Author: Writer Publisher

.สืบเนื่องจากพรรคก้าวไกลประชุม สส. ร่วมกับกรรมการบริหารพรรคเพื่อสรุปบทลงโทษ สส.พรรคที่ถูกกล่าวหาว่าคุกคาม และล่วงละเมิดทางเพศ 2 กรณี ได้แก่ นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส. ปราจีนบุรี และนายไชยามพวาน หมั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. ฝั่งธนบุรี.หลังการประชุมเสร็จสิ้น ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคและสส.พรรคก้าวไกล มีมติขับนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา หรือ สส.แจ้ ปราจีนบุรี ออกจากสมาชิกพรรคก้าวไกล เพราะถือเป็นการผิดวินัยร้ายแรง ส่วนนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. เสียงไม่ถึง 3 ใน 4 ให้ขับพ้นสมาชิกพรรค จึงให้มีการรอคาดโทษไว้ก่อน เพื่อให้มีการยอมรับผิดและขอโทษจากการกระทำ จากนั้นจะมีการพิจารณาต่อไป โดยใช้เวลาประชุมนาน 6 ชั่วโมง.โดยนายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า “ที่ประชุมกรรมการบริหารและสส.ของพรรคก้าวไกล มีความเห็นว่าทั้ง 2 กรณีมีพฤติการณ์คุกคามทางเพศจริง ถือเป็นการกระทำผิดวินัยร้ายแรง จึงมติให้นายวุฒิพงศ์ พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล ขณะที่นายไชยามพวาน เสียงส่วนใหญ่ 106 จาก 128 เห็นควรให้ขับออกจากสมาชิกพรรค แต่เนื่องจากเสียงไม่ถึง 3 ใน 4 ของ กก.บห.และ ส.ส.ที่มีอยู่ จึงยังไม่สามารถขับนายไชยามพวานพ้นจากสมาชิกได้ แต่ที่ประชุมเห็นว่าควรติดสิทธิ์พึงมีทั้งหมด และให้คาดโทษไปตลอดสมัยประชุม หากมีพฤติกรรมเข้าข่ายคุกคามทางเพศอีก อาจจะต้องให้พ้นจากสมาชิกพรรค”. .นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ความต่างที่เกิดการถกเถียงกันของ 2 กรณีนี้คือ ในหนึ่งกรณีที่เห็นตรงกันมีการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่บทบาท ตั้งแต่เป็นว่าที่ผู้สมัครของพรรคจนกระทั่งเป็น สส. และใช้อำนาจของตัวเองในการปกปิดความผิดจนถึงปัจจุบัน ทำให้ที่ประชุม สส.จำนวนหนึ่งเห็นว่ามาตรการลงโทษมีความรุนแรงแตกต่างกัน.นายชัยธวัช กล่าวว่า อย่างไรก็ตามแม้ว่าไม่ได้เกิดการบังคับขืนใจและไม่ได้ปฏิเสธ ดูเหมือนเป็นการยินยอมพร้อมใจกันทั้ง 2 ฝ่าย แต่กรณีนี้จะชี้ให้เห็นว่าการยินยอมพร้อมใจกันทั้ง 2 ฝ่าย มันไม่เป็นการยินยอมพร้อมใจอย่างแท้จริงๆ หากอยู่ภายใต้ความสัมพันธ์ทางอำนาจที่ไม่เท่าเทียมกัน หากคนที่อยู่ในสถานะที่สามารถให้คุณให้โทษกับผู้ใต้บังคับบัญชาหรือทีมงาน ตรงนี้เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่เท่าเทียม จะมาอ้างว่ายินยอมพร้อมใจไม่ได้ เมื่อถามว่าหากมีการตั้งคณะกรรมการจริยธรรมของสภาเพื่อตรวจเรื่องนี้พรรคก้าวไกลยินดีให้ตรวจสอบหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ถ้าจะมีการตรวจสอบพรรคก็ให้ความร่วมมืออยู่แล้ว และโดยพื้นฐานพรรคก็มีมติชัดเจนตั้งแต่กรรมการวินัยฯและคณะกรรมการบริหารว่ามีความผิดทางวินัยร้ายแรง.เมื่อถามว่าแม้ว่าโทษของที่ประชุมจะไม่เหมือนกัน แต่มติของกรรมการวินัยฯ และกก.บห.พรรคเห็นตรงกันว่าผิดวินัยร้ายแรงทั้งคู่จะมีการขอให้ทั้ง 2 ลาออกจาก…

