ล้างกระดานนักการเมืองเขี้ยวลากดิน ผิดมาตรา 144 เรียกเงินคืนแผ่นดิน 3.5 หมื่นล้าน—ไม่ใช่นิติสงคราม”— ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์
เรียบเรียงจากบทสัมภาษณ์ในรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ดำเนินรายการโดย “สมจิตต์ นวเครือสุนทร”
⸻
ท่ามกลางคลื่นกฎหมายที่กำลังไล่กดดันเข้าหาทักษิณ ชินวัตร ด้วยคดีมาตรา 112 และคดี “ชั้น 14” รวมถึงชะตากรรมที่ยังไม่แน่นอนในตำแหน่งนายกฯ ของแพทองธาร ชินวัตร— ยังมีอีกหนึ่งชนวนที่อาจกลายเป็น “ไฟลามทุ่ง” เขย่าทั้งรัฐสภา กระบวนการนิติบัญญัติ และฝ่ายบริหาร
คือคำร้องเรื่อง “การกระทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 144” ที่ ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ยื่น ป.ป.ช. ให้สอบการโยกงบประมาณปี 2568 ไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งเขาเชื่อว่าเป็นการ แปรญัตติแตะต้องเงินกู้โดยมิชอบ—เป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญมาตรา 144 โดยตรง
“ผมใช้เวลาห้าเดือนศึกษาเรื่องนี้ ตรวจสอบจากรายงานการประชุม มีหลักฐานชัดหน้า 109 ถึง 122 ว่าเงินที่โยกเป็นหนี้ดอกเบี้ยเงินกู้ของ 5 ธนาคาร ส.ส. ส.ว. และ ครม.รู้หมด แล้วจะตีความว่าไม่เกี่ยวกับเงินกู้ได้อย่างไร ที่มีคนบอกเป็นเงินค้างจ่าย ก็จ่ายสิ เพราะเป็นหนี้ตามกฎหมายไง”
เขายืนยันว่า ป.ป.ช. ไม่มีทางหลีกเลี่ยง ที่จะไม่ส่งคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเอกสารประกอบคำร้องมากกว่า 2,000 หน้า มัดชัดเจนมีการกระทำผิดจริง และเป็นข้อมูลที่ ปรมาจารย์ด้านตรวจเงินแผ่นดิน ยังตกใจเมื่อได้เห็น
⸻
เงิน 3.5 หมื่นล้าน… จุดเริ่มของความผิดซ้ำซ้อน
ชาญชัยอธิบายว่า การโยกงบ 3.5 หมื่นล้านที่เดิมต้องใช้ชำระต้นและดอกเงินกู้จากโครงการรัฐ เช่น จำนำข้าว กลับถูกดึงมาใช้ต่อยอดโครงการดิจิทัลวอลเล็ตภายใต้รัฐบาลเศรษฐาและแพทองธาร
“เงินก้อนนี้เป็น หนี้ตามกฎหมาย ห้ามแปรญัตติเด็ดขาด แต่กลับโยกงบมาตัดใช้ เพราะ ครม.จะเอาไปทำดิจิทัลวอลเล็ต”
เขาบอกว่าเบื้องหลังการเปิดโปงเรื่องนี้ เริ่มจากการที่คุณ วีระ ธีรภัทร ไปเป็น กมธ.งบประมาณแล้วพูดว่า “รัฐบาลเบี้ยวหนี้” เขาจึงตรวจสอบข้อมูลชั้นต้น—ก่อนพบว่าเอกสารงบการเงินของธนาคารรัฐและรายงานของผู้ตรวจการแผ่นดินระบุชัดว่าควรตั้งงบใช้คืนในปี 2568 แต่กลับถูกโยกออกจากหมวดนั้นไปใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
⸻
ครม.-ส.ส.-ส.ว. ใครรอด ใครร่วง?
