“กาสิNO” ไม่ใช่ทางรอดเศรษฐกิจ แต่คือหลุมดำซ้ำรอยกัมพูชา
เรียบเรียงจากบทสัมภาษณ์ในรายการ “เที่ยงเปรี้ยงปร้าง” ดำเนินรายการโดย “สมจิตต์ นวเครือสุนทร”
——-
ไทยกำลังจะซ้ำรอยกัมพูชา
“กาสิNO ในกัมพูชามีแต่นักลงทุนและตระกูลฮุน เซนที่รวย ส่วนประชาชนยังยากจนข้นแค้น ประเทศไทยกำลังเดินซ้ำรอยนั้น” — รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดฉากตอบโต้การขายฝันของรัฐบาลไทยที่เชื่อว่า “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” จะพาประเทศพ้นโลว์ซีซัน
โดยยกตัวอย่างนโยบายยกเว้นภาษีนำเข้าไวน์ ขยายเวลาวีซ่า และเลื่อนเวลาเปิดสถานบันเทิง ซึ่งล้วนไม่สามารถกู้การท่องเที่ยวได้จริง ตรงกันข้าม นักท่องเที่ยวต่างชาติก็ยังลดลง 3% ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ข้อมูลกระทรวงท่องเที่ยวก็สะท้อนว่า มาตรการเหล่านี้ “ไม่เวิร์ก” แล้วเหตุใดกาสิNOจะกลายเป็นพระเอกในนิยายเศรษฐกิจครั้งนี้?
ญี่ปุ่นไม่มีก็ยังโต—ฟาดกลับด้วยตัวเลขจริง
“ญี่ปุ่นยังไม่มีกาสิNO แต่นักท่องเที่ยวพุ่งขึ้นเกิน 25%หรือ 14.5 ล้านคนในช่วงสี่เดือนแรกของปีนี้ ส่วนไทยนักท่องเที่ยวต่ำกว่าเดิมในช่วงเวลาห้าเดือนที่ผ่านมาตัวเลขอยูที่ 14 ล้านคน” อาจารย์ชิดตะวันยกกรณีญี่ปุ่นซึ่งเคยประกาศจะสร้างกาสิNO ถึง 4 แห่ง แต่สุดท้ายถูกประชาชนต่อต้านจนสร้างได้เพียงแห่งเดียวที่โอซาก้า ทั้งโยโกฮามา วากายามา และนางาซากิ ถูกพับแผนหมด เพราะสังคมญี่ปุ่นเห็นชัดถึงภัยทางสังคมและอาชญากรรมที่จะตามมา
ลายพรางนโยบาย = เอื้อทุนต่างชาติ
ข้ออ้างเรื่องเม็ดเงินลงทุนกว่า 3 แสนล้านบาท หรือรายได้หลายหมื่นล้านเข้ารัฐ ก็ถูกอาจารย์ชิดตะวันตีตกว่าไม่มีหลักฐานรองรับ ที่ผ่านมานโยบายของรัฐบาลชุดนี้กลับเอื้อผลประโยชน์ให้กลุ่มทุนข้ามชาติ เช่น กรณียกเว้นภาษีไวน์จากเดิมสูงถึง 54-60% เหลือ 0% มีแต่ผู้นำเข้าและผู้ผลิตต่างประเทศได้ประโยชน์ ขณะที่รัฐสูญเสียรายได้
ที่น่าห่วงคือ ในร่างกฎหมายกาสิNO ยังไม่มีการระบุชัดว่า จะเก็บค่าธรรมเนียมใบอนุญาตเท่าใด (แม้จะตั้งเพดานไว้ 5,000 ล้านบาท) และไม่มีรายละเอียดอัตราภาษีอย่างโปร่งใส “ถ้าจะทำให้ประชาชนมั่นใจ ก็ควรกำหนดขั้นต่ำค่าธรรมเนียมไปเลยว่า 5,000 ล้านบาท รวมถึงระบุภาษีให้ชัดเจนด้วยว่ามีประเภทใดบ้าง” อาจารย์ชิดตะวันกล่าว พร้อมตั้งคำถามกลับว่า รัฐบาลไม่กล้าระบุชัด ๆ เพราะมีดีลกับนักลงทุนแล้วหรือไม่?