Read More

.เป็นไปตามคาด หลังการประชุมใหญ่วิสามัญ ครั้งที่ 1/2566 ของพรรคเพื่อไทย เพื่อเลือกกรรมการบริหาร และหัวหน้าพรรคคนใหม่วันนี้ (27 ต.ค.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ได้รับคัดเลือกเป็น หัวหน้าพรรคเพื่อไทย คนใหม่ ขณะที่ นายสรวงศ์ เทียนทอง ได้เป็น เลขาธิการพรรคฯ ส่วนนายดนุพร ปุณณกันต์ ได้เป็นโฆษกพรรคเพื่อไทย. #ThePublisherth #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #แพทองธาร #เพื่อไทย

Read More

เมื่อวันที่ 19 ต.ค. 66 เวลา 11.00 น. ณ สำนักงานใหญ่การบินไทย ถ.วิภาวดีรังสิต กทม. นายนพพล ชูกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร RBS group ได้เดินทางมาส่งมอบ “ถุงน้ำใจ” จำนวน 500 ชุด จากโครงการ “ส่งน้ำใจให้คนไทย ในอิสราเอล” ซึ่งเป็นโครงการที่เกิดจากความร่วมมือของเครือ RBS group มูลนิธินักศึกษาสถาบันพระปกเกล้าเพื่อสังคม กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน). .ภายใน “ถุงน้ำใจ” นั้น ประกอบด้วยขนมคาวหวานต่าง ๆ ที่จะพอช่วยบรรเทาความหิว และสร้างความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับพี่น้องชาวไทยในอิสราเอล.โดย “ถุงน้ำใจ” จะถูกนำขึ้นเครื่องบินของสายการบินการบินไทย และเครื่องบินของกองทัพอากาศ ที่จะเดินทางไปสนับสนุนการอพยพคนไทยที่อยู่ในพื้นที่ความขัดแย้งในประเทศอิสราเอล โดยได้รับการอำนวยการจากกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ และบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน). .โดยหลังจากเครื่องบินที่จะบินไปรับผู้อพยพชาวไทยลงจอด ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอลแล้วนั้น “ถุงน้ำใจ” จะถูกส่งต่อให้กับเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ นำไปกระจายให้กับผู้อพยพลี้ภัยสงครามชาวไทย ในศูนย์อพยพลี้ภัย 2 จุด ที่อยู่ภายใต้การดูแลของสถานทูตฯ.โดยข้อมูลปัจจุบันระบุว่า มีคนไทยจำนวนทั้งหมด 30,000 คน อยู่ในประเทศอิสราเอล อพยพสำเร็จไปแล้ว 1,000 คน และได้ลงทะเบียนแจ้งขออพยพแล้วจำนวนมากกว่า 8,000 คน โดยความเป็นอยู่และอาหารการกินของผู้อพยพลี้ภัยสงครามชาวไทยนั้น จะได้รับการดูแลจากสถานทูตฯ. .สำหรับโครงการ “ส่งน้ำใจให้คนไทย ในอิสราเอล” นั้น นอกจากการส่ง “ถุงน้ำใจ” ไปช่วยบรรเทาความหิวนั้น ยังมีวัตถุประสงค์ในการ “ส่งน้ำใจ” และเป็นกำลังใจให้พี่น้องชาวไทยที่ลำบาก ให้รู้ว่าเขาไม่ได้ถูกลืม. ThePublisherth #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #RBSGroup #ถุงน้ำใจ #ช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอล

