Author: Writer Publisher

“เราหยุดยิง…แต่เขมรไม่หยุดเดิน เขาจะใช้เป็นจังหวะรุก กินพื้นที่เราเข้ามา” — พล.ท. กนก เนตระคะเวสนะ อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 และผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เรียบเรียงจากบทสัมภาษณ์ในรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ดำเนินรายการโดย “สมจิตต์ นวเครือสุนทร” ⸻ หมากเขมร: หยุดยิงคือจังหวะรุก แม้ข้อตกลงหยุดยิงจะเริ่มตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 28 กรกฎาคม แต่เสียงปืนและการเคลื่อนกำลังจากฝั่งกัมพูชายังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง พล.ท. กนก เนตระคะเวสนะ บอกว่า “นี่คือสิ่งที่คาดการณ์ไว้แล้ว” เพราะในความเป็นจริง เป้าหมายของเขมรคือ “หยุดยิง” เพื่อ “เดินหน้า” ต่อ “ในขณะที่เราหยุดยิง เขมรไม่หยุดเดิน และจะรุกกินแดนเราเรื่อย ๆ… เรามีกติกาว่าถ้าเขาไม่ยิงเราก็ไม่ยิงเขา ทำให้เขาใช้จังหวะนี้เคลื่อนเข้ามา” เขาย้ำว่าชุดประสานงานของไทยต้องตกลงให้ชัดว่าพื้นที่ใดคือ “เขตห้ามเข้า” และหากมีการละเมิด ต้องไม่มีการรับประกันความปลอดภัย ⸻ 11 จุดยุทธศาสตร์ : เป้าโจมตีเขมร กองทัพไทยสามารถยึดพื้นที่ยุทธศาสตร์ไว้ได้ 11 จุด เช่น “ภูมะเขือ” และ “สัตตะโสม” ซึ่งเป็นจุดสูงข่มที่มองเห็นความเคลื่อนไหวของเขมรอย่างชัดเจน เขาระบุว่า พื้นที่เหล่านี้คือเป้าหมายที่ฝ่ายกัมพูชาจะพยายามแทรกแซงอีกครั้ง “ภูมะเขือมองเห็นด้านหลังปราสาทพระวิหาร สัตตะโสมเห็นด้านตะวันตก เขมรจะพยายามยึดครอง เราไว้ใจกัมพูชาไม่ได้…” ⸻ หมากเจรจาไทย…ผิดจังหวะ ผิดเวลา ผิดต่อทหาร พล.ท. กนก ตั้งข้อสังเกตว่าฝ่ายไทยเจรจาภายใต้แรงกดดันด้านเวลา โดยไม่สอดคล้องกับจังหวะภารกิจของกองทัพ ส่งผลให้ต้องเร่งกวาดล้างในพื้นที่ให้ทันเดดไลน์หยุดยิง และนั่นคือจุดที่นำไปสู่ความสูญเสีย “เรายังกวาดบ้าน ถูบ้านไม่เสร็จ เขากำหนดเวลา ทหารก็ทำตาม ทั้งที่ควรได้ต่อรอง…ผลคือทหารเราต้องเร่งจบภารกิจแบบจำกัดเวลาเหมือนถูกมัดมือชก และจบที่ความสูญเสียมากขึ้น” เขาเตือนว่า หากนโยบายการเมืองไม่รอบคอบ ไม่รับฟังแนวทางของกองทัพ ความสูญเสียจะยิ่งทวีคูณ ⸻ รัสเซีย–โดรน–เขมร : ความจริงที่ต้องเปิดโปง ในพื้นที่พบว่ามีคลื่นวิทยุสื่อสารพูดคุยเป็นภาษารัสเซีย พล.ท. กนก เห็นว่ารัฐบาลไทยต้องรีบสอบถามสถานทูตรัสเซียเพื่อยืนยันต้นตอทันที เพราะมีผู้ช่วยทูตทหารรัสเซียประจำอยู่ในไทยอยู่แล้ว “มีหลักฐานเสียงอยู่แล้ว ก็ต้องถามตรง ๆ ขอคำแปล ถามว่าใช่ของรัสเซียไหม…ผู้รับผิดชอบมีเรื่องให้ตรวจสอบก็ต้องทำ อย่ารอให้คนอื่นสะกิดสะเกา” เขาเชื่อว่าการมีทหารรับจ้างหรือการใช้เทคโนโลยีโดรนในสนามรบ ไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม และหากปล่อยผ่านอาจกระทบต่อสถานการณ์สู้รบได้…

