- Original
- Urban Culture
- Writer
- About us
- คุยกับสส
- The Persona
- Brief
- Thai Treasure
- Urban life
- On this day
- News
- Home
- Editir pick
- Good
- Persona
- Persona
- Urban
- Business
- Politics
- Playlist
- Home
- People Voice
- Culture
- นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
- Urban Wealth
- Law
- Update
- I’m Youth Ranger
- Urban History
- Issues
- Check
Subscribe to Updates
Get the latest creative news from FooBar about art, design and business.
Author: Writer Publisher
จากเหตุการณ์ทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบทุ่นระเบิด เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 บริเวณปราสาทตาเมือนธม จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งเป็นเหตุการณ์ทำร้ายทหารไทยโดยทุ่นระเบิดเป็นครั้งที่ 5 ต่อเนื่อง และทุกครั้งพบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 จัดวางไว้เป็นระยะหวังทำร้ายและสังหารฝ่ายตรงข้าม เรื่องนี้ทำให้ฝ่ายกัมพูชาออกมาชี้แจงว่าเป็นทุ่นระเบิดเก่าตั้งแต่สมัยสมครามในอดีต “ยังไม่สอบสวนอย่างเป็นทางการ ไม่มีความโปร่งใสที่ยืนยันความจริง กรณีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด เคยเตือนหลายครั้งว่าในพื้นที่ยังมีทุ่นระเบิดเก่า สมัยสงครามในอดีต และกัมพูชาไม่เคยนำระเบิดใหม่มาใช้” พล.ท. มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา (12 ส.ค.68) ขณะที่โฆษกกองทัพบก โต้กลับหลักฐานชัดทุ่นระเบิดใหม่ และถูกฝังไว้ในพื้นที่อธิปไตยไทย “เป็นเพียงการปฏิเสธที่ขาดน้ำหนัก หลักฐานเชิงประจักษ์ เพราะในทุกจุดเกิดเหตุ พบการวางทุ่นระเบิด PMN-2 อีก 3–5 ลูกสภาพติดตั้งใหม่ หากเป็นทุ่นเก่าจากสงครามในอดีต จะเป็นชนิดอื่นไม่ใช่แบบ PMN-2 พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก (12 ส.ค.68) #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #StopHunManet #WarCrimes #HumanRights #Scambodia #ฮุนเซนอาชญากรสงคราม #hunsenwarcriminal #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #TruthFromThailand #ทุ่นระเบิดผิดสนธิสัญญา #อนุสัญญาออตตาวา
พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่สิบเอก ธีรพล เพียขันที สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2610 พร้อมกำลังพลรวม 7 นาย ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย บนเส้นทางประจำ ห่างจากปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 1 กิโลเมตร และได้เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณข้อเท้าซ้าย เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว โดยระบุเหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และไม่เคารพต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งห้ามใช้และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด นับเป็นการลอบโจมตีที่มีเป้าหมายต่อกำลังพลฝ่ายไทยโดยตรง และเกิดขึ้นในเขตแดนไทย ซึ่งเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่ชายแดน สะท้อนถึงเจตนาร้ายและพฤติกรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามฝ่ายไทย และละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนไทย