตรสาวของสมเด็จฮุน เซน เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์โคคา-โคลาและเครื่องดื่มอัดลมอื่นๆ ในกัมพูชา ก่อนถูกซื้อกิจการโดย Swire Coca-Cola Limited ในปี 2022 ทำให้ Swire Coca-Cola เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ภายใต้ลิขสิทธิ์และเครื่องหมายการค้าจาก The Coca-Cola Company จากสหรัฐอเมริกา ด้วยเหตุนี้การเคลื่อนไหวของสมเด็จฮุน เซน ถูกมองว่ามีมิติที่ลึกซึ้งกว่าแค่เรื่องเศรษฐกิจ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อรักษาภาพลักษณ์ตนเองและฟื้นความสัมพันธ์กับรัฐบาลวอชิงตัน และพยายามลากสหรัฐฯ เป็นส่วนหนึ่งในความขัดแย้งระหว่างกัมพูชากับไทย ฉะนั้น จึงไม่แปลกที่สมเด็จฮุน เซน จะออกมาวินวอนชาวกัมพูชาหยุดณรงค์แคมเปญควํ่าบาตรบริษัท Coca-Cola ในกัมพูชา เนื่องจากจะส่งผลให้บริษัท Coca-Cola ในเครือ Swire Coca-Cola ที่อยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์และเครื่องหมายการค้าจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง The Coca-Cola Company จากสหรัฐอเมริกา อาจต้องถอนตัวออกจากกัมพูชา และเป็นตัวเร่งให้ความพยายามการกระชับสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชาและสหรัฐฯ ต้องหยุดชะงักลง “ข้ออ้างเรื่อง “ศัตรู” ที่จะมาทำลายเศรษฐกิจ เป็นเพียงคำกล่าวอ้างเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการกระทำดังกล่าว เพื่อให้ชาวกัมพูชาหยุดการเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่อาจกระทบต่อผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ของรัฐบาลลูกชาย สมเด็จฮุน เซน นั้นเอง” #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#CocaCola#Vanda#Hunsen#ฮุนเซน#กัมพูชา#กัมพูชายิงก่อน#CambodiaOpenedFire#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด#TruthFromThailand

คณะรวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตย อาทิ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายพิชัย ไชยมงคล , นายนิติธร ล้ำเหลือ , นายสมชาย แสวงการ ร่วมกันแถลงนัดหมายประชาชนชุมนุมครั้งใหม่ในวันที่ 21 สิงหาคม 2568 ที่หน้ารัฐสภา เพื่อแสดงเจตจำนงเกี่ยวกับบันทึกความเข้าใจ หรือ MOU ฉบับที่ 43 และ 44 ปมพื้นที่ทางบกและทางทะเล เพราะเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ด้านพลังงานในอ่าวไทย และอาจส่งผลกระทบต่ออธิปไตยของประเทศไทย รวมถึงประเด็นคลิปเสียงน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุนเซ็น ที่เชื่อว่าเป็นสาเหตุของข้อพิพาทชายแดน  ขณะที่นายสมชาย แสวงการ เห็นว่าการกระทำของ น.ส.แพทองธาร มีความรุนแรงกว่ากรณีการกระทำผิดของอดีตนายกฯ คนอื่นๆ ที่เคยถูกยื่นถอดถอน ดังนั้นวันที่ 19 สิงหาคม ตนจะยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้ถ่ายทอดสดการไต่สวน น.ส.แพทองธาร และเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ สมช. ในวันที่ 21 สิงหาคม และจะยื่นคำร้องขอเข้ารับฟังการไต่สวนในวันดังกล่าว รวมถึงฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคมด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ หนึ่งในแกนนำบอกว่าการชุมนุมวันที่ 21 สิงหาคมนี้ ยังไม่ถือเป็นการชุมนุมใหญ่ แต่เป็นการชุมนุมนัดพิเศษ เพื่อแสดงพลังของประชาชน เตรียมขับเคลื่อนเจตนารมย์ทางการเมืองต่อไป โดยจะเชิญตัวแทนทุกพรรคการเมืองมารับหนังสือเรียกร้องด้วย กลุ่มรวมพลังแผ่นดิน ยังเชิญชวนประชาชนร่วมชุมนุมในวันที่ 21 สิงหาคม 2568 เริ่มตั้งแต่ 10 นาฬิกา ณ ลานประชาชน หน้าอาคารรัฐสภา เพื่อเรียกร้องให้ยกเลิก MOU 43 และ 44 และร่วมกันปกป้องอธิปไตยของชาติ #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #mou43 #รวมพลังแผ่นดินฯ #รัฐบาลแพทองธาร #แพทองธารชินวัตร #ทักษิณชินวัตร #ความสัมพันธ์ไทยกัมพูชา #สมชายแสวงการ #จตุพรพรหมพันธุ์ #ชุมนุมใหญ่หน้ารัฐสภา #ผลประโยชน์ทางทะเล

