- Original
- Urban Culture
- Writer
- About us
- คุยกับสส
- The Persona
- Brief
- Thai Treasure
- Urban life
- On this day
- News
- Home
- Editir pick
- Good
- Persona
- Persona
- Urban
- Business
- Politics
- Playlist
- Home
- People Voice
- Culture
- นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
- Urban Wealth
- Law
- Update
- I’m Youth Ranger
- Urban History
- Issues
- Check
Subscribe to Updates
Get the latest creative news from FooBar about art, design and business.
Author: Writer Publisher
#Scambodia VS #TruthFromThailand 30 ก.ค.68 กัมพูชาฟ้องโลกว่าไทย “จับทหารเขมรอย่างผิดกฎหมาย” แต่ข้อเท็จจริงคือ… พวกเขา ยอมจำนนเอง เหตุเกิดที่ “ซำแต” จ.ศรีสะเกษ 29 ก.ค. 68 — ทหารกัมพูชา เสียชีวิตสองนาย และถูกควบคุมตัว 18 นาย วางอาวุธหลังบุกรุกแผ่นดินไทย ได้รับการดูแลตามหลักมนุษยธรรม แล้วใครกันแน่… ที่สร้างเรื่องโกหก? #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#ชายแดนไทยกัมพูชา#IOเขมร#Scambodia#ปกป้องอธิปไตยไทย
วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น. ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 รายงานสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา พบความเคลื่อนไหวสำคัญจากฝั่งประเทศกัมพูชา โดยมีการเสริมกำลังอย่างต่อเนื่อง และใช้โดรนบินตรวจการณ์ในหลายพื้นที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา พบการเคลื่อนไหวเสริมกำลังและปฏิบัติการทางอากาศ 1. ตรวจพบการเพิ่มเติมกำลังและเสริมความมั่นคงของกำลังฝ่ายกัมพูชาในพื้นที่ตลอดแนวชายแดนไทย–กัมพูชา 2. ตรวจพบการใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรนไม่ทราบฝ่ายและไม่ทราบชนิด) บินตรวจการณ์การวางกำลังของฝ่ายไทยหลายพื้นที่ ได้แก่ • ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี • พื้นที่ภูมะเขือ, สัตตะโสม, ปราสาทโดนตรวล, ภูผี อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ • ช่องจอม อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ • ช่องสายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ความคืบหน้ากรณีทหารกัมพูชายอมจำนน 3. กรณีทหารกัมพูชาจำนวน 20 นาย ที่ยอมจำนนเนื่องจากกระสุนหมดในพื้นที่ช่องซำแต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กองทัพไทยดำเนินการดังนี้ 3.1 ผู้ถูกควบคุมตัว • ทั้ง 20 นายถูกดำเนินคดีตามกฎหมายในความผิดฐาน “เข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือมาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย” • ในจำนวนนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ถูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน จ.