สวนทางข้อตกลงหยุดยิงในการประชุม GBC ที่ผ่านมา จึงเป็นเครื่องยืนยันว่าการใช้อาวุธโดยฝั่งกัมพูชายังคงมีอยู่ตลอดเวลา รวมถึงท่าทีที่ชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาต้องการจะคุกคามฝ่ายไทย ด้วยการใช้อาวุธทางทหารในรูปแบบซ้อนเร้นไม่เปิดเผย ทำให้เชื่อได้ว่ากัมพูชา มุ่งหมายลอบทำร้ายอยู่เช่นนี้ตลอดเวลา แม้ในช่วงเวลาหยุดยิง ซึ่งต้องไม่มีการใช้อาวุธต่อกันในทุกรูปแบบ พลตรีวินธัยบอกสิ่งที่เกิดขึ้นยังสอดรับกันอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะจากการที่กัมพูชาไม่ยอมตอบรับข้อเสนอฝ่ายไทย ในเรื่องของทุ่นระเบิดจากการประชุม GBC ในครั้งที่ผ่านมา จึงเชื่อว่าเรื่องทุ่นระเบิดนี้น่าจะมีการวางแผนใช้กันมาเพื่อเจตนานำมาใช้คุกคามทำร้ายฝ่ายไทย “กองทัพบกยึดมั่นในแนวทางสันติวิธี และไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่หากสถานการณ์บีบบังคับก็อาจจำเป็นต้องใช้สิทธิป้องกันตนเองภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศในการคลี่คลายสถานการณ์ ที่ทำให้ฝ่ายไทยต้องสูญเสียกำลังพลอย่างต่อเนื่อง จากการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและรุกล้ำอธิปไตยของทหารกัมพูชา” #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#StopHunManet#WarCrimes#HumanRights#Scambodia#ฮุนเซนอาชญากรสงคราม#hunsenwarcriminal#กัมพูชายิงก่อน#CambodiaOpenedFire#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด#TruthFromThailand#ทุ่นระเบิดผิดสนธิสัญญา#อนุสัญญาออตตาวา
เป็นความคืบหน้าล่าสุด หลังกองทัพบกได้รับรายงานว่า หน่วยทหารพรานปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เหยียบกับระเบิดได้รับบาดเจ็บสูญเสียขา 1 นาย ทั้งนี้บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทยเป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำ เพจ Army Military Force โพสต์ภาพที่เกิดเหตุ ภาพขณะทำการรักษาพยาบาล และให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าเป็นเหตุการณ์ที่กำลังพล ส.อ.ธีรพล เพียขันธี ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดบริเวณ หมุด R51 บริเวณปราสาทตาเมือนธม ในเขตประเทศไทย — พื้นที่ที่หน่วยลาดตระเวนอยู่ทุกวัน หมุด R51 คือ หลักฐานชัดเจน ว่าจุดเกิดเหตุอยู่ในอธิปไตยไทย นี่คือการกระทำที่ โหดร้ายป่าเถื่อน และ ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมสากลอย่างร้ายแรง เราไม่เพียงเรียกร้องให้ประณาม แต่ขอให้ประชาคมโลก • กดดันผู้ก่อเหตุให้รับผิดชอบ • ส่งคณะผู้สังเกตการณ์นานาชาติเข้าตรวจสอบทันที • ใช้มาตรการระหว่างประเทศเพื่อหยุดยั้งการละเมิดซ้ำ “กัมพูชา…ไม่เคยมี “ความจริงใจ” ต่อสันติภาพและความมั่นคงในขณะที่ปากพูดคำว่า “สันติ” บนเวทีโลก แต่เบื้องหลังกลับลอบวางกับระเบิดในเขตประเทศไทย — พื้นที่ที่ทหารไทยลาดตระเวนทุกวัน นี่ไม่ใช่ความผิดพลาด แต่คือ การกระทำโดยเจตนา เพื่อทำร้ายกำลังพลไทย และท้าทายกฎหมายมนุษยธรรมสากล ทั้งนี้สำนักข่าว The Publisher ขอเป็นกำลังใจให้ทหารผู้กล้า : ส.อ.ธีรพล เพียขันธี กำลังพล ร้อย.ทพ.2610 ไว้ ณ ที่นี้ #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #StopHunManet #WarCrimes #HumanRights #Scambodia #ฮุนเซนอาชญากรสงคราม #hunsenwarcriminal #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #TruthFromThailand #ทุ่นระเบิดผิดสนธิสัญญา #อนุสัญญาออตตาวา
