เป็นหนังสือทวงถามข้อเรียกร้องให้เพิกถอน MOU 2544 และ JC 2544 ที่ยื่นถึงนายกรัฐมนตรี หลังครบ 15 วันที่ได้ขีดเส้นไว้ เนื่องจากดำเนินการไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และขัดพระบรมราชโองการฯ ฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมาย สุ่มเสี่ยงต่อสูญเสียเอกราช อธิปไตย สิทธิอธิปไตย และบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปของราชอาณาจักรไทย
โดยในหนังสือไล่เรียงถึงการที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และประชาชนได้ยื่นหนังสือขอให้หยุดเดินหน้าเรื่องดังกล่าว และขอให้คณะรัฐมนตรีส่ง MOU 2544 และ JC 2544 ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ พร้อมกับให้คณะรัฐมนตรีเจรจากับกัมพูชาเพื่อยกเลิก MOU 2544 และ JC 2544 ระงับการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิคไว้ก่อนจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย รวมถึงขอให้จัดเวทีสาธารณะอย่างเป็นกลางเพื่อสร้างความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมของประชาชนในเรื่องนี้
ทั้งนี้เมื่อครบ 15 วัน นายกฯ และคณะรัฐมนตรียังไม่ได้แจ้งผลการดำเนินการ ถือว่าจงใจละเลยต่อหน้าที่ดังกล่าว หากนายกฯ และคณะรัฐมนตรี ยังคงนิ่งเฉยต่อข้อเรียกร้องจนอาจทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียเอกราช อธิปไตย บูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีปซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย จะถือว่าได้กระทำการอันเป็นการตระเตรียมหรือสนับสนุนการกระทำความผิดทำให้ราชอาณาจักรไทย หรือบางส่วนต้องไปอยู่ในอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป รวมทั้งตระเตรียมการเพื่อคบคิดกับผู้นำของประเทศกัมพูชาด้วยความประสงค์ที่จะเป็นปรปักษ์ต่อรัฐ ทำให้รัฐได้รับความเสียหาย อันอาจเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 และมาตรา 120 ซึ่งจะมีการดำเนินการตามกฎหมายและที่เห็นสมควรเพื่อปกป้องอธิปไตยและสิทธิอธิปไตยของราชอาณาจักรไทยต่อไป
โดยวันนี้นายสนธิ และนายปานเทพ รวมถึงประชาชนส่วนหนึ่งไปติดตามทวงถามกรณีดังกล่าวที่หน้าทำเนียบรัฐบาลอีกด้วย