- Original
- Urban Culture
- Writer
- About us
- คุยกับสส
- The Persona
- Brief
- Thai Treasure
- Urban life
- On this day
- News
- Home
- Editir pick
- Good
- Persona
- Persona
- Urban
- Business
- Politics
- Playlist
- Home
- People Voice
- Culture
- นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
- Urban Wealth
- Law
- Update
- I’m Youth Ranger
- Urban History
- Issues
- Check
Subscribe to Updates
Get the latest creative news from FooBar about art, design and business.
Author: Writer Publisher
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาเตือนนโยบายคนละครึ่งของรัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าต้องดูวินัยการเงินการคลัง และแผนใช้คืนหนี้สาธารณะด้วย เพราะขณะนี้หนี้สาธารณะ 11.7 ล้านล้านบาท คิดเป็น 63.6% ของจีดีพี และขาดดุลเพิ่มขึ้นทุกปี รัฐบาลต้องกู้เพื่อปิดงบขาดดุล คาดว่าหนี้สาธารณะต่อ จีดีพี จะไปติดเพดาน 70% ภายใน 3 ปี นายธีระชัยบอกถึงจะมีงบประมาณสำหรับรองรับโครงการ “คนละครึ่ง” แต่ก็เป็นงบขาดดุลจากกู้หนี้สาธารณะมาเพื่อทำโครงการ รัฐบาลต้องชั่งน้ำหนักกับความจำเป็นเร่งด่วน เช่นเยียวยาผู้ค้ารายย่อยชายแดนไทย-กัมพูชา เยียวยาปรับตัวของเกษตรกรรับมือภาษีทรัมป์ ดังนั้นรัฐบาลต้องชี้แจงว่าได้คำนึงถึงความจำเป็นเร่งด่วน รวมทั้งแผนหาเงินชำระหนี้สาธารณะที่เกิดจากโครงการ “คนละครึ่ง” ครั้งนี้ เมื่อไหร่ อย่างไร “การเอาภาษีและหนี้สาธารณะของคนไทยทั้งชาติ ไปอุดหนุนเปรอะไปหมด รวมไปถึงคนที่ช่วยตัวเองได้อยู่แล้วนั้น จะเป็นนโยบายที่ผิดหลักวิชาการคลัง จะเป็นนโยบายการคลังเพียงเพื่อให้ความนิยมทางการเมืองกระจายกว้างขวางมากที่สุด” เขาบอกว่ารัฐบาลอนุทินต้องไม่เปรียบเทียบกับรัฐบาลประยุทธ์ เพราะวิกฤตโควิดที่ล็อคดาวน์คนอยู่บ้านได้ผ่านพ้นไปแล้ว และโครงการ “คนละครึ่ง” ของรัฐบาลประยุทธ์ก็ได้เพิ่มหนี้สาธารณะไปมากแล้ว มาถึงรัฐบาลอนุทิน ต้องเข้ายุคประหยัดและหาทางแก้ปัญหาหนี้ นายธีระชัยระบุโครงการ “คนละครึ่ง” มีข้อดี เช่น ลงไปช่วยพ่อค้ารายย่อย ทำได้เร็วเพราะมีระบบทำงานพร้อมอยู่แล้ว แต่รัฐบาลมีหน้าที่ใช้จ่ายงบประมาณอย่างประหยัด และการทำโครงการนี้มีผลทำให้ตัวเลขขาดดุลงบประมาณถ่างออกไปอีกเรื่อยๆ ดังนั้นรัฐบาลควรกำหนดวงเงินใช้สำหรับโครงการนี้เพียงพอเหมาะสม และต้องชี้แจงต่อประชาชนอย่างละเอียดชัดเจนก่อนเดินหน้า #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #อนุทินชาญวีรกูล #รัฐบาลอนุทิน1 #ธีระชัยภูวนาถนรานุบาล #รัฐบาลภูมิใจไทย #หนี้สาธารณะ #ขาดดุลงบประมาณ #คนละครึ่ง #กระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น #ขับเคลื่อนทันทีหลังแถลงนโยบาย
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ วิเคราะห์ภาพการเมืองนับจากนี้ โดยระบุเมื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี นำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ขึ้นทูลเกล้าฯ แล้ว น่าจะได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ในเร็วๆ นี้ เชื่อว่าคณะรัฐมนตรีชุดนี้ จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองอย่างแน่นอน เขาบอกด้วยว่าข้อตกลง MOA กับพรรคประชาชน ว่าจะยุบสภาภายใน 4 เดือนหลังแถลงนโยบายต่อรัฐสภา จากนั้นนับถอยหลังไปสู่การยุบสภา รัฐบาลจะทำอะไรได้ไม่มากนัก เพราะเวลาจำกัด ทุกฝ่ายก็เตรียมตัวเพื่อไปสู่สนามเลือกตั้ง การเมืองยิ่งไม่มีเสถียรภาพ ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ถ้านับองค์ประชุมเมื่อไหร่ ก็เป็นอันว่าสภาล่มเมื่อนั้น เพราะไม่ได้เป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก จึงอยู่ที่ฝ่ายค้าน คือพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน นายเทพไทบอกด้วยว่า สส.