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.วิเคราะห์ถึงสาเหตุที่ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่นัดวันวินิจฉัยคดีคลิปเสียงแพทองธาร โดยระบุศาลรัฐธรรมนูญให้เวลาส่งเอกสารชี้แจง 15 วันและขยายเวลาให้ส่งคำชี้แจง 2 ครั้ง ครั้งแรก 15 วัน ครั้งที่สอง 5 วัน วันสุดท้ายที่ต้องส่งคำชี้แจง คือวันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม 2568 ซึ่งนายกฯ ได้ส่งในวันดังกล่าว นายสมชัยบอกโดยปกติศาลรัฐธรรมนูญ จะประชุมในวันพุธ ดังนั้น พุธที่ 6 สิงหาคม ควรมีความคืบหน้าหรือนัดหมายวินิจฉัยคดีดังกล่าวในวันใด แต่จนถึงวันนี้ 12 สิงหาคม ยังไม่ปรากฏข่าวใด ๆ เหตุผล มีทั้งสิ่งที่เป็นข้อเท็จจริง และการคาดเดา นั่นคือวันที่ 4-9 สิงหาคม 2568 ตุลาการศาลรัฐธรรมจำนวน 5 คนมีภารกิจ นำคณะผู้อบรมหลักสูตร “ข้าราชการศาลฯ ระดับอำนวยการ รุ่นที่ 1” ได้ศึกษาดูงานที่ประเทศอินเดีย หรืออาจนัดหมายวินิจฉัยในการประชุมวันพุธที่ 13 สิงหาคม 2568 และวันที่นัดหมายอาจเป็น 20 หรือ 27 สิงหาคม 2568 ไม่ควรล่าช้ากว่านั้น เพราะคดีนี้เป็นคดีสำคัญและไม่ควรปล่อยให้ประเทศอยู่ในภาวะมีแต่นายกรัฐมนตรีรักษาการนานเกินไป ประเด็นสำคัญนายสมชัยระบุไว้ในข้อ 3. คือการดึงเวลาให้ล่าช้าออกไป อาจเป็นการเปิดโอกาสให้แพทองธาร ตัดสินใจลาออกเอง ซึ่งจะทำให้ตัวเองยังมีอนาคตทางการเมือง และ ศาลอาจจะรู้สึกสบายใจมากกว่าที่ไม่ต้องวินิจฉัย เนื่องจากผู้ถูกร้องเรื่องคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี เมื่อไม่มีสถานะเป็นรัฐมนตรีแล้วก็สามารถจำหน่ายคดีทิ้ง ไม่ต้องวินิจฉัยให้เป็นประเด็นอะไรอีก “รอดูพรุ่งนี้ จะมีวันนัดหรือไม่” ขณะที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ซึ่งไปร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์และพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 12 สิงหาคม 2568 เธอปฏิเสธตอบคำถามเรื่องกระแสข่าวลาออกก่อนคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยหันมายิ้มกับสื่อมวลชนพร้อมบอกว่า “คิดถึงนะคะ” และเดินฝ่าวงล้อมออกไปทันที #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#แพทองธารชินวัตร#ศาลรัฐธรรมนูญ#ปปช#จริยธรรมร้ายแรง#รุกพื้นที่ต้นน้ำ#ตัดสิทธิทางการเมือง#รัฐบาลแพทองธาร#ตรวจสอบอำนาจ#ล้างกระดานการเมือง
เป็นประเด็นเดือดในกัมพูชา สม รังสี อดีตผู้นำฝ่ายค้านกัมพูชา ไลฟ์สดการพบปะกับประชาชนชาวกัมพูชา ณ เมืองช็องเบรี ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 68 โดยมีช่วงที่กล่าวถึงสถานการณ์เหตุปะทะไทย-กัมพูชา 5 วัน ระหว่างวันที่ 24-28 ก.ค.68 ซึ่ง สม รังสี ประณามกองทัพกัมพูชาที่ยิงโจมตีใส่พลเรือนไทย และชื่นชมกองทัพไทยที่โจมตีเป้าหมายในกัมพูชาได้อย่างแม่นยำ ทำให้จุดเดือดของสมเด็จฮุนเซน ประธานวุมิสภากัมพูชา พุ่งขึ้นทันที โพสต์ประณาม สม รังสี โดยใช้ถ้อยคำรุนแรงถึงขั้นว่า สม รังสี ยังเป็นคนอยู่หรือไม่ โดยระบุว่าถึงประชาชนกัมพูชา ว่าเมื่อประชาชน และกองทัพถูกบุกรุกจากกองทัพไทย จนมีประชาชนอพยพนับพันครัวเรือน แต่กลับมีคนเขมรบางคนสรรเสริญกองทัพไทยที่บุกรุกเช่นนี้ นี่ถือว่าเป็นคนหรือสัตว์? พวกเขารักชาติหรือกบฏ? ขอให้ประชาชนชาวเขมรคิดเอาเอง #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#StopHunManet#WarCrimes#HumanRights#Scambodia#ฮุนเซนอาชญากรสงคราม#hunsenwarcriminal#กัมพูชายิงก่อน#CambodiaOpenedFire#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด#TruthFromThailand#ทุ่นระเบิดผิดสนธิสัญญา#สมรังสี