Read More

นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ยื่นคำร้องต่อศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 3 ครั้งให้ไต่สวนคดีการบังคับโทษจำคุกนายทักษิณ ชินวัตร เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลหรือไม่ หลังไปรักษาตัวบนชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจไม่ได้อยู่เรือนจำแม้แต่วันเดียว จากนั้นศาลฏีกาฯ ได้ตั้งสำนวนไต่สวนเรื่องนี้เอง ได้เปิดเผยเรื่องนี้ โดยบอกวันนี้เป็นการไต่สวนพยานนัดที่ 7 นัดสุดท้าย ซึ่งเป็นคิวนายวิษณุ เครืองาม อดีตรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นพยานปากสุดท้าย นายชาญชัยเล่าว่า เมื่อถูกถามรู้ข้อกฎหมายเรื่องการส่งตัวผู้ต้องโทษออกไปรักษานอกเรือนจำหรือไม่ นายวิษณุเบิกความว่าเมื่อรับนายทักษิณเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ก็ไปตรวจความเรียบร้อย และเมื่อเจ้าหน้าที่ถามว่าปฏิบัติอย่างไรในแง่ข้อกฎหมาย นายวิษณุบอกให้ทำตาม ป.วิอาญา แต่เจ้าหน้าที่บอกไม่เคยปฏิบัติ ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติ “ผมฟังอยู่ก็น็อก รู้สึกมึนๆ งงๆ ว่า อาจารย์วิษณุ เป็นรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ทำไมไม่ห้าม เมื่อรู้ว่ากำลังจะทำผิดกฎหมาย เพราะการไปรักษานอกเรือนจำเป็นอำนาจศาล ซึ่งไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ปรมาจารย์ด้านกฎหมายจะปล่อยให้หลุดออกมา” นายชาญชัยตั้งข้อสังเกตว่านายวิษณุเบิกความกับศาลทำนองปฏิเสธไม่เกี่ยวข้อง หรือไม่รู้เรื่องการส่งตัวนายทักษิณรักษานอกเรือนจำ แต่ยอมรับหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกแบบการรับตัวนายทักษิณ ตั้งแต่สนามบินจนเข้าเรือนจำ ลำดับการขอพระราชทานอภัยโทษ รวมถึงเรื่องการส่งตัวออกนอกเรือนจำหากมีอาการป่วยอย่างไร และยังนั่งคุยกับนายทักษิณด้วย “รู้ได้ยังไงว่าทักษิณมาแล้วจะป่วยขนาดนั้น เหมือนรู้ขั้นตอนปฏิบัติทั้งหมด เพราะลงเครื่องมาว่าแข็งแรงมาก แต่หลังได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ ก็ป่วยจะเป็นจะตายขึ้นมาทันที เหมือนออกแบบไว้สำหรับพาตัวไปนอนโรงพยาบาล” ทั้งนี้ ศาลนัดฟังคำสั่งการบังคับโทษเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ ในวันที่ 9 กันยายน 68 เวลา 10.00 น. และให้ออกหมายเรียกผู้บัญชาการเรือนจำ และให้นายทักษิณ จำเลยมาฟังคำสั่งศาลด้วย หากสั่งลงมาว่ามีความผิดก็จะดำเนินการส่งเรือนจำทันที ซึ่งนายชาญชัยบอกจะได้ทราบผลว่าป่วยจริงหรือไม่ ใครเกี่ยวข้องบ้าง ด้านนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ เผยว่านายวิษณุยืนยันไม่ได้เตรียมการที่จะส่งตัวนายทักษิณออกไปรักษาภายนอก การส่งตัวออกไปเป็นเรื่องกระทันหัน จึงต้องส่งตัวออกไปรักษายังโรงพยาบาลภายนอก แม้นายทักษิณจะเลือกรักษายังโรงพยาบาลเอกชน แต่ก็ไม่สามารถทำได้ #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#รัฐบาลแพทองธาร#9กันยาชี้ชะตาชั้น14#แพทองธารชินวัตร#ชาญชัยอิสระเสนารักษ์#ทักษิณชินวัตร#ชั้น14#วิษณุเครืองาม#ป่วยทิพย์

