รศ.ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการและสื่อมวลชนอาวุโส วิพากษ์แนวคิดการเปิดบ่อนกาสิโนในประเทศไทยภายใต้ชื่อ “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ว่าเป็นเพียงการนำแนวคิดเก่ากลับมาปัดฝุ่นในยามที่รัฐบาลตกอยู่ในภาวะ “จนตรอก” ทั้งในแง่การเงินและสติปัญญา พร้อมชำแหละข้ออ้างสนับสนุนการเปิดบ่อนว่าเป็นการหลอกตัวเองและซ้ำเติมสังคม
“หากรัฐบาลไม่จนเงิน ก็จนตรอกทางปัญญา เป็นตัวชี้วัดระดับหนึ่งของความล้มเหลวในการบริหารประเทศ” — ดร.เจิมศักดิ์
ดร.เจิมศักดิ์ตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลมักหยิบยกแนวคิดบ่อนถูกกฎหมายขึ้นมาในเวลาที่ขาดรายได้ และพยายามอำพรางบ่อนในรูปของศูนย์รวมความบันเทิงที่ตั้งอยู่ใกล้สนามบินหรือเมืองใหญ่ ซึ่งเปิดโอกาสให้เฉพาะนักลงทุนรายใหญ่ที่มีเงินหลายแสนล้านบาท
ค้านข้ออ้าง “กระตุ้นเศรษฐกิจ” ชี้พนันไม่สร้างคุณค่า
เขาชี้ว่าแม้ธุรกิจการพนันจะมีเงินหมุนเวียนสูง แต่เป็นเพียงการโอนเงินจากคนหนึ่งไปอีกคนหนึ่ง ไม่ได้สร้างสินค้า บริการ หรือเพิ่มผลิตภาพให้ระบบเศรษฐกิจโดยรวม แตกต่างจากการลงทุนที่สร้างงานและกระตุ้นการผลิต
“เงินหมุนในบ่อน ไม่ต่างจากเปลี่ยนกระเป๋า ไม่ได้สร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจ”
นอกจากนี้ ดร.เจิมศักดิ์ยังเตือนถึงผลกระทบทางสังคม ทั้งการเสียเวลา โอกาส และการนำทรัพยากรมนุษย์ไปใช้ผิดทาง รวมถึงปัญหาอาชญากรรม ฟอกเงิน ความรุนแรงในครอบครัว และพฤติกรรมเสี่ยงอื่น ๆ
บ่อนถูกกฎหมายไม่ใช่ทางออกของบ่อนเถื่อน
ต่อข้ออ้างที่ว่าการเปิดบ่อนจะช่วยลดบ่อนเถื่อนนั้น ดร.เจิมศักดิ์ชี้ว่าไม่มีหลักประกันใดๆ ว่าบ่อนเถื่อนจะหายไป พร้อมยกตัวอย่างสลากกินแบ่งที่แม้จะมีรัฐบาลควบคุม แต่ “หวยใต้ดิน” และการพนันออนไลน์ก็ยังเฟื่องฟูอย่างต่อเนื่อง
เตือนบ่อนถูกกฎหมายเป็นช่องทางฟอกเงิน–คอร์รัปชัน
เขายังกล่าวถึงอันตรายที่บ่อนอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือฟอกเงิน และเป็นฐานผลประโยชน์ทางการเมือง โดยเตือนว่าอาจซ้ำรอยกรณีที่นักการเมืองเคยอ้าง “ได้รายได้จากการเล่นพนัน” เพื่อตบตาศาลในคดีทุจริต
ย้อนไปสมัยรัชกาลที่ 5 สั่งเลิกบ่อนเพราะมอมเมาประชาชน
บทความยังย้อนประวัติศาสตร์ว่าประเทศไทยเคยมีบ่อนถูกกฎหมายตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2 จนถึงรัชกาลที่ 6 แต่ในที่สุด “พระพุทธเจ้าหลวง” ทรงมีพระราชดำริให้เลิกบ่อน เพราะเห็นว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติและสังคม โดยพระราชหัตถเลขาที่ทรงบันทึกไว้ถึงกับระบุว่า
“ถ้าชาวบางกอกได้รู้ไปเล่นแล้วฉิบหายกันไม่เหลือ…ต้องห้ามทันที”
ปิดท้ายด้วยคำถามแทงใจนักการเมือง
ดร.เจิมศักดิ์ทิ้งท้ายด้วยคำถามตรงไปตรงมาถึงนักการเมืองที่ผลักดันนโยบายบ่อนบันเทิงครบวงจรว่า
“หากคนในครอบครัวท่านติดการพนัน…ท่านจะยังสุขสบายใจได้หรือไม่?”
พร้อมวิจารณ์ว่าเพราะ “เงินและผลประโยชน์” ทำให้เกิดความคิดแบบสองมาตรฐาน แยกคนในครอบครัวออกจาก “ประชาชน” ที่จะได้รับผลกระทบ
อ่านบทความต้นฉบับได้ที่ https://www.facebook.com/share/192T9otbv7/?mibextid=wwXIfr