ในขณะที่สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะบริเวณ “ช่องบก” จังหวัดอุบลราชธานี กำลังร้อนแรงขึ้นจากกรณีการปะทะกันระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย และผู้นำกัมพูชาประกาศในรัฐสภาว่าจะเดินหน้าให้นำข้อพิพาทนี้เข้าสู่การพิจารณาของศาลโลก ฝ่ายไทยกลับยังไม่มีท่าทีแข็งกร้าวเพียงพอที่จะสร้างแรงกดดันกลับ หรืออย่างน้อย “ทำให้กัมพูชาต้องเกรงใจ”
ลงนามความร่วมมือ 7 ฉบับ ก่อนสถานการณ์จะเดือด
เพียงเดือนเศษ (23เม.ย.68) ก่อนหน้าที่สถานการณ์ชายแดนจะปะทุขึ้น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ได้เดินทางเยือนกรุงพนมเปญอย่างเป็นทางการ พร้อมร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจและความร่วมมือกับรัฐบาลกัมพูชา จำนวน 7 ฉบับ ได้แก่:
1. บันทึกกรรมสิทธิ์และการบริหารสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชา
2. ความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมข้ามแดน
3. การพัฒนาศูนย์ฝึกแรงงานกัมพูชา-ไทย
4. ข้อตกลงการจ้างแรงงาน
5. ความร่วมมือด้านแรงงานและการจ้างงาน
6. การช่วยเหลือด้านวิชาการออกแบบถนนในฝั่งกัมพูชา
7. ความตกลงสร้างสะพานข้ามพรมแดนแห่งใหม่ ณ จุดผ่านแดนบ้านผักกาด อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี
ข้อตกลงเหล่านี้ล้วนสะท้อนความพร้อมของไทยในการ “ให้ความช่วยเหลือ” และ “อำนวยความสะดวก” ด้านเศรษฐกิจ แรงงาน ความเชื่อมโยงชายแดน และการพัฒนากับกัมพูชาอย่างเต็มที่ แม้ยังไม่มีความคืบหน้าชัดเจนจากฝั่งกัมพูชาในเรื่องที่ไทยเคยร้องขอ เช่น การร่วมมือในปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ หรือการควบคุมหมอกควันข้ามแดน
แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน…กัมพูชากลับเดินเกมรุก
หลังความร่วมมือชื่นมื่น กอดกันกลมผ่านไป ความสัมพันธ์ที่ดีเลิศระหว่างสองตระกูลผู้นำ กลับไม่ได้มให้ประโยชน์ต่อชาติอย่างที่ควรจะเป็น เมื่อเกิดเหตุปะทะที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี (28 พ.ค.68) กัมพูชาเล่นใหญ่เต็มที่ ดำเนินการอย่างเป็นระบบ เพียงหนึ่งสัปดาห์สมเด็จฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้ประกาศอย่างแข็งกร้าวในรัฐสภาว่า จะนำข้อพิพาทเข้าสู่กระบวนการศาลโลก พร้อมทั้งกล่าวหาว่าทหารไทยรุกล้ำเขตแดนกัมพูชา ทหารไทยเปิดฉากยิงก่อน ซึ่งสวนทางกับข้อเท็จจริงที่ฝ่ายไทยชี้ว่า ทหารกัมพูชารุกล้ำเข้ามาขุดคูเลต และเปิดฉากยิงทหารไทยก่อน
ไทยควรเดินหน้าอย่างไร เพื่อให้กัมพูชาต้องเกรงใจ?
สถานการณ์นี้ทำให้เกิดคำถามสำคัญว่า ไทยควรทบทวนยุทธศาสตร์หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาที่แข็งแกร่งของกัมพูชาหรือไม่?
โดยเฉพาะในประเด็นที่เรา “เป็นฝ่ายให้” แต่กลับไม่ได้รับความเกรงใจจากฝ่ายกัมพูชาเลย แถมในการประกาศไปศาลโลก ยังกล้าพูดว่าความร่วมมืออื่น ๆ ให้ดำเนินไปตามเดิม
ฝั่งกัมพูชาว่าอย่างนั้น…รัฐบาลไทยควรว่าตามหรือ?
หรือ…ต้องทบทวนข้อตกลงที่เพิ่งทำร่วมกันไปใหม่ อาทิ
• ทบทวนความร่วมมือเชิงให้เปล่า: ควรผูกความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน หรือแรงงาน เข้ากับการเจรจาทางการเมืองด้านเขตแดนอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างกลไกต่อรอง
• ชะลอความร่วมมือบางประการในระยะสั้น: โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงชายแดน หรือการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ให้กับกัมพูชา
ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาไม่ควรเป็นการเอื้อเฟื้อฝ่ายเดียว ในขณะที่กัมพูชายังเดินเกมรุกอย่างเป็นระบบ ก็ถึงเวลาแล้วที่ไทยต้องมี “กลไกสร้างแรงเกรงใจ” ไม่ใช่เพียง “แสดงความหวังดี” โดยไร้เงื่อนไข เพราะสิ่งที่ได้ตอบกลับมามันไม่คุ้มค่ากับคำว่า “มิตรภาพ”
#ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #ชายแดนไทยกัมพูชา #ทหารไทย #รักษาชายแดน #รัฐบาลแพทองธาร #ช่องบก #ศาลโลก #ความมั่นคง #ไทยกัมพูชา