Read More

A closeup shot of the realistic flag of Vietnam with interesting textures เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนต่อเหตุการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา โดยสนับสนุนฉันทามติหยุดยิงที่เกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือของอาเซียน นี่ไม่ใช่แค่ท่าทีทางการทูตตามปกติ แต่สะท้อนยุทธศาสตร์เชิงลึกของจีนในภูมิรัฐศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการจัดวางบทบาทอย่างรอบคอบ 1. จีนในฐานะ “ผู้ประสานเงียบ” (Quiet Coordinator): ไม่เสนอแผน แต่ไม่ถอยจากเวที แม้จีนจะมีบทบาทในระดับโลกในฐานะสมาชิกถาวรคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และคู่แข่งหลักของสหรัฐฯ ในเวทีนานาชาติ แต่ในการจัดการกับความขัดแย้งไทย–กัมพูชา จีนกลับเลือกแสดงบทบาทที่ “เบื้องหลัง” โดยให้การสนับสนุนฉันทามติที่อาเซียน (นำโดยมาเลเซีย) เป็นผู้ประสานงานหลัก ตัวอย่างที่ใกล้เคียงในอดีต: กรณีทะเลจีนใต้ จีนกลับ ไม่ยอมรับอำนาจศาลอนุญาโตตุลาการถาวร (PCA) ที่ตัดสินให้จีนไม่มีสิทธิ์เหนือพื้นที่พิพาทกับฟิลิปปินส์ (ปี 2016) แต่ในกรณีไทย–กัมพูชา จีนเลือกสงวนท่าทีและ หลีกเลี่ยงการปรากฏตัวเป็นผู้นำเจรจา ท่าทีนี้จึงไม่ใช่ความเฉยเมย แต่คือยุทธศาสตร์ “วางตัวเป็นผู้ประสาน” (coordinator) ที่พร้อมเข้าร่วม หากถูกเชิญ มากกว่าที่จะเข้าไป “คุมเกม” 2. หนุนอาเซียนเพื่อผลักดันภาพ “มหาอำนาจที่เคารพกฎภูมิภาค” แถลงการณ์ของสถานทูตจีนชี้ชัดว่า จีนสนับสนุนบทบาทของมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนหมุนเวียน ในการดำเนินการไกล่เกลี่ยระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยเฉพาะการพบหารือเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งนำไปสู่ฉันทามติหยุดยิง แม้จีนจะมีโครงการขนาดใหญ่เช่น Belt and Road Initiative (BRI) ที่มักถูกมองว่าเป็นเครื่องมือครอบงำทางเศรษฐกิจ แต่ในการเจรจานี้ จีนไม่ได้นำเสนอกลไกของตน เช่น Shanghai Cooperation Organisation หรือแผนการรักษาสันติภาพจีนเอง เทียบกับยุทธศาสตร์จีนในแอฟริกา: จีนมักเสนอ peacekeeping missions และ infrastructure swap โดยตรง แต่ในอาเซียน จีนกลับลงทุน “ภาพลักษณ์” ผ่านการหนุนกลไกอาเซียน แทนที่จะเสนอระบบใหม่ นี่คือการวางยุทธศาสตร์ “อยู่ร่วมกับโครงสร้างที่มีอยู่” เพื่อป้องกัน backlash และรักษา “ASEAN centrality”…