Read More

ในทุก ๆ วันที่ 19 ตุลาคมของทุกปี ได้มีการกำหนดเป็น วันเทคโนโลยีของไทย เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ในฐานะที่ทรงเป็น ‘พระบิดาแห่งเทคโนโลยีไทย’.จุดเริ่มต้น วันเทคโนโลยีของไทย มาจากเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2515 หรือเมื่อ 51 ปีที่แล้ว เมื่อพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ได้ทรงควบคุมบัญชาการและอำนวยการสาธิตฝนเทียมสูตรใหม่เป็นครั้งแรกของโลก ณ เขื่อนแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี โดยใช้สนามบินบ่อฝ้าย อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เป็นฐานปฏิบัติการ และประสบความสำเร็จฝนตกตามเป้าหมายอย่างแม่นยำ ซึ่งสร้างความประทับใจให้แก่คณะผู้แทนรัฐบาลสิงคโปร์และผู้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทเป็นอย่างมาก. .การสาธิตฝนเทียมในครั้งนั้นถือเป็นต้นกำเนิดเทคโนโลยีฝนหลวงที่พัฒนาเป็นการทำฝนเทียมของ กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ทำอยู่ในปัจจุบัน และเพื่อจารึกไว้เป็นเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ รัฐบาลจึงมีมติให้เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 และกำหนดให้วันที่ 19 ตุลาคมของทุกปีเป็น ‘วันเทคโนโลยีของไทย’ เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีและรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอด.พระองค์ได้ทรงศึกษาค้นคว้าวิจัย และทรงนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ตลอดจนเป็นการแสดงเทคโนโลยีที่คิดค้นประดิษฐ์ และพัฒนาโดยคนไทย เพื่อเป็นการกระตุ้นให้สาธารณชนเกิดความเชื่อมั่นและเข้าร่วมพัฒนาเทคโนโลยีของไทย นอกจากนี้ พระองค์ยัง ยังทรงศึกษาค้นคว้าวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ก่อกำเนิดเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมากมายอีกด้วย.ที่มา : กรมฝนหลวงและการบินเกษตร #ThePublisherth #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #วันเทคโนโลยีของไทย #ในหลวงรัชกาลที่9

