“ผู้นำเรายังไม่กล้าทุบฮุน เซน อาจจะกลัวคลิปหลุดเพิ่ม แต่ถ้าไม่มีมาตรการเชิงรุกที่ชัดเจน กัมพูชาจะรุกล้ำเราหนักขึ้นเพราะคิดว่าเราอ่อนแอ”—รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ
————
ศึกชายแดนที่ยังยืดเยื้อ แม้รัฐบาลจะบอกว่า “ดีขึ้น”
แม้พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม จะตอบกระทู้ฝ่ายค้านในสภาฯ ด้วยน้ำเสียงมั่นใจว่า “มีสัญญาณที่ดีขึ้น” จากการติดต่อเพื่อนำไปสู่การเจรจาระดับทวิภาคี ซึ่งเดิมกัมพูชาปฏิเสธโดยสิ้นเชิง แต่รศ.ดร.ปณิธานกลับมองว่านั่นเป็นเพียงคำพูดจากฝ่ายไทยที่ยังไม่สะท้อนความจริงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
เพราะในขณะที่รัฐบาลไทยพยายามแสดงภาพสงบ ฮุน เซน ยังคงโจมตีไทยผ่านโซเชียลอย่างต่อเนื่อง
“สิ่งที่รัฐบาลควรดำเนินการเชิงรุกคือแข็งกร้าวกับฮุน เซนที่เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่นานาชาติก็เห็นพ้องในเรื่องนี้ เพื่อให้ฮุน เซนต้องลดความถี่ในการโพสต์ลง”
⸻
แยกฮุน เซน–ฮุน มาเนต: ยุทธศาสตร์แบ่งรุก–รับที่ไทยยังไม่ใช้
รศ.ดร.ปณิธานเสนอว่า รัฐบาลไทยควรปรับยุทธศาสตร์ให้ชัดเจน โดยแยกท่าทีต่อ “ฮุน เซน” กับ “ฮุน มาเนต” อย่างเด็ดขาด
“แข็งกร้าวกับฮุน เซน แต่สามารถเจรจากับฮุน มาเนต จะช่วยลดทอนความแปรปรวนตรงนี้ได้ คนไทยอาจสบายใจขึ้น”
อย่างไรก็ตาม เขาตั้งข้อสังเกตว่า สาเหตุที่ผู้นำไทยยังลังเลไม่กล้าเผชิญหน้าฮุน เซน อาจเป็นเพราะกลัวข้อมูลหรือคลิปที่พาดพิงบุคคลสำคัญจะถูกปล่อยออกมาเพิ่มเติม
⸻
สงครามประสาทเชิงเศรษฐกิจ: ใครยืนระยะได้นานกว่ากัน
ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไม่ใช่แค่เรื่องอธิปไตย แต่โยงถึงปากท้องของประชาชน โดยเฉพาะฝั่งกัมพูชาที่เดือดร้อนจากการจำกัดการเปิด–ปิดด่าน
“ปัญหาชายแดนไทยกัมพูชาจะยังยืดเยื้อไปอีก วัดกันที่ใครยืนระยะได้นานกว่ากัน…แต่ไทยน่าจะยืนระยะได้ดีกว่า ขณะเดียวกันก็ต้องมีมาตรการเร่งให้กัมพูชากลับสู่โต๊ะเจรจาโดยเร็ว”
แต่อาจารย์ปณิธานเตือนว่า ไทยไม่ควรแสดงท่าทีอ่อนข้อ เพราะจะเป็นช่องให้กัมพูชารุกคืบมากขึ้น
⸻
กลาโหมตั้งรับเกินไป – ยังไม่ใช่ “ยุทธศาสตร์ได้เปรียบ”
แม้การชี้แจงของรมช.กลาโหมจะทำให้สาธารณะเข้าใจท่าทีของรัฐบาลมากขึ้น แต่ในมุมมองของนักวิชาการด้านความมั่นคง กลับยังเห็นว่าไทยยังตั้งรับอยู่มาก