ทุกคนต่างใจจดใจจ่ออยู่กับการเลือกตั้ง หลายคนเคลื่อนไหวเปลี่ยนพรรค หรือคิดจะย้ายพรรค จนพูดกันว่า ตลาดนัด สส.เริ่มขึ้นแล้ว เหมือนกับตลาดนัดวัวควาย มีหลายพรรค ซื้อตัว สส. เกรด A ค่าตัวคนละ 80 ล้านบาท เกรด B คนละ 50 ล้านบาท เกรด C คนละ 30 ล้านบาท ทำให้ สส.หลายคนพร้อมที่จะย้ายพรรค ทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ มีการต่อสู้กันอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะการใช้ทุนหรือใช้กระสุน เพื่อให้ตัวเองกลับเข้ามาเป็น สส. “จะเป็นการวัดกันระหว่างกระแสกับกระสุนใครจะแน่กว่ากัน ฝ่ายที่สร้างกระแสก็สร้างกันไป ขณะอีกฝ่ายใช้ทุนอย่างมหาศาล เพื่อซื้อเสียง ซึ่งเป็นวงจรอุบาทว์ของการเมืองไทยอย่างไม่จบสิ้น การจะแก้ไขปัญหาการเมืองเหล่านี้ ก็อยู่ที่ประชาชนเท่านั้น จะเป็นผู้ตัดสินอนาคตของประเทศ” #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #อนุทินชาญวีรกูล #เทพไทเสนพงศ์ #รัฐบาลอนุทิน #อนุทิน1 #พรรคภูมิใจไทย #พรรคเพื่อไทย #พรรคประชาชน #ยุบสภาใน4เดือน #ซื้อตัวสส #กระดานการเมือง
ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน อดีตรองประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โพสต์ Facebook สะท้อนถึงความจำเป็นของ “งานผู้บริบาลและคุ้มครองสิทธิ์ผู้สูงอายุ” ว่าเป็นภารกิจสำคัญที่ประเทศไทยต้องให้ความสำคัญ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้สูงวัยและการลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐ ⸻ ผู้สูงอายุไทย: ภาระที่เพิ่มขึ้นทุกปี อาจารย์กนก ระบุว่า สังคมไทยกำลังมีผู้สูงอายุมากขึ้น โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ติดสังคม 88%, ติดบ้าน 9% และติดเตียง 3% โดยประมาณการว่า ผู้สูงอายุติดเตียงมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยปีละ 180,000 บาทต่อคน และผู้สูงอายุติดบ้านปีละ 15,000 บาทต่อคน “ปัจจุบันมีกลุ่มติดเตียง 300,000 คน เท่ากับค่าใช้จ่าย 54,000 ล้านบาทต่อปี, กลุ่มติดบ้านมี 900,000 คน เท่ากับค่าใช้จ่าย 13,500 ล้านบาท รวม 67,500 ล้านบาท ไม่รวมค่าใช้จ่ายของผู้สูงอายุติดสังคม” ⸻ ประโยชน์มหาศาลหากลด “ติดบ้าน–ติดเตียง” อาจารย์กนก อธิบายว่า หากลดจำนวนผู้สูงอายุติดเตียงลงได้ 1% จากทั้งหมด 3% จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายของรัฐได้ถึง 18,000 ล้านบาทต่อปี และหากลดผู้สูงอายุติดบ้านลงได้ 1% จากทั้งหมด 9% จะช่วยประหยัดได้อีก 1,500 ล้านบาทต่อปี “กลุ่มคนที่จะลดจำนวนผู้สูงอายุติดบ้านและติดเตียงได้ คือ ‘ผู้บริบาลและคุ้มครองสิทธิ์ผู้สูงอายุ’ ของกรมกิจการผู้สูงอายุ” ⸻ งานที่สร้างทั้งคุณภาพชีวิตและคุณค่าชุมชน อาจารย์กนก กล่าวถึงเป้าหมายของงานผู้บริบาลว่า “ความสำเร็จของงานผู้บริบาลและคุ้มครองสิทธิ์ผู้สูงอายุ คือการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีและความสุขให้ผู้สูงอายุ, การลดภาระการดูแลสุขภาพและค่าใช้จ่ายของรัฐ, การสร้างคุณค่าให้ครอบครัวและชุมชน, การปฏิรูประบบสวัสดิการสังคมของประเทศ, การสร้างรอยยิ้มและศักดิ์ศรีของผู้สูงอายุและครอบครัว” เขายังเผยด้วยว่า ผู้บริบาลเหล่านี้ต้องอุทิศแรงกายและใจ พร้อมยึด “อุดมคติ” ที่ต้องท่องเตือนสติก่อนปฏิบัติงานทุกวันว่า “ปกป้อง คุ้มครอง ประชาชนแข็งแรง ครอบครัวเข้มแข็ง ชุมชนร่มเย็น ด้วยความรัก เสียสละ อดทน” ⸻ เติมพลังให้ผู้บริบาล อาจารย์กนกเล่าว่าเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568…
เป็นภาพจากคลิปที่ถูกเผยแพร่ในเพจ Army Military Force เมื่อสักครู่ที่ผ่านมาเมื่อชาวกัมพูชาจำนวนหนึ่งบุกเข้ามาทำลายแนวรั้วลวดหนามที่ทางกองกำลังบูรพา กองทัพภาคที่ 1 พยายามวางเป็นแนวกั้นพื้นที่บริเวณบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว โดยมีทหารเขมรใช้ชาวบ้านเป็นโล่มนุษย์บุกรื้อลวดหนามและขัดขวางทหารไทย มิให้วางรั้วลวดหนามเพิ่มเติมที่บ้านหนองจาน ทำให้เกิดความวุ่นวายอย่างหนัก ขณะที่ทหารไทยได้แจ้งและตักเตือนว่าการกระทำดังกล่าวผิดกฎอัยการศึก เข้าข่ายทำลายทรัพย์สินทางราชการ และรุกล้ำอธิปไตยของไทย ทั้งนี้เหตุการณ์ทำนองดังกล่าวเคยเกิดขึ้นเมื่อ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากความพยายามวางแนวรั้วลวดหนามในพื้นที่บ้านหนองจาน ซึ่งจะมีทหารกัมพูชายืนดาหน้าเป็นด่านป้องกันทหารไทย เพื่อเปิดทางให้คนกัมพูชาทำลายรั้วลวดหนามที่วางไว้ #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #WarCrimes #HumanRights #ฮุนเซนอาชญากรสงคราม #hunsenwarcriminal #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #TruthFromThailand #รุกล้ำอธิปไตย #กองทัพที่1 #เก็บกู้ทุ่นระเบิด #ถอนอาวุธหนัก #ภูมะเขือ #ปราสาทตาเมือนธม #อันธพาลชายแดน
เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือ รทสช. เมื่อนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรค กับนายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นกรรมการบริหารพรรค เหลือเพียงตำแหน่ง สส.และเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติเท่านั้น ก่อนหน้านี้ “กลุ่มชุมพร” ที่นำโดย นายชุมพล จุลใส หรือ ลูกหมี ได้นำ สส.ในกลุ่มและสมาชิกพรรคลาออก และจะย้ายไปเปิดตัวสมัครสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ในวันพรุ่งนี้ (17 ก.ย.68) เป็นการแสดงความไม่พอใจท่าทีของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค หลังเสนอให้ปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรค หรือ กก.บห. เพื่อเกลี่ยสัดส่วนที่ส่วนใหญ่เป็นของนายพีระพันธุ์ให้กับกลุ่มอื่นๆ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะกลุ่มของเขาเชื่อว่าพรรคยังมีความนิยม โดยพรรครวมไทยสร้างชาติถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มของนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค กลุ่มของนาย เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการ และกลุ่มนาย สุชาติ ชมกลิ่น ว่าที่รัฐมนตรีหลังจากนำ สส.ไปสนับสนุนนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #รวมไทยสร้างชาติ #พีระพันธุ์สาลีรัฐวิภาค #รัฐบาลอนุทิน #อนุทินชาญวีรกูล #กลุ่มชุมพร #21สสรทสช #เอกนัฏพร้อมพันธุ์ #สุชาติชมกลิ่น