Read More

.พลตรี วันชนะ สวัสดี หรือ ‘ผู้พันเบิร์ด’ ได้ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง เกี่ยวกับ ‘เงินค่าธรรมเนียมรับปริญญา’ โดยระบุว่า….ที่ผ่านมา มักจะมีคําถามเกี่ยวกับ ‘เงินค่าธรรมเนียมรับปริญญา’ มาโดยตลอด เพราะมีคนที่มีความพยายามจะทำให้คนทั่วไปเข้าใจผิดว่า เงินค่าธรรมเนียมรับปริญญาที่บัณฑิตต้องจ่ายในพิธีรับปริญญานั้น จะถูกนำไปถวายให้ ‘ในหลวง’.ไม่จริงเลยครับ….เงินค่าธรรมเนียมรับปริญญานั้น เป็นเงินที่ใช้สำหรับเป็นค่าบริหารจัดการของหน่วยงานนั้น ๆ นะครับ ที่เขาจะเอาไปใช้จ่ายเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเปิดหอประชุม หรือค่าธุรการอะไรต่าง ๆ สำหรับในพิธีรับปริญญาทั้งหมด เป็นค่าใช้จ่าย ค่าธรรมเนียม ซึ่งเป็นหน้าที่ที่มหาวิทยาลัยนั้น ๆ จะต้องชี้แจงกับนักศึกษา.ผมยังไม่รู้เลยว่า เรื่องนี้นั้น จะมีใครบางคนชี้แจงแบบบิดเบือนหรือไม่ อีกทั้ง อาจจะมีอาจารย์บางท่านที่ชี้แจงอย่างไม่ครบถ้วนว่า เงินค่าธรรมเนียมนี้นั้น ส่วนนึงจะถวายให้ในหลวง จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดในหมู่นักศึกษา สิ่งนี้ก็เลยอาจจะทำให้นักศึกษาเกิดอคติ เกิดความคิดที่ไม่ดีกับสถาบันพระมหากษัตริย์.แล้วเงินค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เหล่านี้ มีการถวายให้ในหลวงจริงหรือไม่?.การที่มหาวิทยาลัยได้จัดการพระราชทานปริญญาบัตร และในหลวงท่านทรงเสด็จพระราชดำเนินไปมอบปริญญาบัตรแก่บัณฑิตนั้น มีการถวายเงินให้กับสถาบันฯ จริง.แต่เงินที่ถวายให้กับสถาบันฯ นั้น เป็นเงินที่ทางมหาวิทยาลัยนั้น ๆ ทูลเกล้าถวายให้กับสถาบันฯ เปรียบเหมือนเป็นการขอบพระคุณพระองค์ น้อมรำลึกถึงความกรุณาของพระองค์ท่าน. . แต่เงินที่ถวายนั้น ไม่ใช่เงินที่ได้มาจากการเก็บค่าธรรมเนียมรายหัวของนักศึกษาที่เข้ารับปริญญา เงินที่ถวายนั้น เป็นเงินหลังจากการที่ทางมหาวิทยาลัยบริหารจัดการทั้งหมดแล้ว จึงอยากทูลเกล้าถวาย หรืออาจจะเป็นเงินที่มาจากงบประมาณส่วนอื่น ๆ ก็ได้.แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ ในหลวงท่านไม่รับ….ในหลวงทรงพระราชทานเงินทั้งหมดนั้นคืนแก่ทางมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเป็นมหาวิทยาลัยในเครือราชภัฏ.ในหลวงท่านทรงพระราชทานคืนมาทุกครั้ง ตั้งแต่เมื่อครั้งที่พระองค์ยังเป็นมกุฎราชกุมาร.ทูลเกล้าถวายไปกี่ครั้ง พระองค์ท่านก็จะทรงพระราชทานคืนลงมาที่ ‘มูลนิธิคุรุอุปถัมภ์’.เพราะฉะนั้น การที่เกิดอคติแบบนี้ขึ้นมาในสังคม แล้วไม่ใครออกมาชี้แจงข้อมูล อธิบายข้อเท็จจริง ผมจึงต้องออกมาอธิบายให้ทุกคนได้ฟัง.ข้อเท็จจริงที่ว่า “ในหลวงทรงไม่เคยรับเงินค่าธรรมเนียมรับปริญญา และพระองค์ทรงพระราชทานคืนแก่มหาวิทยาลัยทั้งหมด”.ที่มา : https://vt.tiktok.com/ZSNjBGyXX/ ThePublisherth #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #ในหลวงรัชกาลที่10