สุรินทร์ พร้อมรับการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวช เนื่องจากคาดว่าได้รับผลกระทบจากการรบเป็นเวลานาน 3.2 อาวุธและยุทโธปกรณ์ • อาวุธและยุทโธปกรณ์ทั้งหมดถูกส่งให้เจ้าหน้าที่สรรพาวุธตรวจสอบและเก็บไว้เป็นหลักฐาน ก่อนส่งต่อให้พนักงานสอบสวนที่มีอำนาจดำเนินคดีตามกฎหมาย • กระสุนและวัตถุระเบิดที่ตรวจยึดได้ ส่งมอบให้หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) ดำเนินการทำลายต่อไป #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#กัมพูชายิงก่อน#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด#CambodiaOpenedFire#ทหารมีไว้ปกป้องอธิปไตย#TruthFromThailand#ละเมิดหยุดยิง#อาชญากรสงคราม#ประณามกัมพูชา#กองทัพภาคที่2#ยุทธบดินทร์
พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก แถลงข่าวด่วนปมปราสาทตาควายหลังกัมพูชาอ้างว่าได้ยึดตัวปราสาทไว้ โดยยอมรับในพื้นที่ปฏิบัติการทางทหาร สามารถควบคุมพื้นที่ได้ตามแผนที่วางไว้ แต่สำหรับตัวปราสาทมีข้อจำกัดยอมรับไม่สามารถควบคุมได้ 100% แต่ได้พื้นที่ควบคุมมากกว่าก่อนการปะทะ และกำลังทหารไทยควบคุมได้ด้วยอาวุธยิง และการวางกำลัง ในพื้นที่ภูมิประเทศสำคัญโดยรอบ “ไม่ใช่ตัวปราสาท เนื่องจากปราสาทเป็นพื้นที่ต่ำ หากวางกำลังประจำ อาจไม่ปลอดภัยในการใช้อาวุธยิงสนับสนุน จึงให้สำคัญในการคุมพื้นที่บริเวณปราสาทมากกว่า ห้วงสุดท้ายของการปะทะเราพยายามกระทำต่อเป้าหมายจุดสำคัญคือ หรือจุดสูงข่มทางการทหาร เนิน 350 และตัวปราสาท แต่พบการต่อต้านหนัก และสนามทุ่นระเบิดทำให้กำลังพลบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งเวลาไม่เพียงพอ เพื่อความปลอดภัย เราจึงควบคุมพื้นที่โดยส่วนรวมเท่านั้น ” พล.ต.วินธัยชี้ให้เห็นว่าปราสาทตาควายอยู่ต่ำกว่าเนิน 350 ที่กัมพูชาวางกำลัง และสามารถใช้อาวุธยิงตัวปราสาทได้ หากวางกำลังประจำจะเป็นเป้าหมายทางทหารที่นิ่ง และอ่อนแอ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย จึงทำการขยายการควบคุมพื้นที่ให้มากกว่าเดิม ถึงไม่มีกำลังประจำอยู่ที่ปราสาทตาควายก็ตาม #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#กัมพูชายิงก่อน#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด#CambodiaOpenedFire#ทหารมีไว้ปกป้องอธิปไตย#TruthFromThailand#ละเมิดหยุดยิง#อาชญากรสงคราม#ประณามกัมพูชา#ปราสาทตาควาย
พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้อำนวยการ ศบ.ทก.ชี้แจงกรณีที่ฝ่ายกัมพูชากล่าวหาทางการไทยลักพาตัวทหารกัมพูชาหลังการปะทะ โดยบอกว่าเป็นการควบคุมตัวหลังอยู่ในพื้นที่ไทย และดูแลตามหลักมนุษยธรรม เบื้องต้นเตรียมส่งตัวกลับในวันนี้ แต่เมื่อถูกกล่าวหาจึงต้องบันทึกปากคำไว้เป็นหลักฐานก่อน พล.อ.