”ความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำที่ดีเกินไปอาจทำให้กัมพูชาย่ามใจ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่กัมพูชาปูทางไว้อย่างเป็นระบบ”— รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ
เรียบเรียงจากบทสัมภาษณ์จากรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ดำเนินรายการโดย “สมจิตต์ นวเครือสุนทร
⸻
หลังเหตุปะทะบริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา แม้จะมีการกำหนดเวทีหารือผ่านกลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา (JBC) แต่ฝ่ายกัมพูชากลับเดินหมากรุกทันที ทั้งในระดับการทูต การทหาร และการเมืองระหว่างประเทศ พร้อมขยับสู่ “หมากสุดท้าย” ด้วยการประกาศเตรียมนำข้อพิพาทขึ้นศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ)
รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ชี้ว่า นี่ไม่ใช่การเคลื่อนไหวแบบฉับพลัน แต่เป็น “แผนที่วางไว้ล่วงหน้าอย่างเป็นระบบ”
“แต่ที่น่าสนใจก็คือ ทำไมเขาเดินสุดซอยเร็วมาก? อาจเพราะเขาคิดว่ามีความได้เปรียบหลายด้าน โดยเฉพาะประสบการณ์จากคดีเขาพระวิหารที่ศาลโลกเคยตัดสินให้ไทยเสียเปรียบ ซึ่งคณะลูกขุนของศาลก็โน้มเอียงไปตามหลักฐานที่ฝรั่งเศสเคยทำไว้ รวมถึงภาพจำว่ากัมพูชาเป็นประเทศเล็กที่ถูกรังแก ข้อกล่าวหาว่าไทยเป็นฝ่ายยิงก่อน ก็ยิ่งไปเพิ่มน้ำหนักให้เขาในสายตาสากล แต่สุดท้ายถ้าไทยไม่ยินยอม เขาก็ไม่สามารถพาเรื่องเข้าสู่ศาลโลกได้ เราต้องยืนยันว่าเป็นเรื่องที่สองฝ่ายควรเจรจากันเอง”
⸻
“ตอนนี้เขาพร้อมทั้งอาวุธ และนโยบาย”
รศ.ดร.ปณิธาน วิเคราะห์ว่า ความเคลื่อนไหวของกัมพูชาที่ดูเร่งเร้าในช่วงนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
“เขาตัดถนนใหม่ ลาดยางถนนเก่า ทำทางเข้ามาในพื้นที่ที่อ้างว่าอยู่มาก่อน MOU 2543 และถึงแม้ยังไม่มีข้อพิสูจน์ชัดเจน เขาก็แสดงออกชัดว่าพร้อมทุกด้าน ทั้งอาวุธ ยุทธโธปกรณ์ และนโยบายที่สอดรับกันหมด แต่เรากลับมีความไม่ชัดเจนหลายเรื่อง รวมถึงการที่ความสัมพันธ์ในระดับผู้นำของเรากับเขาดีเกินไป จนอาจทำให้กัมพูชาย่ามใจ คิดว่าเดินเกมได้ เข้ามาในช่วงที่คิดว่าเราอ่อนแอ”
⸻
“พ่อลูกผู้นำกัมพูชาเดินเกมสามง่าม”
ทั้งสมเด็จฮุนเซน ฮุน มาเนต และฮุน มานิธ (หัวหน้าแผนกข่าวกรอง) รวมถึงเครือญาติอีกหลายคนในคณะรัฐมนตรี ทำให้ “รัฐกัมพูชามีเอกภาพในการขับเคลื่อน” ต่างจากไทยที่นโยบายความมั่นคงกระจัดกระจาย
“เขาไม่ทำแบบนี้กับแค่ไทย แต่กับเวียดนามก็ใช้ยุทธศาสตร์คล้ายกัน เราเองอาจต้องส่งสัญญาณใหม่ให้เขารับรู้ว่าเราก็มีเอกภาพ ไม่ใช่ปล่อยให้แต่ละหน่วยงานต่างคนต่างแถลงแบบที่ผ่านมา”
⸻
“คำพูดของทักษิณไม่สะท้อนสถานการณ์จริง”
ต่อกรณีที่ ทักษิณ ชินวัตร ระบุว่าได้พูดคุยกับสมเด็จฮุนเซนแล้ว และสถานการณ์กำลังคลี่คลายนั้น อาจารย์ปณิธานเห็นว่า
“แม้จะสะท้อนถึงความใกล้ชิดระดับผู้นำ แต่ไม่ได้สะท้อนสถานการณ์จริงในพื้นที่เลย ตอนนี้กัมพูชากำลังเดินเกมสามง่าม ทั้งการเคลื่อนไหวของฮุนเซน การส่งทหารรุกคืบเชิงยุทธวิธี และการแสดงท่าทีปรองดองในเวทีระหว่างประเทศ เช่นที่ประชุมที่สิงคโปร์เมื่อ 2 วันก่อน ซึ่งแทบไม่มีใครเห็นใจไทยเลย แม้เราจะชี้แจงแล้วก็ตาม”
⸻
“ไทยโดดเดี่ยวมากกว่าที่คิด”
“เราต้องเร่งพิสูจน์ข้อเท็จจริง และเปิดเผยภาพถ่ายทางอากาศก่อน–หลังเหตุการณ์ เพื่อให้ประชาคมโลกเห็นว่าใครทำผิดข้อตกลงกันแน่ไม่อย่างนั้นไทยจะยิ่งถูกโดดเดี่ยว”
⸻
“ถึงเวลา สมช.ต้องเคลื่อนไหว”
“นายกฯ ควรเรียกประชุม สมช. ฉุกเฉินทันที เพื่อกำหนดแนวทางให้ชัดว่าเราจะเดินหน้าอย่างไร ต้องส่งสัญญาณให้เห็นว่ากลไกรัฐไทยเริ่มทำงานแล้ว ไม่ใช่ต่างคนต่างพูด อาจถึงเวลาทบทวน MOU 2543 ซึ่งกัมพูชายึดถือเป็นกล่องดวงใจของเขา ถ้าเราจะเดินหน้าเชิงรุก ก็ต้องกล้ากดดันตรงจุดนี้ แล้วเสนอเงื่อนไขใหม่ เช่น การพัฒนาพลังงานร่วมกัน เหมือนกรณีไทย–มาเลเซียที่เคยทำได้สำเร็จในอดีต แต่การดำเนินการเรื่องนี้ต้องทำในระบบอย่างโปร่งใส ไม่ใช่นอกระบบ”
⸻
“ทำไมเราถึงเสียเปรียบ ทั้งที่ควรได้เปรียบ?”
“ตอนนี้หลายคนเริ่มเห็นแล้วว่าปัญหาหลักของไทยคือความไร้เอกภาพเรามีกลไก แต่ไม่มีทิศทาง ทำให้เราเสียเปรียบทั้งที่ควรได้เปรียบ ก่อนถึงการประชุมเจบีซี ควรส่งผู้นำระดับสูงไปเจรจาก่อน“
#ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #กองทัพบก #กัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #ทหารไทย #รักษาชายแดน #กระทรวงต่างประเทศ #สมช #รัฐบาลแพทองธาร #แพทองธาร #ช่องบก #ศาลโลก #ความมั่นคง #ปณิธานวัฒนายากร