นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มีการออกสำรวจแนวคูเลตกลบฝังพื้นที่ตามข้อตกลงร่วมกัน พร้อมกับปรับกำลังทั้งสองฝ่ายที่ได้ตกลงกันไว้ในช่วงสถานการณ์ปกติเมื่อปี 2567 แล้ว ซึ่งมีสัญญาณที่ดี สะท้อนความจริงใจในการลดความตึงเครียดของสถานการณ์ อันเป็นผลมาจากการเจรจาในทุกระดับ สร้างบรรยากาศที่ดีนำไปสู่การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) วันที่ 14 มิ.ย.นี้ ซึ่งหวังว่าจะช่วยลดความตึงเครียด รักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่และความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองฝั่งชายแดน นำไปสู่การหาทางออกที่ยั่งยืน
“สถานการณ์ยังอยู่ในสภาวะที่เปราะบาง มีความน่ากังวล และสถานการณ์ก็ยังไม่ได้กลับสู่สภาวะปกติเช่นเดิม แต่ก็ได้รับสัญญาณที่ดีจากทั้งสองฝ่าย”
ส่วนการควบคุมจุดผ่านแดนยังดำเนินต่อไป เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่และความปลอดภัยของประชาชนทั้งสองฝั่ง นอกจากนี้จะยกระดับมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยีเทคโนโลยีและการค้ามนุษย์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เช่น ตัดกระแสไฟฟ้า ระงับสัญญาณอินเตอร์เน็ตในพื้นที่บ่อนการพนันและสแกมเมอร์ ควบคุมสินค้าและยุทโธปกรณ์ ที่อาจจะนำไปใช้ในการก่ออาชญากรรมข้ามชาติอื่น ๆ โดยจะเสนอที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ต่อไป
ขณะที่มาตรการจำกัดวีซาคนไทยของกัมพูชา จากเดิม 60 วัน เหลือ 7 วัน นายนิกรเดชระบุได้รับการยืนยันมาว่ากัมพูชาได้ลดจำนวนวันจริง ซึ่งฝ่ายไทยก็ได้ออกมาตรการโต้ปรับลดเหลือ 7 วันแล้วเช่นกัน และยังไม่แน่ใจว่าจะดำเนินการไปถึงเมื่อไร รอให้สถานการณ์ดีขึ้นและรอให้ทั้งสองฝ่ายหันหน้ากลับมาคุยกันเรื่องของจำนวนวันในการเข้าประเทศอีกครั้ง
ส่วนการประชุม JBC กัมพูชายังไม่ขอเจรจาเรื่องข้อพิพาท 4 พื้นที่ที่จะเสนอต่อศาลโลก ไทยจะขอให้นำมาพูดคุยในโต๊ะการประชุมหรือไม่ นายนิกรเดช กล่าวว่า ตอนนี้สองฝ่ายเริ่มคุยกันเรื่องวาระการประชุมยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่ามีการคุยเรื่องข้อพิพาท 4 พื้นที่หรือไม่ ทั้งสองฝ่ายอาจมีท่าทีสงวนว่าจะคุยกัน #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#ถอนกำลัง#รัฐบาลแพทองธาร#ศาลโลก#ชายแดน#แก๊งคอลเซ็นเตอร์#ไทยกัมพูชา#ปิดด่าน#JBC#ICJ#ชายแดนไทยกัมพูชา#ละเมิดอธิปไตย#กองทัพไทย#ช่องบก#ฮุนเซน