Read More

เป็นภาพของทางการกัมพูชา นำทูต-ทูตทหาร 13 ประเทศพร้อมผู้สื่อข่าวต่างประเทศลงพื้นที่บริเวณจุดผ่อนปรนช่องอานม้า (หรือที่กัมพูชาอ้างว่าเป็นช่องอานแซะ) เพื่อให้ตรวจสอบซากปรักหักพังจากการสู้รบ ภายหลังการหยุดยิง โดยเฉพาะอนุสาวรีย์ตาอม ซึ่งพลเอกฮุน มาเนต เคยสร้างขึ้นโดยละเมิดบันทึกความเข้าใจปี 2543 (MoU2543) มีรายงานว่าทางการกัมพูชากล่าวหาฝ่ายไทยว่าเป็นผู้ทำลายอนุสาวรีย์ดังกล่าว ทั้งที่มีรายงานว่าทหารกัมพูชายิงปืนใหญ่พลาดไปโดนเอง สื่อฯ กัมพูชารายงานว่า คณะผู้แทนประกอบด้วยทูตและผู้ช่วยทูตทหารจากประเทศต่างๆ และประเทศสมาชิกอาเซียนรวม 13 ประเทศ เข้าตรวจสอบสถานการณ์จริงในพื้นที่บริเวณจุดผ่อนปรนช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี หรือ ช่องอานแซะ จ.พระวิหาร โดยมีผู้เข้าร่วมจาก สหรัฐอเมริกา, จีน, ญี่ปุ่น, รัสเซีย, เกาหลี, ออสเตรเลีย, รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียน ได้แก่ มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, ลาว, เวียดนาม และเมียนมาร์ โดยวัตถุประสงค์เพื่อแสดงให้นานาชาติเห็นว่ากัมพูชาได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง พร้อมทั้งย้ำว่ากองทัพกัมพูชาได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง และเคารพเงื่อนไขต่างๆ อย่างเคร่งครัด มีคอมเมนต์มากมายในเพจ FB:Army Military Force – สำรอง แสดงความผิดหวังกับรัฐบาลไทยที่ดำเนินการช้ากว่ากัมพูชาตลอดตั้งแต่เกิดข้อพิพาท 4 พื้นที่ นำไปสู่การปะทะ การเจรจาหยุดยิงที่มาเลเซีย และล่าสุดการชิงความได้เปรียบในการอธิบายต่อนานาชาติ ทั้งนี้รัฐบาลไทยโดยพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เพิ่งให้สัมภาษณ์เมื่อเช้าว่า ว่าเตรียมให้กองทัพบกประสานผู้ช่วยทูตทหารจากหลายประเทศ ประจำประเทศไทย ลงพื้นที่ชายแดนเพื่อดูข้อเท็จจริง โดยเฉพาะความเสียหายที่พลเรือนไทยได้รับจากการกระทำของทหารกัมพูชา โดยจะประสานกับประเทศมาเลเซียให้เข้ามาร่วมรับฟังด้วย ขอบคุณ FB:Army Military Force – สำรอง #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#กัมพูชายิงก่อน#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด#CambodiaOpenedFire#ทหารมีไว้ปกป้องอธิปไตย#TruthFromThailand#ละเมิดหยุดยิง#กัมพูชาชิงธงนำ#อาชญากรสงคราม#ประณามกัมพูชา