โดยกรมสรรพากร ส่งหนังสือด่วนถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เรื่องการพัฒนาวิธีการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี สำหรับการบริจาคให้แก่วัดวาอาราม มูลนิธิ สมาคม กองทุน และองค์กรการกุศลต่างๆ โดยให้ใช้ระบบบริจาคแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร เริ่ม 1 มกราคม 2569 สาระสำคัญคือปรับระบบการบริจาคที่ต้องการนำไปลดหย่อนภาษี จากใบอนุโมทนาบัตร (กระดาษ) เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Donation โดยกรมสรรพากรขอความร่วมมือ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ประชาสัมพันธ์ให้วัดวาอารามต่างๆ ดำเนินการลงทะเบียนใช้งานระบบ e-Donation กับกรมสรรพากรในพื้นที่ ภายในกำหนด การปรับปรุงระบบดังกล่าวเพื่อส่งเสริมการบริจาคให้กับวัด มูลนิธิ สมาคม กองทุน และองค์กรการกุศลต่างๆ ผ่านระบบ e_Donation เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และโปร่งใส เพราะจะช่วยผู้บริจาค ไม่ต้องเก็บหลักฐานเป็นกระดาษ รับเงินคืนภาษีได้เร็วขึ้น ตรวจสอบและติดตามการบริจาคได้ง่าย และสนับสนุนการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในภาครัฐเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตามยังเปิดให้ออกใบอนุโมทนาบัตรกระดาษได้ แต่นำเงินทำบุญนี้หักลดหย่อนภาษีไม่ได้ #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#รัฐบาลแพทองธาร#กรมสรรพากร#ใบอนุโมทนาบัตร#ลดหย่อนภาษีไม่ได้#edonation

สมเด็จเตโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ออกมาเคลื่อนไหวหลังชาวกัมพูชาจำนวนมากแสดงความไม่พอใจและเริ่มประกาศคว่ำบาตรโคคา-โคลา จากกรณีปลดแร็ปเปอร์ชาวกัมพูชาอย่าง “แวนด้า” พ้นจากการเป็นพรีเซ็นเตอร์ ซึ่งทำให้ชาวเขมรรู้สึกโกรธและประกาศคว่ำบาตรบริษัทเครื่องดืมนํ้าอัดลม โคคา-โคล่า หรือ (โค้ก) โดยสมเด็จฮุนเซน โพสต์ข้อความผ่านเพจส่วนตัวเรียกร้องให้ชาวกัมพูชาใช้ความรอบคอบในการเคลื่อนไหวคว่ำบาตรผลิตภัณฑ์โคคา-โคลา (โค้ก) พร้อมเตือนระวังการตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายตรงข้ามที่มุ่งทำลายประเทศ ระบุขอให้ชาวกัมพูชาอยู่ในความสงบและไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน พร้อมชี้ให้เห็นว่า แม้โคคา-โคลาจะเป็นแบรนด์จากสหรัฐฯ แต่ผลิตภัณฑ์นี้ถูกผลิตขึ้นในกัมพูชา โดยมีแรงงานชาวกัมพูชาเป็นผู้ผลิตและได้รับประโยชน์โดยตรง รวมถึงรัฐบาลยังได้รับรายได้จากภาษีซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติ “หากบริษัทถอนการลงทุน ประเทศของเราจะเป็นฝ่ายที่เสียหาย และศัตรูของเราจะได้รับผลประโยชน์ เพราะ เขาต้องการโจมตีเราทางเศรษฐกิจมาตั้งแต่แรก และการเคลื่อนไหวนี้อาจผลักดันให้กัมพูชากลายเป็นศัตรูกับสหรัฐฯ ซึ่งจะนำมาซึ่งปัญหาร้ายแรงด้านการทูต เศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน” สมเด็จฮุนเซนยังระบุแม้แต่บริษัทไทยที่เข้ามาลงทุนในกัมพูชา ประชาชนก็ควรช่วยกันรักษาไว้เพื่อผลประโยชน์ของชาติ และแสดงความหวังว่า แวนด้า จะเข้าใจและอดทนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติโดยรวม #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#CocaCola#Vanda#Hunsen#ฮุนเซน#กัมพูชา#กัมพูชายิงก่อน#CambodiaOpenedFire#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด#TruthFromThailand