Read More

.วนกลับมาอีกครั้ง กับวันครบรอบเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์การเมืองไทย 6 ตุลาคม 2519 ที่สื่อแทบทุกสำนัก และบุคคลต่าง ๆ ในขบวนการต่อสู้เรียกร้อง “ประชาธิปไตย” ต่างต้องหยิบเหตุการณ์ในวันดังกล่าวมารำลึกถึง ถอดบทเรียน และใช้เป็นสัญลักษณ์ในการแสดงจุดยืนอยู่ทุกปี… ปีนี้เองก็เช่นกัน.เหตุการณ์โศกนาฏกรรมในวันที่ 6 ตุลาคม 2519 นั้น เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้งและความเกลียดชังผู้ที่มีความเห็นต่างทางการเมืองอย่างรุนแรง ในระดับที่ไม่ได้มองคนเห็นต่างเป็นมนุษย์ และกระทำต่อพวกเขาอย่างทารุณ ด้วยความรู้สึกสนุกสนาน สะใจ.ปฏิเสธไม่ได้ว่าความขัดแย้งและความเกลียดชังอย่างรุนแรงนั้น มี “เบื้องลึกเบื้องหลัง” และการปลุกปั่นทางความคิด ที่ใช้วิธีการ “การตลาดการเมือง” สร้างอัตลักษณ์ความเป็น “คนดีกับคนเลว” ขึ้นมาอย่างเป็นระบบ เป็นกระบวนการสร้างขั้วตรงข้ามในรูปแบบของ “ธรรมกับอธรรม” เพื่อหลอมแนวร่วมจากมวลชน ในการสร้าง “คอมมิวนิสต์” เป็นมหาวายร้าย และภัยคุกคามของชาติ. .การสร้างขั้วตรงข้ามแบบขาวดำเช่นนี้ มีส่วนสำคัญที่นำไปสู่การลดทอนความเป็นมนุษย์ของผู้ที่มีความคิดและความเชื่อทางการเมืองตรงกันข้าม และถูกนำไปให้ความชอบธรรมกับการใช้ความรุนแรงทั้งทางกายและวาจาโดยที่ไม่รู้สึกผิด เพราะเชื่อว่าตนกำลังต่อสู้ในภารกิจที่สูงส่งในการปกป้องชาติ และกำจัดคนเลว การใช้มาตรการทุกวิถีทางรวมทั้งความรุนแรงเพื่อโค่นล้มแนวคิดของผู้เห็นต่าง ด้อยค่าฝ่ายตรงข้ามเป็นคนไร้ศีลธรรมไร้สติปัญญา และมีสถานะต่ำกว่า สร้างระเบียบทางสังคมและการเมืองที่ตั้งอยู่บนฐานศีลธรรมอันดีงามและการเมืองที่กำกับควบคุมโดยคนดี.เวลาผ่านไป 47 ปี การจัดการปัญหาความขัดแย้งก็เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย แม้จะไม่มีภาพความเหตุการณ์ความรุนแรงให้เห็นแบบในอดีตแล้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความขัดแย้งในการเมืองไทยในปัจจุบันยังคงรุนแรง และยังคงมีการใช้ “การตลาดการเมือง” ไม่ต่างจากในอดีต เปลี่ยนไปก็เพียงแต่บริบททางยุคสมัย.หลักศีลธรรมที่เป็นเครื่องหมายของ “คนดี” ในอดีต ปัจจุบันก็เปลี่ยนเป็น “หลักสิทธิมนุษยชน” แทน ผู้คนยังคงถือหลักการของตัวเองไปกระทำการ “ล่าแม่มด” ด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่นการ “ไลฟ์สด” ประจานผู้ที่เห็นต่างทางการเมือง การ “ทัวร์ลง” แสดงความคิดเห็นด้วยค่าด้วยถ้อยคำหยาบคายใส่ผู้ที่แสดงความคิดเห็นไม่ถูกใจตน ซึ่งการกระทำเหล่านี้ล้วนมีต้นตอมาจากการใช้ “การตลาดการเมืองแบบคนดี-คนเลว”.ถามว่าความรุนแรงเคยหายไปจากสังคมการเมืองไทยหรือไม่ ? หรือเพียงแต่วิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงรูปแบบไปตามบริบทของสังคมเท่านั้น ทั้งนี้ ก็ต้องตั้งคำถามต่อสังคมไทย ว่ามีความ educate แค่ไหน ต่อคำว่า “การตลาดการเมืองแบบคนดี-คนเลว”. #ThePublisherth #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #เหตุการณ์6ตุลา

