“ผมว่าความคิดที่ว่าเสียงข้างมากถูกที่สุด มันเป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตยอย่างยิ่ง”
— ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล, ส.ส. พรรคประชาชน
กลางที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 3 เมษายน 2568 – เกิดเหตุการณ์ที่หลายคนกำลังจับตาว่า “จะซ้ำรอยประวัติศาสตร์หรือไม่” เมื่อรัฐบาลเสียงข้างมาก นำโดยพรรคเพื่อไทย ใช้เสียงโหวตเปลี่ยนวาระการประชุมอย่างกะทันหัน แทรกเรื่อง “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” หรือร่างกฎหมายกาสิโน ให้ขึ้นมาพิจารณาแทน “ญัตติแผ่นดินไหว” ที่ฝ่ายค้านเสนอเพื่อแก้ปัญหาสำคัญเร่งด่วนของประชาชน
⸻
เสียงข้างมาก…เพื่อใคร?
ฝ่ายค้านนำโดย ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ จากพรรคประชาชน แถลงหลังการแพ้โหวตว่า
“ญัตติแผ่นดินไหวเป็นเรื่องเร่งด่วนจริงๆ ประชาชนรอคำตอบอยู่ แต่รัฐบาลกลับแทรกญัตติกาสิโนขึ้นมาก่อน ทำให้สภาเสียเวลา สูญเสียความชอบธรรม”
ขณะทีี่ รังสิมันต์ โรม แฉตรง ๆ ว่า
“ส.ส. รัฐบาลแค่ไม่อยากอยู่สภาดึกๆ เลยรีบเปลี่ยนวาระ ก่อนที่ฝ่ายค้านจะได้อภิปราย”
คำอธิบายนี้ฟังดูเบา แต่ตีแสกหน้าหนักมาก เพราะมันบ่งชี้ว่าเสียงข้างมากในสภากำลังใช้อำนาจเพื่อ “จัดการเวลา” ให้เหมาะกับความสะดวกของฝ่ายตัวเอง มากกว่าจะให้ความสำคัญกับประเด็นที่กระทบประชาชนทั้งประเทศอย่างแผ่นดินไหว
⸻
ย้อนอดีต…เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
บรรยากาศนี้ไม่ต่างจากยุครัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ที่เสียงข้างมากถูกใช้เป็น “อาวุธทางการเมือง”
“สิ่งที่เคยเกิดในยุคทักษิณ…กำลังย้อนกลับมาในรูปแบบที่คุ้นเคย
• เพื่อแทรกวาระ
• เพื่อกลบเสียงข้างน้อย
• เพื่อเดินหน้านโยบายที่เอื้อตัวเองและพวกพ้อง
ฯลฯ
วันนั้น…เสียงข้างมากพังมาแล้ว
วันนี้…เสียงข้างมากกำลังจะ “ซ้ำรอย?”
วันนั้น…ฝ่ายค้านลุกขึ้นถามหาความโปร่งใส
วันนี้…ฝ่ายค้านถามว่า “เร่งกาสิโนเพื่อใคร?”
⸻
ดีลการเมือง หรือเจตจำนงของประชาชน?
พริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคประชาชน ตั้งคำถามว่า หากรัฐบาลอยากจริงจังกับนโยบายกาสิโน ทำไมไม่ใช้ช่วงปิดสมัยประชุมทำรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ให้รอบด้าน?
“ยิ่งรีบ ยิ่งน่าสงสัยว่า รัฐบาลยังไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะรองรับนโยบายนี้”
— พริษฐ์ วัชรสินธุ
ในขณะที่ประชาชนยังไม่มีข้อมูล
ในขณะที่ผลกระทบยังไม่ถูกประเมิน
ในขณะที่ญัตติที่สำคัญกับชีวิตผู้คนจริงๆ ถูกแทรกกลางทาง
หากการเร่งพิจารณา ”กาสิโน“ เกิดจากแรงกด
การผลักดันกาสิโนจึงดูไม่ต่างจาก “วาระเฉพาะกิจที่ทำตามดีล” มากกว่า “วาระเพื่อสาธารณะ”
⸻
ระบอบประชาธิปไตยแบบไหน ที่เสียงข้างมากแหกทุกอย่างได้?
บทสรุปที่น่าหวั่นใจที่สุดของวัน คือการได้ยินนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลบางคนพูดว่า
“เสียงข้างมากถูกที่สุดครับ”
ประชาธิปไตยไม่ใช่แค่การมี “เสียงมากกว่า” แต่คือการเคารพกระบวนการ ฟังเสียงข้างน้อย และกลั่นกรองทุกนโยบายด้วยเหตุผล
เมื่อเสียงมากถูกใช้โดยไม่ยั้งคิด
เมื่อญัตติแผ่นดินไหวถูกแทรกด้วยกาสิโน
เมื่อประชาชนถามหาเหตุผล…แต่คนในรัฐบาลยังตีมึน
เรากำลังอยู่ในสภาวะ “แดจาวู” ที่เสียงข้างมาก กลายเป็นอำนาจเบ็ดเสร็จอีกครั้ง
คราวนั้นจบลงที่ “ผู้นำไม่มีแผ่นดินอยู่”
แล้วคราวนี้ล่ะ…