Read More

บทนำ เมื่อปัญหาความขัดแย้งชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาระบาดหนักในเดือนกรกฎาคม 2025 ASEAN ถูกทดสอบความน่าเชื่อถืออย่างรุนแรง การเยือนประเทศไทยของนาย บุ่ย แทงห์ เซิน รัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนาม จึงไม่ใช่แค่พิธีการ แต่เป็นสัญญาณเชิงยุทธศาสตร์ของยุทธศาสตร์ “middle power diplomacy” ที่เวียดนามใช้ในการสร้างบทบาทในภูมิภาคผ่านการ “มีอยู่โดยไม่แทรกแซง” 1. วาทกรรมการทูตของเวียดนาม: Bamboo Diplomacy ในทางปฏิบัติ เวียดนามปรากฏตัวในบริบท ASEAN ด้วยแนวทางที่เรียกว่า “bamboo diplomacy” (การทูตแบบยืดหยุ่น) เน้นการรักษาสมดุล รักษาอัตลักษณ์ และหลีกเลี่ยงการรุกล้ำอย่างชัดเจน ([turn0search33]) ขณะเดียวกัน ประชาคมระหว่างประเทศรับรู้ว่าเวียดนามมุ่งสู่บทบาท middle power ในภูมิภาค Indo‑Pacific ซึ่งทำหน้าที่ได้ทั้งเป็น bridger และ legitimizer ภายใต้กรอบ ASEAN ([turn0search12]) เมื่อนายบุ่ย แทงห์ เซินประกาศพร้อมสนับสนุนการบังคับใช้ ข้อตกลงหยุดยิง (ceasefire enforcement) ระหว่างไทย–กัมพูชา แทนที่จะผลักดันเป็นผู้สั่งการ วาทกรรมนี้สอดคล้องกับลักษณะ behavioral middle power ที่ Cooper ระบุว่า จะทำงาน low-profile แต่ชัดเจนในทิศทางของหลักการสากล ([turn0search12]). 2. กรณีการปะทะชายแดนไทย–กัมพูชา: บทเรียนจาก Preah Vihear ถึงปี 2025 ความขัดแย้งชายแดนระยะรุนแรงระหว่างไทย–กัมพูชา เริ่มต้นจากข้อพิพาทดินแดนที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคอาณานิคมที่ใช้แผนที่ปี 1904 กับ 1907 เป็นต้น โดยนำไปสู่ความรุนแรงเมื่อเดือนกรกฎาคม 2025 มีการใช้อาวุธหนักทั้งหญิงและชาย แลกเปลี่ยนประเด็น ICJ ความช่วยเหลือจากมหาอำนาจ ภาวะปิดเมือง และการผลักกันให้เจรจาแบบสองฝ่ายเท่านั้น ([turn0news21],[turn0news22],[turn0news23],[turn0search36]). บทวิเคราะห์ทางวิชาการชี้ว่า บทบาทของ ASEAN ในกรณี Preah Vihear แม้ช่วยยับยั้งสถานการณ์ไหวหวั่นในระดับหนึ่ง แต่โครงสร้างและหลัก non‑interference ของ ASEAN ทำให้ในหลายครั้ง ขาดการแทรกแซงที่เข้มข้นและมีประสิทธิภาพ ([turn0search11],[turn0search18],[turn0search16]). 3.…

Read More

“รัฐบาลมัดมือชก รีบขีดเส้นตายหยุดยิง ทำทหารเร่งปะทะจนสูญเสียหนัก เชื่อกัมพูชาไม่หยุดยิง และเดินกินพื้นที่ เพื่อชิงคืนจุดยุทธศาสตร์ แนะรัฐบาลจี้ถามมาเลเซีย สหรัฐฯ ลงโทษกัมพูชาไหมละเมิดข้อตกลง” พล.ท.กนก เนตรคะเวสนะ อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 และอดีตผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#กัมพูชายิงก่อน#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด#CambodiaOpenedFire#ทหารมีไว้ปกป้องอธิปไตย#TruthFromThailand#ละเมิดหยุดยิง#กองทัพภาคที่2#กองทัพบก#อาชญากรสงคราม#ประณามกัมพูชา

Read More

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เผยตามที่คณะรัฐมนตรีกำหนดเป้าหมายของค่าไฟฟ้าไว้ไม่เกิน 3.99 บาทต่อหน่วยในงวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม และงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2568 ซึ่งสามารถทำได้ที่ 3.98 บาทต่อหน่วยในงวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2568 นั้น จึงได้หารือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อหาแนวทางที่จะปรับลดค่าไฟสำหรับงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2568 งวดสุดท้ายของปีให้ต่ำลงไปอีก เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน เพราะค่าก๊าซมีแนวโน้มลดลง และมีเงินที่นำมาช่วย กฟผ.ได้ ล่าสุดมีข้อสรุปจาก กฟผ. ว่า สามารถปรับลดค่าไฟให้ต่ำลงมาได้อีก อยู่ที่ประมาณ 3.95 บาทต่อหน่วย ซึ่ง กฟผ. จะมีหนังสือแจ้ง กกพ. เพื่อกำหนดอัตราค่าไฟฟ้า สำหรับงวดสุดท้ายของปีให้เป็นตามอัตราดังกล่าว “จากการหารือกับ กฟผ. ได้ข้อสรุปว่า มีแนวทางที่สามารถดำเนินการได้ โดยอาศัยว่าราคาก๊าซธรรมชาติเหลวในตลาดโลกปรับตัวลดลง และการนำเงินส่วนที่ กฟผ. กันไว้บางส่วน มาเป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าเพิ่มเติม ซึ่งเชื่อว่าประชาชนน่าจะได้รับข่าวดีในเร็ว ๆ นี้” นายพีระพันธุ์กล่าว #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#พีระพันธุ์สาลีรัฐวิภาค#พลังงานแสงอาทิตย์#ทางออกประเทศไทย#ค่าไฟแพง#พลังงานและสิ่งแวดล้อม#สภาองค์กรของผู้บริโภค#PDPใหม่ต้องไม่ซ้ำรอยเดิม#พลังงานหมุนเวียนคือคำตอบ