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ได้ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.ผ่านทางไปรษณีย์ เนื้อหาระบุถึงการตรวจสอบข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และคำวินิจฉัยหรือคำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 89 (2) บัญญัติว่า “ผู้ได้รับการเสนอชื่อต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามที่จะเป็นรัฐมนตรีตามมาตรา 160 …” แต่กลับพบว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เป็นผู้ถือหุ้นและกรรมการบริษัท เทมส์ วัลลี่ย์ เขาใหญ่ โฮเต็ล จำกัด ตามข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และยังเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ ณ วันที่ 24 เมษายน 2567 จำนวน 19,999,999 หุ้นมูลค่าหุ้นละ 10 บาท หรือประมาณ 50% ของทุนจดทะเบียน ประเด็นสำคัญคือนายเรืองไกร ระบุบริษัท เทมส์ วัลลี่ย์ เขาใหญ่ โฮเต็ล จำกัด ทำธุรกิจอยู่บนโฉนดที่ดิน 4 แปลง พบว่าที่ดินดังกล่าวมีข้อสงสัยว่าเป็นที่ดินพื้นที่ต้นน้ำลำธาร (Watershed) หรือไม่ ดังนั้นถ้าที่ดินของบริษัทที่นางสาวแพทองธาร เคยเป็นผู้ถือหุ้นและกรรมการในขณะเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นที่ดินพื้นที่ต้นน้ำลำธาร (Watershed) ย่อมนำไปออดโฉนดไม่ได้ แต่หากออกไปแล้ว นางสาวแพทองธาร อาจจะเข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 89 (2) มาตั้งแต่แรก “ดังนั้น จึงมีเหตุอันควรขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบโดยเร็วว่า นางสาวแพทองธาร เข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 89 (2) ประกอบมาตรา 160 (4) (5) และฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ และขอให้ ป.ป.ช. ส่งคำร้องต่อศาลฎีกาว่า นางสาวแพทองธาร ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป ไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมือง และถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี หรือไม่ #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#แพทองธารชินวัตร#ศาลรัฐธรรมนูญ#ปปช#จริยธรรมร้ายแรง#รุกพื้นที่ต้นน้ำ#ตัดสิทธิทางการเมือง#รัฐบาลแพทองธาร#ตรวจสอบอำนาจ#ล้างกระดานการเมือง
เรื่องนี้ถูกเปิดเผยจากนายสุณัย ผาสุข ที่ปรึกษา Human rights watch ประเทศไทย ที่โพสต์เตือนเรื่องนี้พร้อมนำแถลงการณ์ของฝั่งกัมพูชาที่ร้องต่อนานาชาติ โดยระบุ “เป็นเรื่อง! กระทรวงกลาโหม #กัมพูชา แถลงฟ้องนานาชาติว่า #แม่ทัพภาค2 ของไทยประกาศจะปิดปราสาทตาเมือนธม และยึดปราสาทตาควาย คือ การยั่วยุ เป็นหลักฐานแสดงความพยายามที่จะเคลื่อนย้ายกำลังพล และที่ตั้งทางทหารเพื่อรุกรานกัมพูชา เท่ากับว่าไทยละเมิด #ข้อตกลงหยุดยิง!” ขณะที่นางอังคณา นีละไพจิต สมาชิกวุฒิสภา ก็นำมารีโพสต์พร้อมระบุว่า “หรือเป็นเพราะไม่มีนายก ไม่มี รมต.