Read More

.แม้ปัจจุบัน “ประเทศไทย” จะได้รับฉายาว่าเป็นเสมือนสยามเมืองยิ้ม ดินแดนที่พร้อมต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองด้วยรอยยิ้ม และความจริงใจ แต่ใครจะรู้ว่าช่วงเช้ามืดของวันที่ 6 ตุลา 2519 จะเกิดเหตุนองเลือดที่คร่าชีวิตนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ประชาชน รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ได้รับการชันสูตรพลิกศพไปกว่า 45 ศพ ซึ่งสาเหตุจากการเสียชีวิตมีทั้งถูกยิงด้วยอาวุธปืน ถูกทุบตี ถูกแขวนคอ และถูกเผาจนร่างมอดไหม้จนไม่เหลือเค้าโครงเดิม ซึ่งความเสื่อมโทรมทางกฎหมายของไทยในเหตุการณ์ 6 ตุลา คือ ไม่มีการดำเนินคดีผู้ที่ก่อการล้อมปราบ ก่อความรุนแรง และกระทำการสังหาร. .โดยสถิติไม่เป็นทางการจากมูลนิธิป๋วยคาดว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สุดเหี้ยมโหดนี้กว่า 100 ศพ ทั้งที่สามารถระบุตัวตนได้ และไม่สามารถระบุตัวตนได้เลย นับเป็นเหตุการณ์รุนแรงครั้งใหญ่ของสังคมไทย สร้างความสะเทือนขวัญให้กับผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น ทั้งยังส่งต่อฝันร้ายนั้นมายังยุวชนรุ่นหลังกว่า 47 ปี ซึ่งเกิดจากน้ำมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และประชาชนจำนวนหนึ่ง ร่วมกันต่อต้านนักศึกษาและผู้ประท้วงฝ่ายซ้าย โดยก่อนจะลงมือบุกเข้าไปปราบปรามถึงในสถานศึกษา มีการอ้างว่า นักเรียน นิสิต นักศึกษาที่ชุมนุมกันอยู่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มีการซ่องสุมและสะสมอาวุธ มีความคิดล้มล้างระบอบสถาบันและเป็นภัยต่อประเทศ จึงเกิดการเข่นฆ่าปัญญาชนของประเทศชาติอย่างทารุณ.หลังเหตุการณ์ 14 ตุลา (พ.ศ. 2516) ทำให้รัฐบาลทหารหมดอำนาจ บ้านเมืองมีบรรยากาศเสรีภาพ และเกิดการเฟื่องฟูของความคิดฝ่ายซ้ายต่าง ๆ ตลอดจนการประท้วงของกรรมกรและชาวนาอยู่เนือง ๆ ร่วมกับความไร้เสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเมือง “กลุ่มฝ่ายขวา” ซึ่งรู้สึกกังวลกับชัยของคอมมิวนิสต์ในประเทศเพื่อนบ้าน ใช้วิธีการก่อกวนขบวนการฝ่ายซ้ายจนมีผู้เสียชีวิตอยู่หลายโอกาส ขณะเดียวกัน มีฝ่ายกองทัพอย่างน้อยสองฝ่ายพยายามวางแผนให้เกิดรัฐประหารอีกครั้ง.โดยฝ่ายหนึ่งใช้วิธีการนำตัว “สามทรราช” กลับประเทศเพื่อหวังให้เกิดสถานการณ์บานปลาย วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2519 จอมพล ถนอม กิตติขจร เดินทางกลับประเทศ และบวชเป็นภิกษุที่วัดบวรนิเวศวิหารโดยมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีนาถเสด็จฯ เยี่ยม นักศึกษาปักหลักประท้วงที่สนามหลวง และย้ายไปมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิทยาเขตท่าพระจันทร์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน. .ในวันที่ 4 ตุลาคม นักศึกษาจัดการแสดงละคร จากเหตุฆ่าแขวนคอคนงานฝ่ายซ้ายที่จังหวัดนครปฐม โดยในวันที่ 5 ตุลาคม มีการตีพิมพ์ข่าวการแสดงดังกล่าว สื่อฝ่ายขวาประโคมข่าวกล่าวว่าบุคคลที่ถูกแขวนคอนั้นมีใบหน้าคล้ายกับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พร้อมทั้งโหมปลุกปั่นกระแสข่าวว่านักศึกษาธรรมศาสตร์ต้องการล้มเจ้า ล้มถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นผลให้กำลังกึ่งทหารที่โกรธแค้นมาชุมนุมกันนอกมหาวิทยาลัย.เหตุการณ์ 6 ตุลาและรัฐประหารเป็นจุดสิ้นสุดของ “ยุคการทดลองประชาธิปไตย” ซึ่งมีอายุไม่ถึงสามปี…