Read More

วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 – พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และรักษาราชการแทน รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชาว่า ขณะนี้ฝ่ายไทยเตรียมให้ กองทัพบกประสานผู้ช่วยทูตทหารจากหลายประเทศ ประจำประเทศไทย ลงพื้นที่ชายแดนเพื่อดูข้อเท็จจริง โดยเฉพาะความเสียหายที่พลเรือนไทยได้รับจากการกระทำของทหารกัมพูชา โดยได้สั่งการไปยังกองทัพบกเมื่อคืนที่ผ่านมา และอยู่ระหว่างการประสานกับประเทศมาเลเซียให้เข้ามาร่วมรับฟังด้วย “เราต้องย้ำให้ชัด และสื่อสารให้นานาชาติรับรู้ ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ โดยทุกเหล่าทัพรวมถึง ศบ.ทก. ต้องช่วยกัน ย้ำว่า การหยุดยิงต้องหมายถึง ‘หยุด’ ทุกฝ่าย และรอผลการประชุม GBC ” — พล.อ.ณัฐพล กล่าว ⸻ โต้ “ธรรมชาติของกัมพูชา” คือปฏิเสธทุกครั้ง ต่อคำถามเรื่องการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของกัมพูชา พล.อ.ณัฐพล ระบุว่า เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด และเป็นลักษณะเฉพาะของกัมพูชาที่มักปฏิเสธความรับผิดชอบทุกครั้ง “ผมพูดเสมอว่า ถ้าเราจะปรับตัวไปให้เหมือนกัมพูชา ไทยจะเสียเครดิตในเวทีโลก เราต้องยืนบนความเป็นผู้เจริญ มีวุฒิภาวะ อย่าตกเป็นฝ่ายไล่ตาม” — พล.อ.ณัฐพล กล่าว เขายังสะท้อนความกังวลว่า ทุกครั้งที่กัมพูชาออกมาพูดอะไร สังคมไทยกลับทะเลาะกันเอง ซึ่งเท่ากับตกหลุม IO ที่ฝ่ายตรงข้ามวางไว้ “เขา (กัมพูชา) ทำ IO สำเร็จ แต่ไทยจะไปบิดเบือนแบบนั้นไม่ได้ เพราะเราต้องยึดความจริง” — พล.อ.ณัฐพล ⸻ มีหลักฐาน แต่ยังไม่เปิด เผย “Gistda” ร่วมเก็บภาพ รมช.กลาโหม เปิดเผยอีกว่า กระทรวงการต่างประเทศและกองทัพ ได้รวบรวมข้อมูลไว้ทุกอย่างแล้วเกี่ยวกับการบิดเบือนของกัมพูชา ทั้งภาพถ่ายทางอากาศจาก Gistda และภาคเอกชน ซึ่งจะนำมาใช้หากเข้าสู่กระบวนการไต่สวนระหว่างประเทศ ⸻ ปฏิเสธข่าว “ทหารรับจ้างรัสเซีย” ส่วนกระแสข่าวว่า กัมพูชาใช้ทหารรับจ้างสัญชาติรัสเซียร่วมรบ พล.อ.ณัฐพล ระบุว่า ยังไม่มีข้อมูลยืนยันจากหน่วยงานความมั่นคง แต่มีการสอบถามถึงที่มาของภาพอยู่ในขณะนี้ ⸻ ศบ.ทก.เดินเครื่องเต็มสูบ–กลาโหมไม่ใช่ฝ่ายรุก เมื่อถามถึงแนวโน้มสถานการณ์จะยืดเยื้อหรือไม่ เขาตอบว่า ขึ้นอยู่กับกัมพูชา ไม่ใช่ไทย เพราะไทยไม่มีเจตนารุกรานใคร พร้อมย้ำว่าอาวุธยุทโธปกรณ์ของไทยที่จัดหาในช่วงที่ผ่านมา เป็นเพื่อการป้องกัน ไม่ใช่รุก…