กลุ่ม สว.สำรองยื่นหนังสือถึงนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านฯ ผ่านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เพื่อขอให้ ติดตามตรวจสอบนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล โดยระบุคดีทุจริตฮั้วเลือก สว. 2567 มีความผิดตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. ขณะนี้สำนวนคดีส่ง สำนักงานเลขาธิการ กกต. เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2568 ดำเนินคดีผู้ถูกกล่าวหา 229 ราย แบ่งเป็น สว. 138 คน กรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทย และเครือข่าย 91 ราย อยู่ระหว่างรอ กกต .ส่งศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ทั้งนี้กลุ่ม สว.สำรองห่วงใยและกังวลใจว่ารัฐบาลของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหา จะเข้าไปก้าวก่าย หรือ แทรกแซง ในระหว่างรอ กกต. ส่งสำนวนคดีไปที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง จะกระทบต่อหลักการความถูกต้อง โปร่งใส เที่ยงธรรม เป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย และผิดเจตนารมณ์การเตรียมยุบสภา โดยเสนอหัวหน้าพรรคประชาชน ติดตามตรวจสอบนายอนุทิน ในฐานะนายกรัฐมนตรีที่มีอำนาจ และเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง อาจใช้อำนาจรัฐที่ก้าวก่ายและแทรกแซงคดี เอื้อประโยชน์ต่อตนเองและพวกพ้องหรือไม่ และขอให้ตรวจสอบผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้กำกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ไม่ให้แทรกแซงการทำงานของ DSI เพราะทั้งที่ไม่แต่งตั้งรัฐบาล แต่ขณะนี้มีแนวโน้มและข้อมูลบางส่วนว่าจะมีการแทรกแซงแล้ว โดยมือลึกลับเข้าไปกดดัน DSI ไม่ให้สอบสวนปากคำพยานบางราย #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#พรรคภูมิใจไทย#สวสำรอง#พรรคประชาชน#อนุทินชาญวีรกูล#กกต#รมวยุติธรรม#กระดานการเมือง#บุรีรัมย์คอนเนกชัน#องค์กรอิสระ#คดีฮั้วสว
ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์วิเคราะห์ศึกชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไว้น่าสนใจ โดยแจกแจงข้อบังคับพรรคในการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ มาแทนนายเฉลิมชัย ศรีอ่อนที่ลาออกไป เพื่อชี้ให้เห็นว่า… ใครจะเป็นผู้คุมเกมตัวจริง? ดร.สามารถระบุถึงเกมตัวเลข…ใครคุมคะแนนเสียง? โดยบอกตามข้อบังคับพรรคประชาธิปัตย์ “โหวตเตอร์” แบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือ สส. มีคะแนน 40% คือฐานกำลังที่แข็งที่สุด ใครคุมเสียงได้มีโอกาสชนะ ต่อมาคือกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) มีคะแนน 20% ส่วนโหวตเตอร์อื่นๆ มีคะแนน 40% และต้องมีไม่น้อยกว่า 201 คน มีคะแนน 40% เท่ากับ 1 คน มีคะแนน 0.20% สรุปง่ายๆ เสียง สส. และ กก.บห.แทบจะชี้ขาดทุกอย่าง เพราะมีคะแนนต่อคนสูง และส่วนใหญ่ยังอยู่ใน “ขั้วอำนาจปัจจุบัน”… นั่นคือคำตอบว่า “ขั้วอำนาจปัจจุบัน” เป็นผู้คุมคะแนนเสียง! ดร.สามารถวิเคราะห์สมการชนะเลือกตั้งไว้ด้วย โดยบอกหากได้เสียงจาก สส. 21 คน คิดเป็น 33.6% บวกกับ กก.บห. 20 คน คิดเป็น 16.60% รวมแล้วได้ 50.20%… ชนะเลือกตั้งทันที! นี่คือเหตุผลว่าทำไม “ขั้วอำนาจปัจจุบัน” จึงได้เปรียบ พร้อมระบุถึงสาเหตุที่ “คนนอกขั้วอำนาจปัจจุบัน” จึงสู้ยาก? เพราะกลุ่ม สส.รวมกับกลุ่ม กก.