Read More

.เรียกได้ว่าเหรียญทองนี้สะเทือนวงการอีสปอร์ตเลยทีเดียว หลังจากที่นักกีฬาอีสปอร์ตชาวไทยอย่าง “TD Keane” ธีเดช ทรงสายสกุล และ “JUBJUB” พัฒนศักดิ์ วรนันท์ สองผู้เล่นทีมชาติไทยเข้าชิงเหรียญทองกันเองจากเกม EA FC Online ในศึกการแข่งขันเอเชียนเกมส์ 2022 ครั้งที่ 19. เปิดฉากฟาดฟันกันอย่างดุเดือด แม้จะเป็นเพื่อนร่วมชาติแต่ที่หนึ่งมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ก่อนจะจบเกมส์ที่ TD Keane ชนะไป 4-1 ปิดแมตช์ด้วยสกอร์ 2-0 คว้าเหรียญทองไปครองได้สำเร็จ และเป็นเหรียญทองแรกในประวัติศาสตร์ของทัพอีสปอร์ตไทยที่ทำได้ในเวทีเอเชียนเกมส์ ส่วน JUBJUB คว้าเหรียญเงิน ส่วนเหรียญทองแดง เป็น กวัก จุนฮยอก จากเกาหลีใต้. ส่งผลให้ทีมอีสปอร์ตไทยคว้าไปแล้ว 1 เหรียญทอง, 1 เหรียญเงิน จากเกม EA FC Online และ 1 เหรียญทองแดง จากเกม AOV.อ้างอิง : https://www.posttoday.com/lifestyle/700075 #ThePublisherth #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #เอเชียนเกมส์2022 #เหรียญทอง #อีสปอร์ต

Read More

.นับเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ โดยเฉพาะชาวเพชรบูรณ์ หลังจากที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลก (World Heritage Committee) มีมติให้ขึ้นทะเบียนแหล่งเมืองโบราณศรีเทพเป็นมรดกโลก ภายในอนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ ค.ศ. 1972 ขององค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก (UNESCO) โดยแหล่งเมืองโบราณศรีเทพเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโกลำดับที่ 4 ของไทย.โดยก่อนหน้านี้ ไทยมีมรดกโลกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้ว 6 แหล่ง ได้แก่ (1) เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร (2) นครประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาและเมืองบริวาร (3) เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร – ห้วยขาแข้ง (4) แหล่งโบราณคดีบ้านเชียง (5) ผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ และ (6) กลุ่มป่าแก่งกระจาน.เมืองโบราณศรีเทพตั้งอยู่ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ประกอบด้วยแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม 3 แหล่งที่สัมพันธ์และเกี่ยวข้องกัน คือ เมืองโบราณศรีเทพ โบราณสถานเขาคลังนอก และโบราณสถานถ้ำเขาถมอรัตน์ มีอายุมากกว่า 1,500 ปีและด้วยสภาพภูมิประเทศที่มีความเหมาะสม จึงมีการอยู่อาศัยของมนุษย์มาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งเป็นเมืองโบราณในวัฒนธรรมทวารวดีที่มีลักษณะโดดเด่นเฉพาะตัว มีผังเมืองที่มีอัตลักษณ์แตกต่างไปจากผังเมืองสมัยทวารวดีทั่วไป และยังมีรูปแบบศิลปกรรมที่โดดเด่น และแตกต่างจากเมืองสมัยทวารวดีในที่อื่น ๆ จนได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปกรรมในสกุลช่างศรีเทพ. .การขึ้นทะเบียนมรดกโลกครั้งนี้เป็นความภาคภูมิใจของไทยและถือเป็นการสร้างความตระหนักรู้ในระดับสากลต่อคุณค่าและความสำคัญของแหล่งเมืองโบราณศรีเทพในฐานะมรดกโลกทางวัฒนธรรม รวมถึงเป็นจุดเริ่มต้นของการผสานความร่วมมือในการดำเนินงานร่วมกันของภาคส่วนต่าง ๆ ในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู คุ้มครอง และป้องกัน เมืองโบราณศรีเทพให้เป็นแหล่งเรียนรู้และสมบัติของคนรุ่นใหม่และคนทั้งโลกต่อไป.อ้างอิง : กระทรวงการต่างประเทศ #ThePublisherth #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #เมืองโบราณศรีเทพ