Read More

บทนำ “วากเนอร์ กรุ๊ป” (Wagner Group) เป็นชื่อที่ได้รับการกล่าวถึงอย่างกว้างขวางในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะในบริบทของความขัดแย้งทางทหารในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก กลุ่มดังกล่าวถูกจัดประเภทว่าเป็น “กลุ่มทหารรับจ้างเอกชน” ที่มีความเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลรัสเซีย แม้จะไม่ได้รับการรับรองสถานะทางกฎหมายในรัสเซียอย่างเป็นทางการก็ตาม บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์บทบาทของวากเนอร์ กรุ๊ป ต้นกำเนิด โครงสร้าง ความสัมพันธ์กับรัฐรัสเซีย และผลกระทบในระดับภูมิภาคและระดับโลก 1. จุดเริ่มต้นและโครงสร้างของวากเนอร์ กรุ๊ป วากเนอร์ กรุ๊ป ถูกก่อตั้งขึ้นราวปี พ.ศ. 2557 (ค.ศ. 2014) โดยมีการระบุว่า นายดมีตรี อุตกิน (Dmitry Utkin) อดีตนายทหารกองกำลังพิเศษของรัสเซียเป็นผู้ก่อตั้งหลัก โดยใช้ชื่อ “วากเนอร์” ซึ่งเป็นชื่อรหัสเรียกขานของตนเอง โดยอ้างอิงถึงริชาร์ด วากเนอร์ คีตกวีเยอรมันในยุคศตวรรษที่ 19 ที่ได้รับความนิยมในหมู่กลุ่มชาตินิยมขวาจัด ต่อมา เยฟเกนี พริโกชิน (Yevgeny Prigozhin) นักธุรกิจชาวรัสเซียซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ได้กลายเป็นผู้สนับสนุนหลักของกลุ่ม และถูกมองว่าเป็นผู้บริหารตัวจริงของวากเนอร์ แม้ในช่วงแรกจะปฏิเสธความเชื่อมโยงอย่างเป็นทางการก็ตาม โครงสร้างภายในของวากเนอร์ กรุ๊ป มีลักษณะกึ่งทหารกึ่งเอกชน ใช้ระบบการรับสมัครแบบปิด และดำเนินกิจกรรมภายใต้ความลับสูง โดยกลุ่มนี้ไม่ได้ขึ้นตรงต่อกระทรวงกลาโหมรัสเซียอย่างเป็นทางการ แต่มีพฤติกรรมการปฏิบัติงานที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ทางทหารและนโยบายต่างประเทศของรัฐบาลรัสเซีย 2. บทบาทในความขัดแย้งระดับนานาชาติ นับตั้งแต่ปี 2557 วากเนอร์ กรุ๊ป ได้เข้าไปมีบทบาทในความขัดแย้งหลายแห่งทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศที่มีผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์หรือทรัพยากรสำคัญต่อรัสเซีย อาทิ ยูเครน: เข้าร่วมในปฏิบัติการยึดครองไครเมีย และมีส่วนในการสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในภูมิภาคดอนบาส ซีเรีย: สนับสนุนรัฐบาลบาชาร์ อัล-อัสซาด ทั้งในภารกิจทางทหารและการรักษาความมั่นคงในพื้นที่แหล่งน้ำมัน ลิเบีย มาลี และสาธารณรัฐแอฟริกากลาง: เข้าไปมีบทบาทในการสนับสนุนรัฐบาลหรือกลุ่มติดอาวุธที่ใกล้ชิดกับมอสโก โดยแลกเปลี่ยนกับสิทธิการเข้าถึงทรัพยากรธรรมชาติ เช่น เหมืองทองคำและเพชร ลักษณะการปฏิบัติการของวากเนอร์มักใช้กลยุทธ์แบบ “ปฏิเสธได้อย่างน่าเชื่อถือ” (Plausible Deniability) ซึ่งเปิดโอกาสให้รัฐบาลรัสเซียสามารถปฏิเสธความเกี่ยวข้องได้ หากเกิดเหตุการณ์ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหรือสิทธิมนุษยชน 3. ความสัมพันธ์กับรัฐบาลรัสเซีย แม้จะไม่มีสถานะทางกฎหมายในระบบของรัฐบาลรัสเซีย แต่หลักฐานจำนวนมากบ่งชี้ถึงความสัมพันธ์โดยตรงหรือทางอ้อมกับรัฐ อาทิ การใช้อุปกรณ์ทางทหารที่ผลิตในรัสเซีย การฝึกอบรมในฐานทัพของกองทัพรัสเซีย ความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างพริโกชินกับผู้นำระดับสูงของรัฐบาล การดำเนินงานที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ทางการทูตและทหารของเครมลิน วากเนอร์จึงถูกมองว่าเป็น “แขนที่ไม่เป็นทางการ”…

