“พะยูน” สัตว์ทะเลหายากที่เปรียบเสมือน “นางเงือก” แห่งท้องทะเลไทย กำลังเผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่ ที่ส่งเสียงเตือนถึงความเสียหายของระบบนิเวศทางทะเลอย่างรุนแรง
ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเวศทางทะเล ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจว่า ในช่วง 3 วันแรกของเดือนธันวาคม 2567 มีพะยูนตายไปแล้วถึง 5 ตัว นับเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะเมื่อรวมกับสถิติการตายของพะยูนในปี 2566 และปี 2567 (จนถึงเดือนพฤศจิกายน) พบว่ามีพะยูนตายไปแล้วกว่า 80 ตัว! ตัวเลขที่สูงขึ้นนี้ สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่เรื้อรังและทวีความรุนแรงมากขึ้น
สาเหตุสำคัญที่ทำให้พะยูนตาย
◾ การเสื่อมโทรมของแหล่งหญ้าทะเล: หญ้าทะเล คือแหล่งอาหารหลักของพะยูน แต่ปัจจุบันแหล่งหญ้าทะเลกำลังถูกทำลายจากทั้งปัจจัยธรรมชาติและมนุษย์ เช่น ภาวะโลกร้อน การขุดลอกร่องน้ำ และกิจกรรมการประมง
◾ มลพิษทางทะเล: เช่น ขยะพลาสติก สารเคมี และน้ำเสีย ล้วนส่งผลกระทบต่อสุขภาพของพะยูน ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่างๆ
ผลกระทบจากการสูญเสียพะยูน
การสูญเสียพะยูน ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพทางทะเลเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเลโดยรวม รวมถึงเศรษฐกิจและสังคม เนื่องจากพะยูนเป็นสัตว์ที่ช่วยรักษาสมดุลของระบบนิเวศหญ้าทะเล ซึ่งเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ แหล่งอาหาร และแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ
วิกฤตพะยูนครั้งนี้ เป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนว่า เราต้องเร่งแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมทางทะเลอย่างจริงจัง และต้องดำเนินการในทุกระดับ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน โดย
◾ อนุรักษ์และฟื้นฟูแหล่งหญ้าทะเล: เช่น การปลูกหญ้าทะเล การควบคุมมลพิษ และการจัดการพื้นที่ชายฝั่งอย่างยั่งยืน
◾ ลดมลพิษทางทะเล: เช่น การลดการใช้พลาสติก การบำบัดน้ำเสีย และการควบคุมการปล่อยสารเคมีลงสู่ทะเล
◾ สร้างความตระหนักรู้: ให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับความสำคัญของพะยูน และระบบนิเวศทางทะเล เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการอนุรักษ์
◾ การบังคับใช้กฎหมาย: เอาจริงเอาจังกับการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองพะยูน และสิ่งแวดล้อมทางทะเล
วิกฤตพะยูน คือวิกฤตของทะเลไทย หากเราไม่ลงมือแก้ไขอย่างจริงจังในวันนี้ ในอนาคต เราอาจต้องสูญเสีย “นางเงือก” แห่งท้องทะเลไทยไปตลอดกาล