กลาโหม ใครอยากพูดไรก็พูด ข้อตกลงร่วม GBC ของสองฝ่ายออกมาอย่าง ผู้รับผิดชอบในพื้นที่พูดอีกอย่าง บอกได้เลยกรณีความขัดแย้งชายแดนไทย- กัมพูชา ถ้าไปศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ไทยอาจจะเสียเปรียบ รอฟังกระทรวงการต่างประเทศจะชี้แจงเรื่องนี้อย่างไร ทั้งนี้กระทรวงกลาโหมกัมพูชาออกแถลงการณ์ มีเนื้อหาอ้างถึง พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เกี่ยวกับปราสาทตาควายและปราสาทตาเมือนธม ที่ว่าพลโท บุญสินประกาศแผนเกษียณอายุราชการ 51 วัน ว่าจะยึดปราสาทตาควาย และประกาศปิดปราสาทตาเมือนธม ถือเป็นหลักฐานของความพยายามยั่วยุและวางแผนล่วงหน้าเพื่อรุกรานอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา เป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและเจตนารมณ์ของการประชุมวิสามัญของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 68 ณ ประเทศมาเลเซีย พร้อมระบุกัมพูชาและไทยได้ตกลงต้องไม่เคลื่อนย้ายกำลังพล รวมถึงการงดเว้นการลาดตระเวนเกินกว่าตำแหน่งปัจจุบัน โดยกัมพูชายังได้ยื่นคำร้องต่อประชาคมระหว่างประเทศ และขอเรียกร้องให้ประเทศไทยเคารพข้อตกลงหยุดยิง ไม่เพียงแต่ด้วยวาจา ยังรวมถึงการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม รวมถึงการหยุดยั้งการละเมิดและการยั่วยุทั้งหมด #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#StopHunManet#WarCrimes#HumanRights#Scambodia#ฮุนเซนอาชญากรสงคราม#hunsenwarcriminal#กัมพูชายิงก่อน#CambodiaOpenedFire#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด#TruthFromThailand#ทุ่นระเบิดผิดสนธิสัญญา#อนุสัญญาออตตาวา
ภาพของกองกำลังบูรพา , ฉก.อรัญประเทศ เร่งดำเนินการติดตั้งรั้วลวดหนามหีบเพลงตลอดแนวชายแดนในพื้นที่คลองพรหมโหด ตั้งแต่จุดตรวจอรัญประเทศ 20 (สะพานคลองลึก) ไปจนถึงจุดตรวจอรัญประเทศ 31 รวมระยะทาง 9.8 กิโลเมตร ซึ่งที่ผ่านมา ได้ดำเนินการติดตั้งรั้วลวดหนามเสร็จสิ้นไปแล้ว 6.3 กิโลเมตร ในพื้นที่คลองลึก ระหว่างจุดตรวจอรัญประเทศ 08 ถึง 20 เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการ สกัดกั้นและป้องกันการลักลอบข้ามแดน ของแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย และขบวนการมิจฉาชีพ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่มักใช้ช่องทางธรรมชาติในการหลบหนี รวมถึงป้องกันการกระทำผิดกฎหมายในรูปแบบอื่นๆ ตามแนวชายแดน โดยพื้นที่ดังกล่าวถือเป็นจุดล่อเเหลมที่ กลุ่มลักลอบทำผิดกฎหมายมักใช้เป็นเส้นทางในการเข้า-ออกประเทศ เนื่องจากมีภูมิประเทศที่เอื้อต่อการหลบซ่อนข้ามเเดน การติดตั้งรั้วลวดหนามหีบเพลงในครั้งนี้จะช่วยลดช่องว่างและจำกัดการเคลื่อนที่ของกลุ่มคนเหล่านี้ได้ การเสริมมาตรการรักษาความปลอดภัยในครั้งนี้เป็นไปตามนโยบายในการจัดการปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ และการควบคุมแรงงานต่างด้าวให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยหวังว่าจะช่วยสร้างความมั่นใจและความสงบเรียบร้อยให้กับประชาชนในพื้นที่ชายแดนได้มากยิ่งขึ้น #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #StopHunManet #WarCrimes #HumanRights #Scambodia #ฮุนเซนอาชญากรสงคราม #hunsenwarcriminal #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #TruthFromThailand #ทุ่นระเบิดผิดสนธิสัญญา #อนุสัญญาออตตาวา
เป็นภาพชุดที่สมเด็จฯฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โพสต์ขณะตีกอล์ฟ นับสิบรูป พร้อมถือแก้วกาแฟยี่ห้อดัง บอกดื่มกาแฟ 0% แทน 100%, 70%, 50%, 30% ตามคำแนะนำของแพทย์ ตั้งแต่มีสถานการณ์ที่ชายแดน ก็เริ่มรู้จักกาแฟแบรนด์ดัง และเริ่มดื่มวันละ 2 แก้ว ตอนเช้า 1 แก้ว ตอนเย็น 1 แก้ว โดยไม่ใส่น้ำตาลเลย 0% พร้อมระบุ มีโอกาสไปตีลูกกอล์ฟนานหลายชั่วโมง ทำให้เอวตึงเล็กน้อย แต่การตีลูกกอล์ฟยังดีอยู่ “แม้จะอยู่ในสนามกอล์ฟ แต่ผมก็ยังสามารถเข้าร่วมปฏิบัติงานได้หากมีเหตุฉุกเฉิน โดยเฉพาะจากกองทัพที่ชายแดน ขอให้มีความสุขในวันสุดสัปดาห์ พร้อมกับความระมัดระวังสูงสุด” สมเด็จฮุนเซนทิ้งท้าย #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#StopHunManet#WarCrimes#HumanRights#Scambodia#ฮุนเซนอาชญากรสงคราม#hunsenwarcriminal#กัมพูชายิงก่อน#CambodiaOpenedFire#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด#TruthFromThailand#ทุ่นระเบิดผิดสนธิสัญญา#อนุสัญญาออตตาวา
เป็นแถลงการณ์ของศูนย์เฉพาะกิจฯ ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยระบุถึงกรณีที่กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 111 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนในดินแดนของไทยในพื้นที่บริเวณรอยต่อโดนเอาว์-กฤษณา จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้มีการเก็บกู้ทุ่นระบิดเรียบร้อยแล้ว ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคล นั้น หลักฐานทุ่นระเบิดที่พบสอดคล้องกับผลการตรวจสอบการ พบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกองทัพบก่อนหน้านี้ว่าเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ ดังนั้น การวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลใหม่นี้ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และนับเป็นครั้งที่ 3 ที่กองกำลังไทยประสบเหตุการณ์เช่นนี้ในเวลาเพียงไม่ถึง 1 เดือนจากเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุดต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย เป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ และเป็นการละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) อย่างชัดเจน ไทยอยู่ระหว่างการมีหนังสือประท้วงเรื่องดังกล่าวไปยังกัมพูชา และประธานอนุสัญญาฯ การกระทำดังกล่าวเป็นอุปสรรคอย่างร้ายแรงต่อการดำเนินการตามมาตรการหยุดยิงที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้ในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ วันที่ 7 สิงหาคม 2568 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย ไทยจึงขอเรียกร้องฝ่ายกัมพูชาหยุดการกระทำที่ละเมิดอนุสัญญาฯ โดยทันที และให้ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมตามแนวชายแดนตามที่นายกรัฐมนตรีของทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันภายในกรอบทวิภาคี และตามที่ฝ่ายไทยได้เสนอต่อที่ประชุม GBC ที่ผ่านมา แต่ฝ่ายกัมพูชาไม่ตอบสนอง #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #StopHunManet #WarCrimes #HumanRights #Scambodia #ฮุนเซนอาชญากรสงคราม #hunsenwarcriminal #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #TruthFromThailand #ทุ่นระเบิดผิดสนธิสัญญา #อนุสัญญาออตตาวา
