คนไทยเริ่มเห็นตัวเลข “3.98 บาทต่อหน่วย” บนหน้าข่าว พร้อมคำประกาศว่ารัฐบาลสามารถลดภาระค่าไฟลงได้แล้วในรอบเดือนพฤษภาคม แต่เมื่อเปิดบิลจริงกลับต้องจ่ายเกือบเท่าเดิม
รสนา โตสิตระกูล อธิบายว่า ตัวเลข 3.98 บาทนั้น “ไม่ใช่ตัวเลขจริงของประชาชน” เพราะเป็นค่าเฉลี่ยรวมกลุ่มผู้ใช้ไฟภาคอุตสาหกรรมที่จ่ายไฟในอัตราต่ำกว่าบ้านอยู่อาศัย ซึ่งประชาชนจริง ๆ แล้วจ่ายอยู่ที่ 4.24 บาทต่อหน่วย และถ้ารวม VAT จะเป็น 4.50 บาท
⸻
“ลดค่าไฟยั่งยืน ต้องลดไขมันที่ไม่จำเป็น”
รสนาระบุว่า หนทางลดค่าไฟฟ้าให้ได้จริง ต้องไม่ใช่แค่ใช้กลไกชั่วคราว แต่ต้อง “ตัดไขมันส่วนเกิน” ออก เช่น ค่าค่าแอดเดอร์ ซึ่งหากตัดได้ จะช่วยลดค่าไฟได้อีก 12 สตางค์ทันที
เธอเสนอว่า รัฐควรหยุดซื้อไฟฟ้าราคาแพงจากโรงไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ และหันมารับซื้อไฟจากประชาชนทั่วไปผ่านโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จากหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) แทน
⸻
เมื่อประชาชนผลิตไฟได้เอง…แต่รัฐไม่ซื้อ
รสนายกตัวอย่างจากประสบการณ์ส่วนตัวว่า บ้านของเธอติดโซลาร์ขนาด 2.8 กิโลวัตต์ และผลิตไฟได้ 8–12 หน่วยต่อวัน ส่งกลับเข้าระบบประมาณ 120 หน่วยต่อเดือน แต่ “ไม่ได้ค่าตอบแทนอะไรเลย” เพราะรัฐไม่เปิดรับซื้อไฟจากประชาชนทั่วไป
ทั้งที่ในทางกลับกัน รัฐกลับเปิดรับซื้อไฟจากโซลาร์ฟาร์มของกลุ่มทุนรายใหญ่ปีละหลายพันเมกะวัตต์ เช่น ปีล่าสุดรับซื้ออีกกว่า 2,400 เมกะวัตต์ แต่ให้โควตาประชาชนเพียง 10 เมกะวัตต์ ซึ่งรองรับได้แค่ 2,000 หลังคา ถ้ารับซื้อ 100 เมกะวัตต์ จะรองรับได้เพิ่ม 20,000 หลังคา หรือเพิ่มเป็น 200,000 หลังคาถ้าเพิ่มเป็น 1,000 เมกะวัตต์
“ลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ให้ประชาชนแบบนี้เห็นผลทันที รัฐไม่ต้องเสียเงินอุดหนุน แต่ทำไมไม่ทำ?”
⸻
ภูมิใจไทย “พูดแล้วไม่ทำ”…หรือยังไม่กล้าทำ?
รสนาหยิบยกนโยบาย “ติดโซลาร์ฟรี” ของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งเคยหาเสียงไว้ในปี 2566 ว่าจะช่วยลดค่าไฟให้ประชาชน 450 บาทต่อหลังคา/เดือน แต่ผ่านมา 2 ปี รอยเท้านโยบายกลับเลือนหาย
เธอถามตรงถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรค และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่กำกับดูแลการไฟฟ้าฯ โดยตรงว่า
“มีข่าวว่าจะพ้นตำแหน่ง ก่อนไปต้องทิ้งทวนทำตามสัญญา พรรคคุณบอกว่า พูดแล้วทำ กล้าทำมั้ย? ถ้าทำไม่ได้จริง ก็ควรเปิด Net Metering ให้ประชาชนผลิตและฝากไฟเข้าสายส่งได้ จะช่วยลดรายจ่ายทันที และไม่ใช่แค่พรรคภูมิใจไทยแต่ทุกพรรคควรผลักดันสิ่งนี้”
⸻
อย่าทำให้พลังงานแสงอาทิตย์กลายเป็นของกลุ่มทุน
อีกเรื่องที่รสนาแสดงความเป็นห่วงคือ ร่างกฎหมายส่งเสริมพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งอาจถูกชะงัก หากมีการปรับคณะรัฐมนตรีแล้วนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หลุดจากตำแหน่ง รมว.พลังงาน
“แม้ชื่อกฎหมายจะดูดี แต่เนื้อหาที่กรมพัฒนาพลังงานทดแทนฯ เสนอประกบกลับไม่ได้ส่งเสริมประชาชนเลย กลายเป็นการออกกฎหมายเพื่อกีดกันมากกว่า”
⸻
ข้ออ้าง “ไฟดับ” กับการบิดเบือนพลังงานหมุนเวียน
ช่วงท้าย รสนายังตั้งข้อสังเกตถึงการที่บางฝ่ายหยิบกรณีไฟดับในสเปน–โปรตุเกส มาโจมตีพลังงานหมุนเวียนว่าไม่เสถียร ทั้งที่ปัญหาแท้จริงอาจอยู่ที่ระบบสายส่งไม่มั่นคง
เธอย้อนความหลังถึงเหตุการณ์ไฟดับใน 14 จังหวัดภาคใต้เมื่อปี 2556 ซึ่งขณะนั้นระบบผลิตไฟฟ้าหลักพึ่งพาก๊าซธรรมชาติกว่า 80% ก็ยังดับได้ โดยอ้างว่าฟ้าผ่าสายส่ง
“เป็นการฉวยโอกาสของเจ้าของโรงไฟฟ้าฟอสซิล เพื่อสกัดพลังงานหมุนเวียนที่กำลังเติบโต”
⸻
ส่งท้าย: ถึงเวลาตั้งคำถามต่อ “ผู้มีอำนาจ”
“ทำไมพอได้อำนาจถึงไม่กล้าทำตามที่หาเสียงไว้? หรือเพราะปล่อยให้ประชาชนผลิตไฟเองแล้วกลุ่มทุนจะรีดเลือดจากปูไม่ได้?”
รสนาทิ้งท้ายว่า ถ้าประชาชนไม่ลุกขึ้นเรียกร้อง รัฐบาลก็จะยังเฉย เพราะสิ่งที่เดิมพันอยู่ไม่ใช่แค่เรื่องไฟฟ้า แต่คือ โอกาสของประชาชนในการพึ่งพาตนเอง
#ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #ค่าไฟเป็นธรรม #แชร์บิลดูจริง #พลังงานเพื่อทุกคน #NetMeteringNow