เป็นการชี้แจงของนางสาว ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องการเซ็นสัญญาซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน โดยเริ่มจากอธิบายว่าโครงการประมูลดังกล่าวเริ่มตั้งแต่ปี 2565 ในรอบแรกประมูลขนาด 5,200 เมกะวัตต์ แต่มีการยื่นฟ้องศาลปกครองไม่สามารถเซ็นสัญญาได้ แต่เมื่อศาลปกครองสูงสุดยกฟ้องทุกกรณี จึงไม่มีข้อกฎหมายเป็นอุปสรรคในการลงนามสัญญา และมีเงื่อนไขให้ กฟผ.ต้องลงนามในสัญญาภายใน 2 ปี โดยไฟฟ้าจากแสงแดดครบกำหนดวันที่ 18 เมษายน 2568 พลังลมครบกำหนดภายในปี 2569
เป็นการดำเนินการต่อเนื่อง และทางกฤษฎีกาให้ข้อเสนอแนะว่า หากยกเลิกหรือชะลอลงนามสัญญาส่วนที่เหลือ อาจทำให้เกิดปัญหาข้อกฎหมาย ส่วนที่ยังไม่ได้ลงนามหากหยุดกระบวนการทันที จะทำให้เกิดปัญหาข้อกฎหมายเช่นกัน กฤษฎีกาได้แนะนำให้ กฟผ.เพิ่มเงื่อนไขในสัญญาหากพบปัญหากฎหมายหรือผิดขั้นตอนใด ๆ สามารถยกเลิกสัญญาได้ไม่ต้องรอให้ครบสัญญา 25 ปี
“ดังนั้นทั้ง 3 สัญญาที่ลงนามไปเมื่อวันที่ 18 เมษายนทำเงื่อนไขที่ต้องลงนามในสัญญาภายใน 2 ปี แต่ก็ได้ปรับเงื่อนไขตามคำแนะนำของกฤษฎีกา จะไม่เป็นข้อผูกมัดไป 25 ปี สามารถยกเลิกสัญญาได้ทันที หากพบว่ามีการกระทำผิด จึงขอให้มั่นใจ ขอให้วางใจได้”
สำหรับ 16 สัญญาที่เหลือ นายพีระพันธุ์ได้หารือกับผู้ว่าการ กฟผ.หาช่องทางกฎหมายในการชะลอการลงนามเพื่อให้มีเวลาตรวจสอบประเด็นที่สังคมกังวลอย่างรอบคอบ ซึ่ง ผู้ว่าฯ กฟผ. กำลังตรวจสอบข้อกฎหมายเพื่อดำเนินการต่อไป
นางสาวศศิกานต์ ย้ำว่าเรื่องนี้ไม่ใช่อำนาจของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แต่เป็นเงื่อนไขที่กำหนดโดย กกพ. ดังนั้นนายพีระพันธุ์จึงต้องการเร่งแก้ไขกฎหมายเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และไม่เปิดช่องให้เกิดการเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มทุนใด ๆ ในอนาคต
“ขอยืนยันว่า หากมีหลักฐานหรือข้อเท็จจริงใหม่ที่แสดงให้เห็นว่าโครงการใดผิดกฎหมายหรือไม่ชอบด้วยขั้นตอน ก็สามารถดำเนินการยกเลิกสัญญาได้ทันทีโดยไม่ต้องรอให้ครบอายุสัญญา 25 ปี” นางสาว ศศิกานต์ ย้ำ #ThePublisherTH#สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม#พลังงานเพื่อทุกคน#NetmeteringNow#พลังผู้บริโภค#พลังงานหมุนเวียน#สัญญาไฟฟ้า#ค่าไฟแพง#ดีลค่าไฟแพง