ในคำร้องของชาญชัย ระบุผู้เกี่ยวข้องที่อาจต้องพ้นตำแหน่งรวมถึง:
• ส.ส. จำนวน 309 คน
• ส.ว. 175 คน (ที่ลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบฯ ปี 2568)
• ครม. เศรษฐา โดยตรง
• ครม. แพทองธาร (ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาลรัฐธรรมนูญ)
และหากศาลฯ ชี้ว่ามีความผิด นอกจากต้องพ้นจากตำแหน่งแล้ว ยังต้อง ตัดสิทธิทางการเมืองไม่น้อยกว่า 10 ปี และร่วมกัน คืนเงิน 3.5 หมื่นล้านให้แผ่นดิน
“นักการเมืองเขี้ยวลากดินก็ต้องหายไปสัก 10 ปี แล้วร่วมกันคืนเงินให้แผ่นดิน ตอนนี้ป.ป.ช.ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องใช้กฎหมายไหนตามเงินคืน เพราะไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้มาก่อน“
โดยไทม์ไลน์ของคดีหลังป.ป.ช.รับเรื่องวันที่ 10 มิถุนายน มีเวลาพิจารณาถึง 10 สิงหาคม หากป.ป.ช.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลฯ จะมีเวลาพิจารณา 15 วันรวมทั้งกระบวนการจบภายในสิงหาคมนี้
⸻
“ไม่มีสุญญากาศ มีแต่รัฐธรรมนูญต้องศักดิ์สิทธิ์”
เมื่อถูกถามว่าหากเกิดกรณี พ้นจากตำแหน่งหมู่ จะเกิดสุญญากาศหรือไม่ เขาย้ำว่า ไม่มีทางถึงทางตัน เพราะ
• ส.ว. ใช้บัญชีสำรอง
• ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ เลื่อนลำดับ
• ส.ส. แบบเขต จัดเลือกตั้งซ่อม
• ฝ่ายบริหาร มีปลัดกระทรวงรักษาการได้ตามกฎหมาย
“ไม่มีอะไรถึงทางตัน ไม่เกิดสุญญากาศการเมือง มีอย่างเดียวที่ต้องเกิด คือศาลรัฐธรรมนูญต้องตัดสินตามรัฐธรรมนูญ เพื่อไม่ให้การทำผิดกลายเป็นบรรทัดฐานซ้ำซาก”
⸻
ไม่ใช่ “นิติสงคราม” แต่คือการปกป้องวินัยการเงินการคลัง
ท่ามกลางความพยายามตีความว่าเป็น ”นิติสงคราม“ เพื่อล้างบางฝ่ายตรงกันข้าม ชาญชัยยืนยันว่าเขาไม่มีธงการเมือง มีแต่ข้อเท็จจริงและกฎหมายรองรับ
“เราไม่ได้ต้องการล้มใคร…แค่ต้องการลงโทษคนผิด และไม่ให้ใครกล้าทำผิดแบบนี้อีก ไม่เช่นนั้นประเทศชาติบรรลัยแน่ ถ้าต่อไปมีการโยกเงินเป็นแสนล้านไปทำโครงการประชานิยม”
เขายืนยันว่า สิ่งที่ทำคือภารกิจตามกฎหมาย เพื่อไม่ให้วินัยการเงินการคลังถูกทำลายจากนักการเมืองที่เห็นแก่คะแนนเสียง
————
กฤษฎีกาก็ชี้แล้วว่า… เสี่ยงผิดชัดเจน
ในช่วงท้ายของบทสัมภาษณ์ ชาญชัยเผยว่า วันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้มีหนังสือตอบกลับไปยังสำนักเลขาธิการ ครม. ยืนยันชัดว่า:
“การอนุมัติงบประมาณต้องไม่มีการกระทำที่ขัดต่อมาตรา 144 ทั้งวรรคหนึ่งและวรรคสอง รวมถึง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง พ.ศ.2561 ตอกย้ำเตือนครม. หลังมีการร้องต่อ ป.ป.ช.เพื่อไม่ให้เกิดการทำผิดซ้ำ”
#ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #เที่ยงเปรี้ยงปร้าง #รัฐบาลแพทองธาร #แพทองธาร #มาตรา144 #ล้างกระดานการเมือง #วินัยการเงินการคลัง #โยกงบผิดรัฐธรรมนูญ #สสสวพ้นจากตำแหน่ง #ทางออกการเมืองไทย #การเมืองไทย #ยุบสภา