Read More

ในวันที่ข้อมูลข่าวสารคืออาวุธ และ “ความจริง” มีอำนาจน้อยกว่า “ความเชื่อ” รัฐบาลบางประเทศจึงหันมาใช้ AI เป็นเครื่องมือผลิตโลกคู่ขนาน ป้อนใส่สมองประชาชน ผ่านปฏิบัติการ IO ที่ควบคุมโดยรัฐ ดังเช่นกรณี รัฐกัมพูชาปั้นข้อมูลว่า กองทัพตนแข็งแกร่งเป็นอันดับ 6 ของโลก มีทั้ง F-22, J-20, HIMARS, เรือบรรทุกเครื่องบินนิวเคลียร์ 5 ลำ และขีปนาวุธระดับ DF-25 จำนวน 160 ลูก — ทั้งที่ในความจริง กองทัพของประเทศนี้อยู่อันดับ 95 จาก 145 ประเทศ ตามดัชนี Global Firepower Index 2025 นี่ไม่ใช่แค่ “ข่าวปลอม” แต่มันคือ “สงครามข้อมูล” เต็มรูปแบบ โดยมี AI เป็นแม่ทัพ และ IO เป็นกองทัพหลัก ที่ทำงานแทนอาวุธจริง ⸻ AI คือแม่ทัพ – IO คือกองทัพหลัก ในยุคที่เครื่องมือปัญญาประดิษฐ์สามารถผลิตทั้งภาพ เสียง และข้อมูลได้ภายในไม่กี่วินาที รัฐอ่อนแอจึงไม่ต้องลงทุนในรถถังหรือเครื่องบินรบจริง ๆ เพียงแค่ใช้ AI สร้างภาพลวง แล้วให้กองทัพ IO ผลักดันเข้าระบบสื่อสารในประเทศ ก็สามารถล้างสมองประชาชนให้เชื่อว่า “กองทัพของเราไม่แพ้ใครในโลก” ประชาชนที่เคลิ้มไปกับภาพฝัน จะยอมรับนโยบายที่ไร้เหตุผล พร้อมรบโดยไม่ลังเล พร้อมเชื่อโดยไม่ตรวจสอบ เพราะมั่นใจ “กองทัพในจินตนาการ” ที่ไม่มีอยู่จริง ⸻ เมื่อศัตรูไม่ใช่ประเทศอื่น แต่คือ “ข้อเท็จจริง” สิ่งที่น่ากลัวที่สุด ไม่ใช่อาวุธปลอม แต่คือ มีคนเชื่อว่ามันมีอยู่จริง รายงานของเพจ Army Military Force-สำรอง ที่เปิดโปงปฏิบัติการนี้ พบว่า ชาวกัมพูชาจำนวนมาก “ปักใจเชื่อ” ว่าประเทศของตนคือมหาอำนาจทางทหารระดับโลก และสามารถทำสงครามกับใครก็ได้ในภูมิภาค ความเชื่อนี้ ไม่ได้เกิดจากอาวุธจริง แต่เกิดจากการปั้นข้อมูลด้วย…

Read More