“ล็อบบี้” บดขยี้จริยธรรมแพทย์ 12 มิ.ย. วัดกำลังการเมือง VS วิชาชีพแพทย์
ถ้าเสียงโหวตเพื่อความถูกต้องยอมถูกบีบให้พ้นวงประชุม — องค์กรจริยธรรมก็ไม่ต่างจากหุ่นเชิดในระบบราชการ
⸻
ศึกแพทยสภา— เดิมพันด้วย “หลักนิติธรรม”
วันที่ 12 มิถุนายน 2568 กำลังจะกลายเป็นสมรภูมิสำคัญของสถาบันวิชาชีพแพทย์ ไม่ใช่เพราะมีกฎหมายใหม่ ไม่ใช่เพราะมีการเปลี่ยนคณะกรรมการ — แต่เพราะมติเดิมของแพทยสภาที่ “ลงโทษแพทย์” กรณีการรักษานายทักษิณ ชินวัตร กำลังถูก อำนาจการเมืองเข้าแทรกแซง
หลังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ใช้อำนาจในฐานะ “สภานายกพิเศษ” วีโต้ มติของแพทยสภา แม้จะทำได้ตามกฎหมาย แต่ไม่เคยมี รมว.สธ.คนใดทำมาก่อน…
ยิ่งครั้งนี้วีโต้ในกรณีที่เกี่ยวพันกับคดีชั้น 14 ทักษิณ ก็ยิ่งเต็มไปด้วยคำถามถึงความชอบธรรมว่า เป็นการใช้อำนาจเพื่อใคร?
กลไกสำคัญถัดมาคือการประชุมของคณะกรรมการแพทยสภา เพื่อยืนยันมติเดิม
และกติกานั้นชัดเจน: ต้องได้เสียง “เห็นชอบ” จากไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 หรือ 47 เสียงจากทั้งหมด 70 เสียง
ขณะที่อำนาจการเมืองยังไม่หยุดแค่ที่ “สมศักดิ์”
⸻
ล็อบบี้เงียบ บีบพ้นวงประชุม
โครงสร้างของแพทยสภามีสมาชิก 70 คน
• 35 คนจากการ เลือกตั้งโดยแพทย์ทั่วประเทศ
• อีก 35 คนจาก ตำแหน่งโดยอำนาจรัฐ เช่น ปลัดกระทรวง อธิบดี เจ้ากรมแพทย์ และคณบดีคณะแพทย์ทั่วประเทศ
การล็อบบี้จึงไม่ได้มุ่ง “ล้มองค์ประชุม” เพราะคนน่าจะมาครบ
แต่เป้าคือทำให้ “เสียงโหวตเห็นชอบ” ไม่ถึงเกณฑ์ 2 ใน 3 โดยเฉพาะจากกลุ่มที่อยู่ใต้คำสั่งฝ่ายบริหาร
ด้วยการบีบแพทย์ฝ่ายบริหารที่รัฐบาลกดดันได้ ไม่ให้เข้าร่วมประชุม
นี่คือเครื่องมือใหม่ของการแทรกแซง
แต่บรรดาแพทยผู้ใหญ่ทั้งหลาย ต้องพึงระลึกด้วยว่า แม้จะไม่เข้าประชุมก็ต้องมีบันทึก ใครเป็นใคร พวกท่านจะยอมแลกเกียรติภูมิกับการสยบยอมให้การเมืองจริงหรือ?
⸻
ป่วยทิพย์ชั้น 14 ช่วยนักโทษคนเดียว สะเทือนทั้งระบบ
มูลเหตุทั้งหมดคือคดีที่ประชาชนเรียกกันว่า “ป่วยทิพย์” —
ทักษิณ ชินวัตร ไม่เคยต้องนอนคุก เพราะย้ายมารักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจตั้งแต่วันแรกที่ถูกส่งตัวไปเรือนจำ แถมรักษาตัวยาวนานถึง 181 วัน โดยไม่มีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลในสายตาสังคม
เมื่อแพทยสภาใช้กลไกไต่สวน ตรวจสอบ และลงมติลงโทษแพทย์สามรายที่เกี่ยวข้อง หนึ่งตักเตือน สองพักใบอนุญาตฯ
อำนาจก็เคลื่อนไหวสวนทันที — ด้วยการวีโต้ และตามมาด้วยข่าววงในว่า มีคำสั่งให้ “ลดแรงสนับสนุน” ในวันประชุมยืนยันมติ
⸻
เมื่ออำนาจ…ท้าทายสังคม
สิ่งที่ทำให้ศึกครั้งนี้ชัดเจนกว่าครั้งใด คือ
ผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้ปิดบังอิทธิพลของตัวเอง
• ทักษิณกลับไทยพร้อมคดีติดตัว สารภาพผิด พร้อมรับโทษ ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษจาก 8 ปี เหลือ 1 ปี แต่กลับไม่ได้นอนคุกแม้แต่วันเดียว ทำระบบยุติธรรมในการบังคับโทษสั่นคลอน
• รักษาตัวนอกคุกอย่างยาวนาน โดยไม่มีภาพหรือข้อมูลยืนยันอาการป่วยวิกฤต ตรงข้ามบิลค่าใช้จ่าย 26 ใบ มากกว่า 90% คือค่าห้องและค่าอาหาร ยิ่งสะท้อนชัดเขาไม่ได้ป่วยวิกฤต
• ทักษิณแสดงความคิดเห็นและสั่งการการเมืองผ่านบทสัมภาษณ์หลายครั้ง
ในบริบทนี้ สมศักดิ์ที่กล้าตัดมติของแพทยสภา ก็คือรมต.ในสังกัดพรรคเพื่อไทยของทักษิณ
⸻
ถ้า 12 มิ.ย. จริยธรรมแพทย์แพ้ — สังคมจะเหลืออะไร
สิ่งที่ประชาชนต้องจับตามองจึงไม่ใช่แค่ว่า “ใครโหวตอย่างไร”
แต่คือ เสียงที่หายไป เพราะแรงกดดันจะมีจริงหรือไม่?
และใครอยู่ในกลุ่มนี้?
เสียงที่ควรยืนยันข้อเท็จจริง แต่เลือกนิ่งเฉยด้วยเหตุผลที่ไม่มีวันพูดออกมา
ถ้าแพทยสภาไม่สามารถยืนยันมติเดิมได้ในวันที่ 12 มิ.ย.
ไม่ใช่เพราะหลักฐานเปลี่ยน
ไม่ใช่เพราะมีข้อผิดพลาด
แต่เพราะ แพ้อำนาจการเมือง — นั่นไม่ใช่แค่ความพ่ายแพ้ของวิชาชีพแพทย์
แต่คือความพ่ายแพ้ของระบบจริยธรรมทั้งประเทศ
#ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #สมศักดิ์เทพสุทิน #ทักษิณ #ทักษิณชินวัตร #แพทยสภา #ป่วยทิพย์ #ชั้น14 #มติแพทยสภา #แพทยสภา #ล็อบบี้จริยธรรม #12มิถุนาต้องรู้ #จริยธรรมแพทย์