ณัฐพลยังชี้แจงกรณีที่ฝ่ายกัมพูชานำผู้ช่วยทูตทหารลงพื้นที่สู้รบก่อนฝ่ายไทยว่า ที่ฝ่ายกัมพูชานำลงพื้นที่เร็วกว่าเพราะมั่นใจฝ่ายไทยหยุดยิงแล้วจริงๆ ขณะที่ฝ่ายเราไม่มั่นใจว่ากัมพูชาหยุดยิงหรือไม่ เราจึงต้องการความมั่นใจว่าสถานการณ์ปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายกับผู้ช่วยทูตทหารที่จะลงพื้นที่ ซึ่งเมื่อฝ่ายกัมพูชานำลงพื้นที่ก่อนจึงมั่นใจว่าเขาหยุดยิงแล้วจริงๆ พล.อ.ณัฐพลบอก การนำผู้ช่วยทูตทหารลงพื้นที่แล้วเกิดเหตุปะทะอีก ฝ่ายไทยต้องมีส่วนรับผิดชอบ อย่างไรก็ตามมั่นใจในหลักฐานที่ได้รวบรวมสามารถชี้แจงคณะผู้ช่วยทูตทหารที่มีแผนนำลงพื้นที่วันพรุ่งนี้ เพื่อสำรวจความเสียหาย และทำให้เข้าใจสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี “เราจะสู้การบิดเบือนด้วยข้อเท็จจริง อาจจะช้าไม่ทันใจ แต่มั่นใจว่า ได้ผลที่ดีกว่า เราจะปฏิบัติต่อเขาตามหลักมนุษยธรรม ถึงแม้ฝ่ายกัมพูชาจะทำผิด ขัดหลักกติการะหว่างประเทศ และไม่มีมนุษยธรรมก็ตาม” พล.อ.ณัฐพล ระบุ #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#กัมพูชายิงก่อน#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด#CambodiaOpenedFire#ทหารมีไว้ปกป้องอธิปไตย#TruthFromThailand#ละเมิดหยุดยิง#อาชญากรสงคราม#ประณามกัมพูชา
สังคมไทยชราภาพเต็มตัว ในปี 2567 ประเทศไทยกลายเป็น “สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์” ประชากรกว่า 20.94% เป็นผู้สูงวัย และมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ “ตอนนี้ประชากร 5 คน จะมีผู้สูงอายุ 1 คน อีก 10 ปีจะเป็น 1 ใน 4 และหลังจากนั้นอีก 5 ปี จะเป็น 1 ใน 3” — ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน รองประธานคณะที่ปรึกษาติดตามและเร่งรัดการขับเคลื่อนนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. กล่าวเตือนถึงภาพอนาคตของประเทศ วิกฤตประชากร กระทบโครงสร้างรัฐ ศ.ดร.กนก วิเคราะห์ว่า โครงสร้างประชากรเช่นนี้จะสร้างภาระหนักให้คนวัยทำงาน เพราะในอีก 10 ปี คน 3 คนต้องดูแลผู้สูงอายุ 1 คน เทียบกับอดีตที่ 6 คนดูแล 1 คน “เมื่อผู้สูงอายุไม่ได้ทำงาน รายจ่ายย่อมสูงขึ้น ทั้งค่าดำรงชีวิตและค่ารักษาพยาบาล ขณะเดียวกัน เด็กเกิดน้อยลง น้อยกว่าคนตาย ปัญหานี้จะทำให้ระบบบริหารประเทศต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด จะทำแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว” ทางรอด: ยืดช่วงติดสังคม–ติดบ้าน ลดภาระรัฐ ทางออกที่ ศ.ดร.กนก เสนอ คือ ยืดอายุช่วงที่ผู้สูงวัยยังพึ่งตัวเองได้ โดยแบ่งเป็น 3 ช่วง: • 60–69 ปี: ช่วง “ติดสังคม” ยังมีพละกำลัง ไปไหนมาไหนได้ • 70–75 ปี: ช่วง “ติดบ้าน” เริ่มเคลื่อนไหวน้อยลง เริ่มโดดเดี่ยว • หลัง 80 ปี: เสี่ยงเข้าสู่ภาวะ “ติดเตียง” “โจทย์ของเราคือ ทำอย่างไรถึงจะยืดระยะเวลาของ 2 ช่วงอายุออกไปให้นานยิ่งขึ้น… ถ้ายืดช่วงติดสังคมได้ถึง 80 จะดีมาก ส่วนติดบ้านให้ยืดเป็น…
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม โพสต์ตั้งปุจฉาเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ ในชื่อ “ประเทศนี้ ชื่อว่า ประเทศไทย” โดยระบุเป็นประเทศที่แปลก ไม่มีนายกรัฐมนตรีที่ปฏิบัติหน้าที่ในขณะประเทศมีสงคราม ไม่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขณะทหารอยู่ในสนามเพลาะสู้กับศัตรู ขณะเอฟ-16 บินเหนือศีรษะปกป้องอาณาเขตแผ่นดิน เป็นประเทศที่นักการเมืองกำลังจับมือกับศัตรูเพื่อเอาการรบของทหาร ต่อรองเหตุผลทางการค้าที่รัฐบาลไม่มีน้ำยาเจรจาต่อรอง นายนิพิฏฐ์ยังระบุ เป็นประเทศที่แปลกมาก ที่นายกรัฐมนตรีแจ้งความผู้นำของศัตรูว่าหมิ่นประมาท และขอให้ศาลออกหมายจับผู้นำที่ทำให้นายกรัฐมนตรีของเราขายหน้า เป็นประเทศที่แปลก ที่ยอมให้ศัตรูโจมตีพลเรือนของชาติ,โจมตีโรงพยาบาลของรัฐ ซึ่งตามกฎหมายระหว่างประเทศ ถือว่าเป็น “อาชญากรสงคราม” “แต่ไม่คิดที่จะนำคดีไปสู่ศาลอาญาระหว่างประเทศ เพื่อให้จับบุคคลผู้สั่งฆ่าพลเรือนของเรา ผู้สั่งโจมตีโรงพยาบาลของเรา ในฐานเป็นบุคคลอันตรายของโลก เรากลับขมีขมันจับอาชญากรสงครามในข้อหาฐานหมิ่นประมาทนายกรัฐมนตรีของเรา เราใช้ทรัพยากรของชาติ เราใช้ตำรวจ,เราใช้อัยการ เราใช้ศาล ปกป้องความอ่อนด้อยของนายกรัฐมนตรี แต่เราไม่ปกป้องทหารและพลเรือน เรากลับพร้อมใจกันปล่อย อาชญากรสงคราม“ เขาโพสต์ตอนท้ายด้วยว่าประเทศนี้ ชื่อว่า”ประเทศไทย“ เป็นประเทศที่พลเมืองอาบเหงื่อต่างน้ำ จ่ายภาษีเป็นเงินเดือนให้นายกรัฐมนตรี ที่ชื่อ แพทองธาร ชินวัตร #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#กัมพูชายิงก่อน#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด#CambodiaOpenedFire#ทหารมีไว้ปกป้องอธิปไตย#TruthFromThailand#ละเมิดหยุดยิง#อาชญากรสงคราม#ประณามกัมพูชา#ฮุนเซน#แพทองธาร
นับถอยหลังไม่ถึง 24 ชั่วโมงสำหรับการเจรจาภาษีระหว่างไทยกับสหรัฐ หลังใกล้ถึงเส้นตายวันที่ 1 สิงหาคม 2568 ตามเวลาสหรัฐอเมริกา ซึ่งประเทศไทยทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนที่ต้องได้รับผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีอัตราใหม่ต้องร่วมลุ้นระทึก หลังหลายประเทศในอาเซียนสรุปข้อเจรจาไปหมดแล้ว เช่นเวียดนาม 20%, อินโดนีเซีย19% และฟิลิปปินส์ 19% โดยทีมเจรจาของไทยประเมินจะได้รับอัตราภาษีใกล้เคียงภูมิภาคที่ 19-20% หลังทีมไทยแลนด์หารือกับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ จนได้ร่างเอกสารสุดท้าย ส่งให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงท้ายก่อนประธานาธิบดีสหรัฐจะประกาศอัตราภาษีอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ฝ่ายไทย ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ หรือ ภาคเอกชนอย่างสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย คาดว่าจะได้ภาษีใกล้เคียงภูมิภาค เพราะสหรัฐฯ มองเป็นภูมิภาค