Read More

.”ไปกับข่าวไปกับเรา” สำนักข่าวออนไลน์ THE STATES TIMES ผนึกกำลัง KCS RADIO และ MAYA Channel สร้างมิติใหม่ในการเสนอข่าว ครอบคลุมทุกช่องทาง ออนไลน์ วิทยุ ทีวีดาวเทียม ดันรายการข่าว สดใหม่ ทั้งวัน 4 รายการ ตลอดวันจันทร์ถึงอาทิตย์ พร้อมออกอากาศคู่ขนาน ทั่วประเทศไทย.สำนักข่าวออนไลน์ THE STATES TIMES ชัดเจน เป็นกลาง ร่วมกับ KCS RADIO ผู้บริหารสถานีวิทยุชั้นนำทั่วไทย และ MAYA Chanel ทีวีดาวเทียม ช่องบันเทิงอันดับ 1 จากดาวเทียม PSI ช่อง 44 สร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ ผสานสื่อใหม่ (New Media) และสื่อดั้งเดิม (Traditional Media) ขับเคลื่อนพลังแห่งการรับรู้ข่าวสารที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือให้กับประชาชนคนไทย ให้มีส่วนร่วมไปกับข่าว (Engagement) ผ่านทั้ง 3 ช่องทาง (Cross Media) โดยออกอากาศพร้อมกัน ทั้งออนไลน์, วิทยุ และทีวีดาวเทียม ภายใต้ความเชื่อมั่นที่จะทำให้คนไทยดูข่าวได้สนุกขึ้น.คุณสิริชล สถิตย์เสถียร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เคซีเอส แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด เผยถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า แม้ว่าบทบาทของสื่อวิทยุจะเปลี่ยนแปลงไปมากในช่วงที่ผ่านมา แต่ก็ยังพบว่าเป็นสื่อสำคัญที่ประชาชนคนไทยเลือกใช้เพื่อฟังข่าวสารอยู่เสมอ เพราะมีความน่าเชื่อถือสูง ซึ่งที่ผ่านมา KCS RADIO เอง ก็ได้ปรับตัวโดยใช้แนวคิดในการนำคอนเทนต์ดีๆ เป็นแกนกลาง และผลักดันคอนเทนต์เหล่านี้ ผ่านสื่อวิทยุไปสู่ประชาชน โดยเฉพาะ ‘ข่าว’ ที่ถือเป็นหนึ่งในคอนเทนต์สำคัญที่ผู้คนสนใจเป็นอย่างมาก.ดังนั้น การตัดสินใจร่วมมือกับ สำนักข่าวออนไลน์ THE STATES TIMES ก็เพื่อเสริมแกร่งให้กับช่องทางของบริษัทฯ ด้วยการนำจุดแข็งด้านเนื้อข่าวสารของ THE STATES TIMES ที่มีความ ‘ชัดเจน เป็นกลาง’ มาร่วมส่งต่อผ่านสื่อวิทยุภายใต้เครือข่ายของ KCS ที่มีความครอบคลุมทั่วประเทศ…

Read More