ภาพสะท้อนจากกัมพูชา—ใครรวย ใครจน
“ถ้าอยากเห็นอนาคตไทย ลองมองกัมพูชา” อาจารย์ชิดตะวันย้อนภาพตัวอย่างที่ใกล้ตัวที่สุด รีสอร์ตกาสิNO ในกัมพูชาเติบโตมานานกว่า 30 ปี ใจกลางกรุงพนมเปญ แต่ประชาชนกลับยากจนข้นแค้นเป็นแรงงานระดับล่าง
ผลศึกษาชี้ว่า รัฐบาลกัมพูชามีรายได้จากภาษีของรีสอร์ตกาสิNO เพียง 6% ของรายได้รวมทั้งระบบ ที่เหลือคือกำไรของนายทุนและกลุ่มการเมือง โดยเฉพาะตระกูลฮุน เซน
นอกจากนี้ ยังมีกรณีศาลกัมพูชาตัดสินจำคุกผู้นำแรงงานที่เรียกร้องค่าแรงในรีสอร์ตเหล่านี้ ขณะเดียวกัน การขยายตัวของธุรกิจนำไปสู่การขับไล่ชาวบ้านออกจากพื้นที่ ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า กาสิNO คือแหล่งฟอกเงิน และกลายเป็นขุมทรัพย์ของเครือข่ายการเมือง ไม่ใช่ของประชาชน
กฎหมายล่องหน – รายได้ลวงตา
“ไม่มีใครรู้ว่าเก็บภาษีเท่าไหร่ ไม่มีใครรู้ว่าเก็บค่าธรรมเนียมเท่าไหร่ แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่ารัฐจะได้ประโยชน์?” อาจารย์ชิดตะวันตั้งคำถาม พร้อมชี้ว่า รัฐบาลมักใช้ “ความยืดหยุ่น” มาเป็นข้ออ้างไม่กำหนดอะไรชัดเจน ซึ่งหากเทียบกาสิNOกับไวน์ที่เคยเก็บภาษีสูงแต่สุดท้ายเหลือ 0% แล้วกาสิNOจะจบแบบไหน?
อาจารย์ชิดตะวันยังฟาดแรงว่า ถ้าประเทศนี้จะกลายเป็นประเทศ “สีดำ” เพราะเปิดทางให้ธุรกิจสีเทาเติบโตในสภาพแวดล้อมที่ “ธรรมาภิบาลก็เทาเข้ม” ตามดัชนี CPI ที่ไทยอยู่ในอันดับ 107 ของโลก นี่คือเส้นทางที่เสี่ยงจะฉุดเศรษฐกิจ-ภาพลักษณ์ทั้งระบบพังทลายแบบย่อยยับ
บทเรียนเวียดนามก็ยังใช้ไม่ได้
สำหรับข้ออ้างว่าหลายประเทศ เช่น เวียดนาม กำลังเดินหน้ากาสิNO นั้น อาจารย์ ชิดตะวันระบุว่าเป็นการยกตัวอย่างที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงและเป็นเรื่องตลก เพราะเป็นแผนเดิมตั้งแต่ปี 2018 ไม่ใช่เรื่องใหม่
ถึงเวลาสังคมต้องลุกขึ้นถาม “กาสิNO เพื่อใคร?”
ท้ายที่สุดอาจารย์ชิดตะวัน ฝากข้อคิดสำคัญว่า
“คนไทยต้องมีจุดยืนชัดเจนเหมือนชาวญี่ปุ่น กดดันให้รัฐสภาไม่ผ่านกฎหมายฉบับนี้ และถ้าผ่าน ก็ต้องมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญตรวจสอบ เพราะนี่คือร่างกฎหมายที่อาจขัดรัฐธรรมนูญ”
เพราะหากปล่อยให้เกิดขึ้นโดยไร้กรอบคุมเข้ม ประเทศไทยอาจไม่ได้แค่พลาดโอกาสทางเศรษฐกิจ…แต่จะสูญเสียอนาคตทั้งประเทศในระยะยาว
#ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #กาสิNO #กาสิโน #กาสิโนถูกกฎหมาย #ไม่เอากาสิโน #ทุจริตคอร์รัปชัน #คัดค้านกาสิNo #มูลนิธิหยุดพนัน