จึงเชื่อว่าจะเป็นอัตราใกล้เคียงประเทศอื่นในภูมิภาคนี้ หรือประมาณ 19-20% เพราะสามารถแข่งขันในสมรภูมิการค้า รักษาตลาดสหรัฐฯได้ โดยไม่กระทบกับผู้ประกอบการภาคเกษตรกรรม การผลิต แรงงาน และภาคการส่งออกมากนัก ทั้งนี้ตามธรรมเนียมก่อนที่จะประกาศภาษีประเทศใดนั้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะโทรสายตรงถึงผู้นำประเทศนั้นๆ หรือโพสต์ลงโซเชียลมีเดียของเจ้าตัว ซึ่งต้องรอสัญญาณจากประธานาธิบดีทรัมป์ใน 24 ชั่วโมงนี้ #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#ภาษีทรัมป์#โดนัลทรัมป์#สหรัฐฯ#ข้อตกลงไทยสหรัฐ
28 ก.ค. เจรจาหยุดยิงวันสำคัญของชาติ ถ้าทหารไม่เสียสละชีพรักษาอธิปไตย ไทยจะเสียดินแดนครั้งแรกในรัชกาลที่ 10?” — จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เรียบเรียงจากบทสัมภาษณ์ในรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ดำเนินรายการโดย “สมจิตต์ นวเครือสุนทร” ⸻ ศึกตาควาย: หยุดยิง–เสียแผ่นดิน? จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ชี้ว่าข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ซึ่งตรงกับ “วันสำคัญของคนไทยทั้งชาติ“ อาจกลายเป็นตราบาปครั้งประวัติศาสตร์ ที่เกิดจากการเจรจาของภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกฯ หากฝ่ายกัมพูชายึดพื้นที่ “ปราสาทตาควาย” ได้สำเร็จ ก่อนถึงเส้นตายเที่ยงคืนที่กำหนดไว้ในข้อตกลง “ถ้าเขายึดได้ เท่ากับไทยจะเสียดินแดนครั้งแรกในแผ่นดินรัชกาลที่ 10 ทั้งที่เราประกาศปณิธานแล้วว่า จะไม่ยอมเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว” เขาชี้ว่าทหารไทยต้องสละชีพรักษาพื้นที่สำคัญนี้ไว้ เพราะการเจรจาหยุดยิงที่ไม่มีเงื่อนไข ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเดินเกมรุกอย่างมีเป้าหมาย ⸻ หยุดยิง = ละครเท็จ จตุพรโจมตีการเจรจาหยุดยิงที่มาเลเซียว่าเป็น “ความเหลวไหล” และ “โกหกประชาชน” พร้อมเตือนว่าไม่มีเหตุผลใดที่ประชาชนจะต้องร่วมเล่นละครนี้กับรัฐบาลหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข เป็นความเท็จทั้งปวง เราเห็นอยู่แล้วว่าเขมรยังละเมิดข้อตกลงต่อเนื่อง ประชาชนจะไปยอมรับความลวงนี้ทำไม? ”ประกาศหยุดยิงแต่เขมรยังยิงทุกคืน ในยามวิกาลที่ทหารปกป้องอธิปไตยด้วยชีวิต พวกคุณนอนหลับกันหมด ไม่ลุกขึ้นมาอธิบาย บัญชาการให้เห็น ยังอยู่ในบรรยากาศเวลาราชการ ทั้งที่อยู่ระหว่างศึกสงคราม แล้วยังเล่นบทหล่อกับความตายของทหาร เราปล่อยให้บ้านเมืองอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้“ ⸻ แนวหลังแนวหน้า หัวใจเดียวกัน เขายืนยันว่าการชุมนุมใหญ่วันที่ 2 สิงหาคม ที่อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไม่ใช่เพื่อไล่รัฐบาล เพราะมันเกินจุดนั้นมาแล้ว แต่เพื่อส่งกำลังใจให้ทหารที่แนวหน้า และยืนยันความเป็นหนึ่งเดียวของประชาชน “ใครจะขวางการหลอมรวมหัวใจของคนไทย? เราไม่เคลื่อนไปทำเนียบ ไม่ยื่นข้อเรียกร้องใด ๆ เพิ่มเติม แต่ขอแค่ยืนหยัดเคียงข้างทหารที่เสียเลือดเนื้อเพื่อชาติ” ⸻ รัฐบาลล้มละลาย ไม่เหลือศักดิ์ศรีให้เรียกร้อง จตุพรกล่าวว่า ไม่สามารถหวังความเป็นผู้นำหรือจิตวิญญาณรักชาติจากรัฐบาลนี้ได้อีกแล้ว “หลักคิดการเมืองแย่ ไม่ตั้งแม้แต่รมว.