บห. มีคะแนนรวมถึง 60% ถ้าขั้วอำนาจปัจจุบันรวมกันได้ครบ “คนนอกขั้วอำนาจ” แทบหมดสิทธิ์ตั้งแต่ยังไม่ลงสนาม! ดร.สามารถบอกยังมี “สูตรคณิตศาสตร์การเมือง” ที่จะทำให้ “คนนอกขั้วอำนาจปัจจุบัน” พอจะมีลุ้นคือ…ต้องเจาะเข้าถึง สส.บางส่วน แค่ 4 คน ที่เป็นอยู่ในเวลานี้ยังไม่พอ ต้องมีเครือข่าย กก.บห.ที่ยอมแหกค่าย และต้องกวาดคะแนนจากโหวตเตอร์อื่นอย่างน้อย 30-35% จากทั้งหมด 40% ซึ่งไม่ง่าย ถ้า “ขั้วอำนาจปัจจุบัน” เห็นว่าพรรคฯ อยู่ในสถานการณ์ที่คะแนนความนิยม…
พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยถึงกรณีที่มีข่าวว่าฝ่ายกัมพูชาได้รุกล้ำและใช้ประโยชน์ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา บริเวณบ้านชำราก ตำบลชำราก อำเภอเมือง จังหวัดตราด โดยระบุว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายไทยอ้างสิทธิ์ตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี พ.ศ. 2543 (MOU43) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ยังไม่ได้มีการปักปันเขตแดนที่แน่นอน รองโฆษกกองทัพเรือกล่าวว่า กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ได้ติดตามสถานการณ์และได้ทำหนังสือประท้วงหลายครั้ง เพื่อให้ฝ่ายกัมพูชาออกจากพื้นที่มาโดยตลอด ล่าสุดในที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) กปช.จต. ได้หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาหารือ พล.ร.ต. ปารัช กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน กปช.จต. ได้ดำเนินการผลักดันกำลังพลของฝ่ายกัมพูชาออกจากพื้นที่รุกล้ำเรียบร้อยแล้ว แต่สิ่งปลูกสร้างและคูระบายน้ำที่ถูกสร้างขึ้นยังคงอยู่ ซึ่งทางกองกำลังในพื้นที่กำลังเฝ้าติดตามผลการดำเนินการตามข้อตกลงอย่างใกล้ชิด และเตรียมที่จะยกระดับมาตรการขั้นต่อไปหากไม่ได้รับความร่วมมือจากฝ่ายกัมพูชาในการรื้อถอน#ล้ำชายแดนจันทบุรีตราด ขอบคุณ FB:ข่าวทหาร #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #WarCrimes #HumanRights #ฮุนเซนอาชญากรสงคราม #hunsenwarcriminal #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #TruthFromThailand #รุกล้ำอธิปไตย #ประชุมGBC #เก็บกู้ทุ่นระเบิด #ถอนอาวุธหนัก #ภูมะเขือ #ปราสาทตาเมือนธม #อันธพาลชายแดน #ล้ำชายแดนจันทบุรีตราด
เป็นประเด็นร้อนที่ตรวจพบว่าการรุกล้ำอธิปไตยของกองกำลังกัมพูชา ด้านพื้นที่จังหวัดตราด กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ใน 3 จุด ซึ่งเบื้องต้นกองทัพเรือชี้แจงว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ตามมาตราส่วน 1:50000 โดยกองกำลังกัมพูชาที่ล้ำเข้ามาประกอบด้วย จุดที่ 1 เป็นกองร้อย ตชด.825 (กัมพูชา) ซึ่งมีอาคารล้ำเข้ามาประมาณ 15 เมตร จุดที่ 2 เป็นแนวคูเรตบริเวณสวนยาง ซึ่งมีบางส่วนของพื้นที่สวนยางล้ำเข้ามาในพื้นที่อ้างสิทธิ์ของประเทศไทย ประมาณ 125 เมตร และจุดที่3เป็นกองร้อย ลว.ที่1 ของ พัน.ปชด.501ของกัมพูชา ซึ่งมีแนวคูเรตล้ำเข้ามาในพื้นที่อ้างสิทธิ์ของประเทศไทย ประมาณ 30 เมตร ทั้งนี้กองทัพเรือระบุ ทั้ง 3 พื้นที่ดังกล่าว กปช.จต. ดำเนินการทำหนังสือประท้วงตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันการประชุม คณะกรรมการส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (RBC) ครั้งที่ 2 จังหวัดไพริน ประเทศกัมพูชา ได้ดำเนินการพูดคุยกับทางภูมิภาคทหารที่ 5 กองทัพบกกัมพูชา 1.