“ทั้งหมดยังคงเป็นการตั้งรับ ไม่ได้มีมาตรการที่จะทำให้ไทยได้เปรียบมากกว่าที่เป็นอยู่ และยังพูดถึงว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ชาวกัมพูชาได้รับผล กระทบ ซึ่งอาจทำให้มีข้อจำกัดในการสร้างแรงกดดันต่อกัมพูชาเพิ่มขึ้น”
⸻
กรณีกระสุนจากสหรัฐฯ – ส่งสัญญาณอ่อนแอโดยไม่รู้ตัว
ในสภาฯ ผู้นำฝ่ายค้านเปิดเผยว่ากองทัพไทยเคยขอสนับสนุนกระสุนจากสหรัฐฯ แต่รัฐบาลกลับแตะเบรกเรื่องนี้ ซึ่งรศ.ดร.ปณิธานมองว่า หากจริง ก็เป็นความผิดพลาดเชิงยุทธศาสตร์
“เราควรขอการสนับสนุนจากหลายประเทศ…ในยามวิกฤตมีความจำเป็นที่ต้องขอการสนับสนุน ถ้าไปห้ามหรือชะลออาจทำให้กัมพูชามองว่าเราไม่ตั้งใจใช้กำลังกดดันเขา จะทำให้เขารุกเข้ามาอีกเพราะเห็นว่าเราอ่อนแอ”
⸻
เรือดำน้ำจีน–กำลังพลไทย: เกมสมดุลมหาอำนาจ
ท่ามกลางภาวะอ่อนไหว ไทยมีความชัดเจนเรื่องจัดซื้อเรือดำน้ำจากจีนที่ค้างคามานาน ซึ่งอาจารย์ปณิธานมองว่า เป็นการส่งสัญญาณเชิงสมดุลกับการขอสนับสนุนด้านกำลังจากสหรัฐฯ ได้ พร้อมแนะนำว่ากองทัพยังต้องแสดงความเข้มแข็งเรื่องกำลังตามแนวชายแดน
“การจัดกำลังเข้าไปจะต้องเข้มแข็งมากขึ้น ยืนระยะให้ยาวขึ้น และต้องรีบกำหนดวันประชุม RBC ให้ได้”
⸻
ไร้รมว.กลาโหม–นายกฯ พักงาน: ช่องโหว่ที่กัมพูชาจับจ้อง
ในจังหวะที่ไทยไร้รมว.กลาโหมตัวจริง แถมนายกฯ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว กลายเป็นช่องโหว่ด้านความมั่นคงที่ฝ่ายตรงข้ามอาจฉวยโอกาส
“ถามว่าถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินต้องใช้กำลัง หรือเข้าสู่สมรภูมิสงครามใครสั่งการ? รักษาการสั่งรบได้หรือไม่…กัมพูชาก็จะมองว่าเราคลุมเครือและจะเกิดการฉวยโอกาสรุกล้ำเราเข้ามาในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ได้”
⸻
ถึงเวลานายกฯ ลาออก – ไม่ใช่ยุบสภา
แม้ในเชิงนโยบายฝ่ายพลเรือนยังไม่ชัดเจน รศ.ดร.ปณิธานย้ำว่ายังพออุ่นใจได้จากบทบาทของกองทัพที่รักษาความมั่นคงไว้ในระยะเปลี่ยนผ่าน แต่หากจะให้เกิดเสถียรภาพอย่างแท้จริง นายกฯ ต้องกล้าตัดสินใจทางการเมือง
“ทางออกที่สมเหตุสมผลในทางบริหารคือ นายกฯ ควรลาออกเพื่อเปิดทางให้เลือกนายกฯ คนใหม่ ที่มีความรู้ความสามารถ การเมืองจะมีความแน่นอนขึ้น เป็นทางเลือกที่ดีกว่าการยุบสภาที่ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามหรือสี่เดือน”
#ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #เที่ยงเปรี้ยงปร้าง #รัฐบาลแพทองธาร #กองทัพไทย #ปณิธานวัฒนายากร #ฮุนเซน #ฮุนมาเนต #ความมั่นคงของชาติ #ความมั่นคง #ลาออก #การเมืองไทย #ยุบสภา #ชายแดนไทยกัมพูชา