กลาโหม ทั้งที่ประเทศอยู่ในภาวะสงคราม ภูมิธรรมไม่พร้อมเป็นนายกฯ รักษาการ ส่วนแพทองธารแม้จะปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ไม่เหนือไปกว่าภูมิธรรม” ⸻ มาเลเซีย–อาเซียน–ทักษิณ: ทุกอย่างชี้ว่าไทยถูกหลอก จตุพรเชื่อว่าเกมการทูตของเขมรเหนือกว่าไทยทุกกระดาน ไม่ว่าจะเป็นการที่มาเลเซียส่งคณะตรวจสอบไปกัมพูชาก่อนมาไทย หรือภาพภาษากายที่นายกฯ มาเลเซียโอบฮุน มาเนต…
นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงท่าทีต่อสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยยืนยันทางการไทยมีหลักฐานชัดเจนว่ากัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงหลายครั้ง หลายพื้นที่ มีการเพิ่มกำลังพล โดยไทยส่งหนังสือแจ้งไปยังมาเลเซีย สหรัฐฯ จีน เลขาธิการสหประชาชาติแล้ว รวมถึงออกแถลงการณ์ประณามกัมพูชา ฟ้องนานาชาติแล้ว นอกจากนี้ยังแสดงความผิดหวังอย่างยิ่งกับกัมพูชาที่บิดเบือนข้อมูลข่าวสารอย่างเป็นระบบ ปกปิดความจริง และกล่าวให้ร้ายประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ สะท้อนว่าขาดความจริงใจ สุจริตใจในการแก้ไขปัญหา บั่นทอนความไว้วางใจในการแก้ไขสถานการณ์ร่วมกัน นายนิกรเดชบอกด้วยว่า ขณะนี้สถานกงศุล สถานเอกอัครราชทูตทั่วโลก คณะผู้แทนไทยในสหประชาชน และอาเซียน กำลังดำเนินการชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ เพื่อย้ำบทบาทที่สร้างสรรค์ของไทยที่มีเจตนาแก้ไขข้อพิพาทอย่างสันติวิธี ตามหลักสากล นำกัมพูชายุติการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงแล้วเข้าสู่การเจรจา พร้อมกันนี้ยังชี้แจงกรณีที่ฝ่ายกัมพูชานำหน้าโดยพาทูต ผู้ช่วยทูตทหาร 13 ประเทศ และสื่อฯ ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย โดยบอกว่าการที่ล่าช้าเช่นนี้ เพราะคาดไม่ได้ว่ากัมพูชาจะละเมิดข้อตกลงเมื่อไหร่ จึงเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของผู้ช่วยทูตทหาร อย่างไรก็ตามได้ประสานผู้ช่วยทูตทหารประเทศต่างๆ โดยเฉพาะอาเซียน สหรัฐฯ จีน ลงพื้นที่แล้วไม่เกินวันศุกร์นี้ เพื่อดูข้อเท็จจริงในพื้นที่ รวมถึงพื้นที่ที่ทำร้ายประชาชน เพื่อเป็นหลักฐานอีกด้วย “เราเน้นความปลอดภัยของผู้ช่วยทูตทหาร ไม่ใช่เรื่องความเร็วในการลงพื้นที่” นายนิกรเดชกล่าว #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#กัมพูชายิงก่อน#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด#CambodiaOpenedFire#ทหารมีไว้ปกป้องอธิปไตย#TruthFromThailand#ละเมิดหยุดยิง#กัมพูชาชิงธงนำ#อาชญากรสงคราม#ประณามกัมพูชา