ให้กำลังพลของฝ่ายกัมพูชาที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวออกจากพื้นที่ 2.ต้องไม่ดำเนินการสร้างหรือขุดเพิ่มเติม หลังจากนี้ทาง กปช.จต. จะดำเนินการติดตามอย่างใกล้ชิดให้เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้ “กองกำลังป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ยังคงยืนยันเจตนารมณ์แน่วแน่ว่า จะปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างเต็มกำลัง เพื่อไม่ให้เกิดการรุกล้ำอธิปไตยของชาติแม้แต่ตารางนิ้วเดียว” ขณะที่มีคอมเมนต์ที่ส่วนใหญ่ตั้งคำถามว่าทำไมถึงปล่อยให้กองกำลังกัมพูชาจัดสร้างสิ่งปลูกสร้าง และขุดคูเลตรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ ขณะที่ชาวจังหวัดตราดระบุเรื่องนี้ชาวบ้านอึดอัดใจมานานแล้ว ไม่ต่างจากชาวบ้านหนองจาน และเรียกร้องให้ผลักดันออกจากผืนแผ่นดินไทย เพราะประท้วงไม่เป็นผล และยังมีท่าทีที่จะล้ำเข้ามาอีก #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#WarCrimes#HumanRights#ฮุนเซนอาชญากรสงคราม#hunsenwarcriminal#กัมพูชายิงก่อน#CambodiaOpenedFire#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด#TruthFromThailand#รุกล้ำอธิปไตย#ประชุมGBC#เก็บกู้ทุ่นระเบิด#ถอนอาวุธหนัก#ภูมะเขือ#ปราสาทตาเมือนธม#อันธพาลชายแดน #ล้ำชายแดนจันทบุรีตราด
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.และสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เรื่องนี้เพื่อประกาศ สนับสนุนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หวนคืนเก้าอี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และเขาพร้อมช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยระบุยินดีหากนายอภิสิทธิ์จะกลับมาเป็นผู้นำพรรคประชาธิปัตย์อีกครั้งหนึ่ง และยินดีเข้าไปช่วยเหลือในการฟื้นฟูพรรค โดยยังไม่สมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อเข้าไปเลือกหัวหน้าพรรค เพื่อแสดงว่า ไม่ต้องการตำแหน่งแห่งหนใดๆ ในพรรค นายนิพิฏฐ์ยังจัดบุคคลากรเพื่อฟื้นฟูพรรคป็น 2 ชุด คือ ชุดคนหนุ่ม-สาว สำหรับลงเลือกตั้ง ชุดผู้อาวุโสที่เคยสร้างพรรคให้ยิ่งใหญ่มาในอดีต สำหรับเป็นที่ปรึกษา สำหรับคนที่จะลงเลือกตั้ง ต้องเป็นคนหนุ่ม-สาว ที่มีทัศนเป็นบวกต่อบ้านเมือง ไม่ทำลายรากฐานหรือแก่นของชาติ แต่ปรับปรุงให้ทันสมัยต่อโลกสมัยใหม่ เป็นคนหนุ่มสาวที่เป็นโซ่ข้อกลาง ให้คนทุกรุ่นอยู่กันได้อย่างสันติ ไม่ทำลายคนรุ่นใดรุ่นหนึ่ง เพื่อสร้างมนุษย์พันธุ์ใหม่ที่ผมไม่รู้จักขึ้นมา สำหรับประชาชนก็เช่นกัน หากเห็นว่าสามก๊กใหญ่ คือ เพื่อไทย,ประชาชน,ภูมิใจไทย คือความหวังของชาติ ก็ไม่จำต้องสร้างประชาธิปัตย์(ยุคใหม่) ขึ้นมาอีก หากเห็นว่า ยังวางใจไม่ได้ ก็ต้องร่วมกันฟื้นประชาธิปัตย์(ยุคใหม่) ขึ้นมา “เงื่อนไขผมอาจจะเยอะ แต่คิดเอาเองว่า นี่คือ“ความรอดอย่างเดียวของชาติ” การเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ เหมือน“เปิดถ้วยให้แทง“แล้ว หากสมาชิกพรรคยังแทงไม่ถูกอีก ก็รอวันพรรคล่มสลายอย่างนิรันดร์” ขอบคุณ FB: Abhisit Vejjajiva,นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#กระดานการเมือง #รัฐสภา#อภิสิทธิ์เวชชาชีวะ#กอบกู้ประชาธิปัตย์#เฉลิมชัยศรีอ่อน#พรรคประชาชน#พรรคภูมิใจไทย#รัฐบาลอนุทิน#พรรคประชาธิปัตย์