เพจพรรคประชาชน ออกข้อเสนอแนะนี้ หลังพบว่ารัฐบาลสอบตกทางการทูต และข่าวเชิงรุกโต้กลับกัมพูชา จากหลายกรณีตั้งแต่การละเมิดข้อตกลงหยุดยิงต่อเนื่อง 2 วัน ล่าสุดกัมพูชายังพานักการทูต รวมถึงผู้ช่วยทูตทหารจาก 13 ประเทศ พร้อมสื่อมวลชนสำรวจพื้นที่ชายแดนฝั่งกัมพูชา ซึ่งมีประเทศสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ คือ สหรัฐฯ จีน และรัสเซีย ซึ่งการที่ปล่อยให้กัมพูชา นำหน้าทางการทูตสร้างความเสียหายมหาศาลต่อไทยในเวทีโลก พรรคประชาชนยืนยันรัฐบาลจำเป็นต้องเดินหน้าทั้งด้านความมั่นคงและการต่างประเทศเชิงรุก จึงจำเป็นต้องสื่อสารกับประชาคมโลกอย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ ฉับไว ภายใต้ยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน พร้อมเสนอแนวทาง “การต่างประเทศเชิงรุก” ไปยังรัฐบาลไทย 1. ต้องไม่ลังเลให้มาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน เป็นคนกลางดูแลกระบวนการหยุดยิง ร่วมกันออกแบบการทำงานของทีมผู้สังเกตการณ์ เพื่อแสดงเจตจำนงใช้กระบวนการที่เป็นสากลและสันติในการคลี่คลายความขัดแย้ง รวมถึงแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าเคารพข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด 2. ต้องสื่อสารกับประชาคมระหว่างประเทศในเชิงรุก ยืนยันการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของกัมพูชา พร้อมหลักฐานที่เป็นวิทยาศาสตร์ โดยพิจารณาทุกช่องทาง ทั้งกลไก UN และองค์กรระหว่างประเทศอื่นๆ รวมถึงกลไกระดับทวิภาคีกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาค 3. ควรเปิดประเด็นอื่นๆ ต่อประชาคมโลก เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของผู้นำกัมพูชา เช่น การเป็นฐานปฏิบัติการของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ระดับโลก การลอบสังหารนักการเมืองฝ่ายค้านในไทย 4. ต้องจัดตั้งคณะทำงานเพื่อสื่อสารกับสื่อต่างประเทศโดยเฉพาะ โดยอาจประกอบด้วยตัวแทนทั้งจากกระทรวงการต่างประเทศ นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ทำงานเชิงรุก 5. ต้องมีเอกภาพในการสื่อสาร ให้ข่าวที่จุดเดียว ครบถ้วน รอบด้าน และทันสถานการณ์ การให้ข่าวจากหลายทางจะยิ่งสร้างความสับสนให้กับประชาชน พรรคประชาชนขอยืนยันว่า สถานการณ์ ณ วันนี้ จำเป็นต้องทำงานการทูตและการข่าวเชิงรุก อย่างจริงจัง เพื่อให้สามารถคลี่คลายความขัดแย้งระหว่างสองประเทศ คืนความปกติสุขสู่พี่น้องประชาชนชาวไทยให้ได้โดยเร็วที่สุด #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#กัมพูชายิงก่อน#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด#CambodiaOpenedFire#ทหารมีไว้ปกป้องอธิปไตย#TruthFromThailand#ละเมิดหยุดยิง#กัมพูชาชิงธงนำ#อาชญากรสงคราม#ประณามกัมพูชา
